ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1115+1116
บทที่ 1115 ต่อไปเธอจะทำได้
พนักงานที่อยู่ด้านข้างคนนั้นรีบช่วยไกล่เกลี่ย “จะเป็นไปได้ยังไงขอรับ? คุณชายท่านนี้กตัญญูถึงเพียงนี้ จะโมโหท่านผู้เฒ่าได้อย่างไรกัน? อันว่าคนสูงวัย ล้วนเป็นเช่นนี้ๆ คุณชาย ด้านล่างมีห้องที่สงบอยู่ ให้ผู้น้อยพาท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าสักหน่อยไหมขอรับ?”
ทั้งหัวทั้งหน้าของหลงฟั่นเต็มไปด้วยน้ำแกง ว่ากันตามเหตุผลแล้วควรจะชำระล้างจัดการเสียหน่อย แต่คนผู้นี้ระมัดระวังเป็นพิเศษ ไม่คิดจะออกห่างกู้ซีจิ่วเลยสักก้าว ดังนั้นจึงยกมือร่ายวิชาทำความสะอาดตัวเองคราหนึ่ง หลังจากแสงสีขาวสายหนึ่งวาบผ่าน ร่างเขาก็หมดจดเหมือนใหม่
วิชาความสะอาดมีเพียงผู้ฝึกตนที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นแปดขึ้นไปถึงจะใช้ได้
ถึงแม้เมืองนี้จะไม่เล็ก แต่ผู้ฝึกตนระดับสูงกลับมีไม่มาก ผู้ที่สามารถใช้วิชาทำความสะอาดได้ยิ่งมีอยู่เพียงหยิบมือเท่านั้น นานเท่าไหร่แล้วที่ไม่ได้พบพานเลยสักท่าน พนักงงานคนนั้นเบิกตากว้างสีหน้าตกตะลึง
หลงฟั่นหรี่ตาลงนิดๆ ฝ่ามือพลันกดลงบนไหล่ของพนักงานคนนั้น “ลำบากเจ้าแล้ว”
พนักงานคนนั้นหน้าซีดเผือดในทันใด ร้องไม่ออกทรุดลงไปอย่างอ่อนแรง
กู้ซีจิ่วคาดไม่ถึงว่าเขาจะไม่พูดพร่ำทำเพลงอะไรก็สังหารคนเลย “คุณจะทำอะไร?!”
หลงฟั่นตอบด้วยสีหน้าไม่หือไม่อือ “เขารู้มากเกินไปแล้ว” พลางดีดปลายนิ้วไปที่ร่างของพนักงานคนนั้น ควันสีชมพูกลุ่มหนึ่งห่อหุ้มพนกงานคนนั้นไว้ เมื่อควันสลายไป พนักงานคนนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย เห็นได้ชัดว่าถูกควันสีชมพูนั้นกร่อนสลายไปแล้ว
คนเป็นๆ ผู้หนึ่งหายไปเช่นนี้ กู้ซีจิ่วเม้มริมฝีปากไม่พูดอะไรอีก
หลงฟั่นปัดไม้ปัดมือ มองเธอแวบหนึ่ง “ซีจิ่ว ชาติก่อนเธอก็ฆ่าคนไปไม่น้อย คงไม่ใช่ว่าตอนนี้จู่ๆ ก็มีจิตเมตตาปานพระโพธิสัตว์ขึ้นมากระมัง?”
กู้ซีจิ่วเอ่ยด้วยเสียงเยียบเย็น “ฉันไม่เคยฆ่าผู้บริสุทธิ์!”
หลงฟั่นมองเธออย่างลุ่มลึกแวบหึ่ง พูดด้วยน้ำเสียงอบอุ่น “ต่อไปเธอจะทำได้”
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา ทราบว่าเขาคิดจะชุบเลี้ยงให้ตนกลายเป็นดาบของเขา บุกตะลุยไปทั่วหล้าเพื่อเขา
คนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่ได้ภักดีต่อโม่เจ้าผู้นั้นอ่างแท้จริง ไม่แน่เขาอาจมีใจทะเยอทะยานของตนด้วยเช่นกัน
กู้ซีจิ่วสัมผัสได้รางๆ ว่าบางทีหลงฟั่นผู้นี้อาจไม่ธรรมดา…
ขณะที่เธอกำลังใคร่ครวญอยู่ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงที่ค่อนข้างโหวกเหวกดังแว่วมาจากด้านล่าง ผ่านไปครู่หนึ่ง พนักงานอีกคนก็วิ่งขึ้นมาพร้อมกับเด็กน้อยคนหนึ่ง มองเข้ามาในห้องส่วนตัวแวบหนึ่ง ตะลึงไปครู่หนึ่ง “จางวั่งมิได้อยู่ที่นี่หรือ?”
ชัดเจนยิ่งนัก พนักงานที่ถูกหลงฟั่นสังหหารไปเมื่อครู่นามว่าจางวั่ง ลูกน้องที่อยู่ข้างกายของหลงฟั่นตอบกลบประโยคหนึ่ง “จางวั่งหลิววั่งอันใดกัน ไม่เห็น”
“จางวั่งก็คือพนักงานร่างเตี้ยที่มาปรนนิบัติท่านลูกค้าผู้นั้น” พนักงานคนนั้นยิ้มสู้ “ภรรยาของเขาป่วยหนัก ลูกชายของเขาเลยมาตามเขา เถ้าแก่ก็อนุมัติให้ลาหยุดแล้วขอรับ”
เด็กน้อยวัยแปดเก้าขวบผู้นั้นสีหน้าร้อนรน ใบหน้าน้อยๆ แดงก่ำ “พวกท่านอาที่ชั้นล่างบอกว่า ท่านพ่อขงอข้ารับใช้ผู้สูงศักดิ์อยู่ที่นี่ ท่านแม่ข้าป่วยหนักมาก…”
ลูกน้องทั้งสองของหลงฟั่นตอบอย่างไม่มีน้ำอดน้ำทน “บอกว่าไม่อยู่ที่นี่ก็คือไม่อยู่ที่นี่ พวกเจ้าไปตามหาที่อื่นเถอะ”
พนักงานคนนั้นกับเด็กน้อยผู้นั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก หันหลังจากไป ด้านนอกมีเสียงเปิดปิดบานประตูแว่วเข้ามา เห็นได้ชัดยิ่งว่าพนักงานคนนั้นกำลังพาเด็กน้อยไปตามหาจนทั่ว เพียงแต่พวกเขาหาไม่พบเลย
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ชั้นล่างก็มีเสียงร่ำไห้ของเด็กน้อยคนนั้นแว่วขึ้นมา “ท่านพ่อไปไหนกันแน่? ท่านแม่ข้ายังรอให้เขาพาไปหาหมออยู่ที่บ้านนะ…”
หัวใจกู้ซีจิ่วหนาวเหน็บ
คนธรรมดาเหล่านี้ในสายตาของหลงฟั่นบางทีพวกเขาอาจเปรียบเสมือนมดปลวก บี้ส่งๆ ก็ตาย แต่สำหรับครอบครัวของผู้ตายแล้ว กลับเป็นโลกทั้งใบของพวกเขา สังหารส่งเดชคราหนึ่ง ทำลายไปหนึ่งครอบครัว…
หลงฟั่นมองดูเธอ “ใจอ่อนเหรอ? นึกไม่ถึงว่านักฆ่าอย่างเธอก็ใจอ่อนเป็นเหมือนกัน” เขาหัวเราะเบาๆ คราหนึ่ง “โลกนี้ผู้อ่อนแอเป็นเหยื่อของผู้แข็งแกร่ง เคารพผู้แข็งแกร่งเป็นเรื่องที่เป็นไปตามครรลอง ทำให้คนฉลาดอยู่รอดบนโลกนี้ได้ ส่วนคนธรรมดาพวกนี้ อันที่จริงพวกเขาไม่มีแม้แต่คุณสมบัติที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ มีชีวิตอยู่ก็เปลืองทรัพยากร เปลืองอาหาร…”
———————————————————
บทที่ 1116 เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
กู้ซีจิ่วอึ้งเล็กน้อย “นี่คือเหตุผลที่คุณสร้างมนุษย์โคลนนิ่งขึ้นเหรอ?”
“การโคลนนิ่งเป็นแค่ปัจจัยหนึ่ง ที่ฉันต้องการทำคือการปรับปรุงพันธุกรรม ทำให้คนฉลาดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อาจปล่อยให้คนชั้นต่ำพวกนี้มีมากจนกลบคนฉลาดได้…”
เวรเอ้ย นี่มันตรรกะป่วย! เหมือนตรรกะป่วยๆ ของนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่อง!
ดูเหมือนคนผู้นี้ไม่ใช่แค่อยากเป็นผู้ปกครองโลกใบนี้ซะแล้ว แต่คิดจะเป็นพระเจ้าผู้สร้างมนุษย์! ความคิดน่าพรันพรึงยิ่งกว่าฮิตเลอร์เสียอีก!
นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องนั้นไม่น่ากลัว แต่นักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องที่ถูกแนวคิดของฮิตเลอร์ล้างสมองสิถึงจะน่ากลัว หากปล่อยให้เขาได้ครอบครองโลกใบนี้ แบบนั้นสิถึงจะเป็นโลกาวินาศของจริง! บางทีโม่เจ้าผู้นั้นอาจไม่ใช่ตัวการหลัก ตัวการหลักที่แท้จริงน่าจะเป็นผู้อาวุโสหลงฟั่นคนนี้…
กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขา มองทิวทัศน์ด้านนอกไปเรื่อย
หลงฟั่นมองเงาร่างด้านข้างของเธอ แววตาสาดแสงเล็กน้อย
จู่ๆ เขาก็สำนึกเสียใจขึ้นมา เสียใจที่ไม่ได้ลบความทรงจำทั้งหดของกู้ซีจิ่ว ถ้าเป็นแบบนั้นเธอจะเป็นเหมือนทารกแรกเกิด ยอมให้เขาอบรมสั่งสอนเติบโตแบบที่เขาคาดหวัง มิใช่มีดีมีชั่วของตัวเช่นนี้ และไม่เป็นปฏิปักษ์ต่อเขาเหมือนในยามนี้
บางทีหลังจากเขากลับไปแล้วอาจจะวิจัยตัวยาที่ลบความทรงจำไปอย่างสมบูรณ์ได้ ค่อยๆ ใช้กับเธอ…
เขาแอบวางแผนอยู่ในใจ ทว่าใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์
กู้ซีจิ่วกำลังมองด้านนอกไปเรื่อยเปื่อยยู่ทันใดนั้นเธอก็สัมผัสถึงบางอย่างด้ หัวใจเต้นแรงขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เธอเหลือบมองส่งๆ แวบหนึ่ง เห็นว่าในห้องของอาคารที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารหลังนี้ มีคนเข้าไปแล้ว
ฝั่งนั้นมีม่านมุกโปร่งใสแขวนอยู่ ในรอยแยกของม่านมุก กู้ซีจิ่วมองเห็นคนสองคน คนที่คุ้นเคยสองคน…
เป็นอิงเหยียนนั่วที่สูงโปร่งกับ ‘กู้ซีจิ่ว’
จู่ๆ หลงฟั่นก็กุมข้อมือเธอไว้ ยิ้มน้อยๆ “ซีจิ่ว ทิวทัศน์ของที่นี่ไม่เลวเลยกระมัง?”
กู้ซีจิ่วไม่พูดอะไร
สายตาของหลงฟั่นจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเธอ ทันใดนั้นก้นึกเสียใจที่ให้เธอแปลงโฉม ตอนนี้เธอมีรอยตีนกายับย่น ต่อให้สีหน้าแปรเปลี่ยนก็มองไม่ออก
เขารู้ว่ายามปกติกู้ซีจิ่วจะทำการอย่างสุขุมเยือกเย็นนัก คิดจะทำให้เธอเสียกริยาน่าจะยากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์ เพียงแต่ถ้าหากเธอไม่ได้สูญเสียความทรงจำ ด้วยความรู้สึกที่เธอมีต่อตี้ฝูอี พอพบเห็นเขา ต่อให้ทำเป็นเรียบเฉยไร้อารมณ์ อย่างน้อยหัวใจก็คงเต้นรัวบ้างกระมัง?
แต่ไม่มีเลย! น้ำเสียงเธอราบเรียบมั่นคง อัตราหัวใจก็ไม่เร็วขึ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้รับแรงกระตุ้นอะไร ดูเหมือนความทรงจำของเธอจะไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาจริงๆ
เดี๋ยว ไม่ถูกสิ ตี้ฝูอีที่เป็นอิงเหยียนนั่วในยามนี้ กู้ซีจิ่วก็คงจะไม่รู้เหมือนกัน
ไม่ทราบเช่นกันว่าหลงฟั่นโล่งอกหรือว่าผิดหวังเล็กน้อย อันที่จริงเขายังคงชอบชมละครเป็นที่สุด หากทำให้กู้ซีจิ่วที่มีความทรงจำอยู่มาเห็นฉากนี้เข้าไม่รู้ว่าเธอจะเป็นยังไงกัน?
เขาเกรงว่ากู้ซีจิ่วจะตะโกนออกมา ดังนั้นขณะที่เขากุมข้อของกู้ซีจิ่วไว้ก็ถือโอกาสสกัดจุดใบ้เธอไปด้วย ทำให้เธอส่งเสียงไม่ได้เลย
ตี้ฝูอีผู้นั้นเจ้าเล่ห์เกินไป มักจะขุดหลุมดักผู้อื่นอยู่เสมอ เขาต้องระมัดระวังอย่างยิ่ง เลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุขึ้น
เขามองไปทางตี้ฝูอีครู่หนึ่ง มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
ไม่รู้ว่ารูปโฉมในยามนี้ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ใช่รูปโฉมที่แท้จริงของเขาหรือไม่ ดูสง่างามยิ่งนัก ซ้ำยังคลั่งรักอีกด้วย ธาตุไฟเข้าแทรกจนกลายเป็นเด็ก ก็ยังอยู่ข้างกายกู้ซีจิ่ว…
หลงฟั่นเป็นหมอชั้นเลิศอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เป็นธรรมดาที่จะมองสีหน้าคนได้ เขามองออกว่าใบหน้าของตี้ฝูอีมีเค้าความเจ็บป่วยอยู่รางๆ พลังยุทธ์อยูที่ประมาณพลังวิญญาณขั้นเก้า เขากับอูอู๋เหยียนนั่งอยู่หน้าโต๊ะที่ติดหน้าต่าง สงคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเขาน่าจะเป็นผู้คุ้มกันทั้งสองของเขา…
อูอู๋เหยียนเล่นละครได้ไม่เลวเลย ทุกอากัปกริยาเหมือนกู้ซีจิ่วไม่มีผิด เพียงแต่อย่างไรเสียก็เพิ่งบาดเจ็บสาหัสมา
——————————————————–