ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1107+1108
บทที่ 1107 หนีไป 4
กะลาสีนิ่งอึ้ง ร้องเสียงหลง “ท่านไม่ใช่ซย่าปู้อี้! ท่านเป็นใคร?”
ที่แท้หัวหน้าที่กู้ซีจิ่วแปลงโฉมผู้นี้ชื่อซย่าปู้อี้ ตอนนี้เธอคร้านที่จะแสดงอีกต่อไปแล้ว “ไม่ต้องสนว่าข้าเป็นใคร ขับเรือของเจ้าต่อไป! มิเช่นนั้นข้าจะฆ่าเจ้าเสีย!”
คนผู้นั้นหน้าขาวซีด เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวมาก แต่เขาไตร่ตรองได้ว่าพวกกู้ซีจิ่วไม่รู้ทักษะการเดินเรือ ดังนั้นจึงหักใจข่มขู่ออกไป “ท่านฆ่าข้าเสียเถิด! ข้าตายไปพวกท่านก็ไปไหนไม่รอด! เรือนี้มีเพียงข้าที่ขับได้ อีกทั้งอากาศภายในเรือลำนี้ก็มีจำกัด หากเกินหนึ่งชั่วยาม มันจะหมดสิ้นไปโดยสมบูรณ์…”
กู้ซีจิ่วทอดถอนใจ “ขอบคุณที่เจ้าบอกข้ามากมายถึงเพียงนี้ ข้าเลื่อมใสคนที่ไม่เกรงกลัวต่ออำนาจมาแต่ไหนแต่ไร ในเมื่อเจ้ามุ่งมั่นขอรับความตาย เช่นนั้นข้าก็ทำได้เพียงช่วยให้เจ้าสมหวัง” เธอพลันส่งมือไปด้านหน้า
เลือดกระฉูดจากคอคนผู้นั้น ดวงตาเบิกโตที่จ้องมองกู้ซีจิ่วค่อยๆ ปิดลง สิ้นใจแล้วยังไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหตุใดจึงใจกล้าเยี่ยงนี้
เดิมทีหลงซือเย่กำลังคิดการบางสิ่งอยู่ แต่การกระทำของกู้ซีจิ่วรวดเร็วเกินไป เขาไม่ทันได้ห้ามปราม “เธอฆ่าเขา พวกเราก็หมดหนทางเดินเรือแล้ว…”
กู้ซีจิ่วก้าวไปยืนตรงหน้าแผงควบคุมแล้ว “วางใจเถอะ ฉันขับเป็นแล้ว ไม่ต้องใช้เขาอีก”
เพราะเหตุการณ์ในครั้งนี้ เดิมทีเรือโคลงเคลงอย่างรุนแรง เคราะห์ดีที่กู้ซีจิ่วกดปุ่มแต่ละปุ่มด้วยความรวดเร็ว ผ่านไปครู่หนึ่ง เรือนั้นก็แล่นไปด้านหน้า
หลงซือเย่นิ่งอึ้ง อัจฉริยะ! ตัวเขาเองก็นับว่าปราดเปรื่องยิ่งแล้ว แต่กู้ซีจิ่วปราดเปรื่องยิ่งกว่า ฉลาดหลักแหลมจนเข้าขั้นพิสดาร ทักษะการเดินเรือที่สลับซับซ้อนเธอยังเรียนรู้ได้รวดเร็วปานนี้!
เครื่องส่งสัญญาณเตือนบนเรือดังปี๊บๆ ตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่าหากไม่ย้อนกลับไป เสียงสัญญาณเตือนนี้จะดังต่อไปไม่หยุด
กู้ซีจิ่วระคายหูยิ่งนัก จึงทุบกำปั้นไปทีหนึ่ง ในที่สุดก็ได้โล่งหูเสียที
เคราะห์ดีที่เส้นทางออกจากที่นี่มีเพียงเส้นทางเดียว แค่กู้ซีจิ่วบังคับเรือให้แล่นไปตามทางลาวานี้ก็เรียบร้อยแล้ว
แรกเริ่มเธอยังบังคับเรือไม่ค่อยชำนาญนัก ขับเรือคดไปเคี้ยวมาเล็กน้อย แต่หลังจากขับไปได้ครึ่งนาที เธอก็เทียบชั้นกับกะลาสีมือดีคนนั้นได้แล้ว ขับได้อย่างรวดเร็วและมั่นคง
สิบนาทีต่อมา ในที่สุดเรือลำนั้นทะลวงออกมาจากก้นบึ้งลาวา พวกกู้ซีจิ่วได้ยลท้องฟ้าที่ไม่ได้พบเจอมานาน!
เรือจอดเทียบท่าอย่างรวดเร็ว กู้ซีจิ่วกับหลงซือเย่ไม่รอช้า เปิดห้องโดยสารเรือออกแล้วกระโจนขึ้นฝั่งทันที…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าร่างกายตัวเองไม่สู้ดีตั้งแต่ออกมา!
สถานที่แห่งนี้ไม่เพียงร้อนดังเพลิงเผาไหม้ ยังมีกลุ่มเมฆหนาแน่นจากเถ้าธุลีภูเขาไฟ ยามเธอออกมาก็ร้อนจนเหงื่อโซมกาย ไอติดต่อกันอยู่หลายครา
เนื่องจากเขม่าที่นี่หนาแน่นเกิน ทัศนวิสัยก็พร่ามัวยิ่งนัก กู้ซีจิ่วไม่กล้าเคลื่อนย้ายในพริบตาสุ่มสี่สุ่มห้า เพื่อป้องกันไม่ให้เคลื่อนย้ายเข้าไปในลาวา ในขณะที่กำลังคิดหาทางหนี หลงซือเย่ฉุดมือเธอไว้ “ฉันจำทางได้ ตามฉันมา!”
ตอนแรกที่ถูกควบคุมตัวมาที่นี่ เขายังคงมีภาพจำอยู่รางๆ
เขาจับมือกู้ซีจิ่วเตรียมจะใช้วิชาตัวเบาโผนทะยานไป กู้ซีจิ่วกลับพลิกมือจับเขาไว้
สีหน้าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย สายตาจ้องมองเธอ “เธอ…ยังไม่เชื่อใจฉัน?”
กู้ซีจิ่วขัดจังหวะเขา “คุณบอกทางมา ฉันจะพาคุณเคลื่อนย้ายในพริบตา แบบนี้รวดเร็วกว่า!”
หลงซือเย่โล่งใจ ไม่พูดพร่ำทำเพลงอีก “ตกลง!” ทั้งสองร่วมมือกัน พริบตาเดียวก็พลันหายวับไปจากที่เดิม
รอจนหลงฟั่นระดมคนโดยสารเรือลำอื่นมา ก็พบเพียงเรือเล็กลอยละล่องอยู่กลางลาวาพร้อมกับศพกะลาสีคนนั้น ไม่เห็นแม้แต่เงาของคนทั้งสองบนเรือ
หลงฟั่นกำหมัด วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาของกู้ซีจิ่วช่างเป็นสิ่งที่สวรรค์ประทานให้ใช้หลบหนีโดยแท้ รวดเร็วเสียยิ่งกว่าโบยบิน อีกทั้งขอแค่นางขึ้นจากฝั่งได้ วิชาเคลื่อนย้ายของนางก็จะไม่ถูกควบคุมอีกต่อไป สามารถใช้งานได้สมดังใจ หากคิดจะไล่ล่าอีกครั้งคงยากยิ่งแล้ว…
———————————————————-
บทที่ 1108 เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นจิ้งจอก
เขาเดินดูโดยรอบเรือลำนั้น พร้อมทิ้งซากศพกะลาสีลงในลาวา จากนั้นเขาเห็นเครื่องส่งสัญญาณเตือนที่ถูกทุบจนบุบ จากคราบเลือดบนเรือสันนิษฐานได้ว่ากู้ซีจิ่วยึดครองเรือได้เมื่อใด…
เขายังพบกระดาษหนึ่งแผ่นที่มุมหนึ่งของห้องโดยสารเรือ ด้านบนใช้เลือดของกะลาสีเขียนประโยคที่เปี่ยมด้วยพลังหนึ่งบรรทัดว่า ‘ข้าจะกลับมาแน่!’
หลงฟั่นจ้องกระดาษแผ่นนั้นที่ไม่รู้ว่าเป็นการแสดงอำนาจหรือแจ้งเตือน ขณะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก็รู้สึกเลื่อมใสสาวน้อยคนนี้อยู่บ้าง ถึงขั้นภาคภูมิใจในตัวเองด้วยซ้ำ
สมกับเป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดของเขา ไม่เพียงเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวเช่นสุนัขจิ้งจอก ยังปราดเปรื่องจนน่ากลัว…
ดูเหมือนว่าหนีไปแล้วแม่นางน้อยจะเบิกบานใจเสียเหลือเกิน จึงทิ้งข้อความไว้ให้เขาบรรทัดหนึ่ง…
หากแต่ฟ้าลิขิตให้แม่นางน้อยหนีไม่พ้น เพราะเขาติดตั้งจีพีเอสไว้ภายในร่างกายของเธอแล้ว เขาสามารถหาตำแหน่ง และจับตัวเธอกลับมาได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรเสียท่านเจ้าเพิ่งออกไปไม่นาน ปล่อยให้แม่นางน้อยได้ใจอีกสักหนึ่งถึงสองชั่วยาม ไม่ต้องรีบร้อน
หลงฟั่นยกมุมปากยิ้มบางๆ ‘เสี่ยวซีจิ่ว เธอหนีไม่พ้นเงื้อมมือของพ่อหรอก!’
เขาพลันตั้งตารอคอย รอคอยว่าสาวน้อยจะมีปฏิกิริยาอย่างไรเมื่อเห็นเขาโบยบินลงมาจากฟากฟ้า…
หากให้ใครคนหนึ่งซึ่งเดิมทีกำลังผิดหวังถูกจับได้ เธอคงมึนงง หรืออาจจะรู้สึกโล่งใจด้วยซ้ำ
แบบนั้นคงจะไม่สาแก่ใจ ต้องปล่อยให้เธอเข้าใกล้ความสำเร็จมากที่สุดแล้วจัดการในคราวเดียว ถึงจะโจมตีเธอได้หนักหน่วงที่สุดและจำฝังใจ
แม่นางน้อยผู้นี้ทำลายเรื่องดีๆ ของเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาเสียเปรียบอยู่หลายครา ถึงแม้เขาเอ็นดูเธอ ทว่าก็ควรให้บทเรียนที่โหดร้ายกับเธอเสียบ้าง จะได้รู้จักลดวาราศอก!
เขาไม่คิดจะแจ้งท่านเจ้า เพื่อไม่ให้ท่านเจ้าจิตใจวอกแวก ตอนนี้ท่านเจ้ากำลังทำการใหญ่ซึ่งเกี่ยวพันกับว่าเหล่ามารจะปกครองใต้หล้าได้หรือไม่ ไม่อาจทำให้ใจไม่สงบเพราะผู้หญิงคนเดียว อีกอย่างเขาก็เชื่อมั่นว่าเขาจะจับสาวน้อยกลับมาได้
เขาหลุบตาลงเล็กน้อย หยิบสิ่งของที่คล้ายกับเข็มทิศขึ้นมา ก่อนเริ่มการเหนี่ยวนำค้นหาตำแหน่งของกู้ซีจิ่ว เห็นด้านบนปรากฏจุดสีแดงของเธอซึ่งกำลังเคลื่อนที่อย่างบ้าระห่ำ เห็นได้ชัดว่าเธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาอยู่บ่อยครั้ง ยามนี้ เคลื่อนย้ายออกจากเขาลูกนี้ไปแล้ว…
เขาแน่นิ่ง เพียงคอยท่าอยู่เงียบๆ ไปไล่ล่าขณะเธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายอยู่บ่อยครั้ง เห็นทีจะไม่ฉลาด รอจนเธอคิดว่าปลอดภัย หยุดการเคลื่อนย้ายในพริบตาแล้วค่อยไล่ล่าก็ยังไม่สาย วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาสิ้นเปลืองพลังวิญญาณยิ่งนัก เธอต้องตอนที่เหนื่อยจนไม่อาจเคลื่อนย้ายได้!
เขาเหมือนแมวที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด รอให้เหยื่อหลบหนี เมื่อใดที่เหยื่อจะหนีไปได้ก็ค่อยตะครุบ…
ที่นี่คือภูเขาไฟซึ่งยังปะทุอยู่ ไร้ซึ่งผู้คนโดยรอบในระยะร้อยลี้ เขาจึงไม่กลัวว่าหลังจากกู้ซีจิ่วออกไปแล้วจะติดต่อขอความช่วยเหลือ หนึ่งคือเธอไม่มีเครื่องมือติดต่อสื่อสารใดติดตัว ต่อให้อยากติดต่อใครก็ไม่มีทางเป็นไปได้ สองคือเธอสูญเสียความทรงจำในชาตินี้ไปแล้ว น่าจะจำตี้ฝูอีไม่ได้อีก อีกทั้งยังจำสหายเหล่านั้นไม่ได้ เธอคงไม่รู้ว่าจะไปหาใครดี นอกเสียจากว่าเธอจะแสร้งทำเป็นสูญเสียความทรงจำ…
คนที่น่าจะเปิดเผยความลับได้ก็มีแต่หลงซือเย่ เขาเป็นถึงเจ้าสำนักถามสวรรค์ เมื่อออกไปได้แล้วต้องส่งข่าวให้กับบริวารเป็นอย่างแรก ไม่แน่ยังอาจหาหนทางแจ้งเตือนตี้ฝูอีด้วย
แต่เขาเพิ่งทำร้ายกู้ซีจิ่ว เล่นงานจนเธอบาดเจ็บสาหัสเกือบถึงแก่ชีวิต เกรงว่าตี้ฝูอีคงอยากฆ่าเขาให้ตาย ไยจะมาเชื่อคำพูดของเขา?
จากข่าวที่ท่านเจ้าได้รับมา ยามนี้ตี้ฝูอีหยุดพักอยู่ในเมืองใหญ่รุ่งเรืองห่างไกลออกไปเป็นพันลี้ มีผู้ทรงศีลสองคนที่เขาส่งออกมาสืบเสาะหาร่องรอยมาร
—————————————————-