ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1177+1178
บทที่ 1177 มรสุมพิธีสมรส 4
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง
เลือดไหลอาบหน้าอกของโม่เจ้า แม้แต่ริมฝีปากยังมีเลือดไหลออกมา
ร่างกายของเขาสั่นเทา ปิ่นทองปักผมเปื้อนเลือดหนึ่งอันร่วงหล่นจากบริเวณบาดแผลที่หน้าอก ตกลงสู่พื้นเสียงดังแกร๊ง
เห็นได้ชัดมากว่า เมื่อสักครู่กู้ซีจิ่วลอบทำร้ายเขาด้วยปิ่นทองนี้ ปิ่นยาวประมาณครึ่งฉื่อ เจาะทะลวงเข้าไปในหัวใจเขา ทำให้ใบหน้าของเขาซีดเผือด
หากเป็นคนธรรมดาคงสิ้นชีพไปทันทีเมื่อถูกโจมตีเช่นนี้ ทว่าโม่เจ้าไม่ใช่คนธรรมดา เขายังคงยืนได้อย่างมั่นคง และยังพูดได้ “กู้ซีจิ่ว ที่แท้เจ้าแสร้งความจำเสื่อม! ปิ่นทองนี้…มาจากที่ใดกัน?”
โม่เจ้าสงสัยยิ่งนัก ไม่ว่าเขาทำอะไรก็มักจะตัดไฟแต่ต้นลมเสมอ ดังนั้นถึงแม้รู้ดีแก่ใจว่ากู้ซีจิ่วสูญเสียความทรงจำแล้ว ทั้งหัวใจมีแต่เขา เขาก็ไม่อยากให้ตัวนางมีสิ่งของใดที่ใช้เป็นอาวุธได้ พิธีมงคลสมรสคราวนี้ รัดเกล้าที่นางสวมใส่บนศีรษะงดงามตระการตา ล้วนทำมาจากไข่มุกที่ร้อยเรียง ไม่มีสิ่งใดแหลมคม แม้แต่ปิ่นปักผมขนาดครึ่งชุ่นยังไม่มี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงปิ่นปักผมยาวครึ่งฉื่อนี้เลย
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วเยาะยิ้ม ไม่ได้ตอบกลับ เธอไม่ได้มีหน้าที่ไขข้อข้องใจให้กับเขา
ความจริงแล้วเธอฟื้นคืนความทรงจำได้ตั้งแต่ตื่นนอนตอนเช้า จากนั้นจึงตัดสินใจวางแผนตลบหลัง ฉวยโอกาสขโมยปิ่นปักผมบนศีรษะของข้ารับใช้นางนั้นตอนตนสะดุดล้ม
ข้ารับใช้นางนั้นชอบปักปิ่น บนศีรษะนางมีปิ่นอยู่สี่ถึงห้าอัน หากหายไปหนึ่งคงไม่รู้ตัว
สายตาของโม่เจ้าหันไปมองตี้ฝูอี “ทั้งที่บนตัวเจ้ายังมีตรวนสลายวิญญาณอีกสองเส้น…”
ตี้ฝูอีอมยิ้ม “เจ้าลองมองดูสิ่งที่ทะลวงฝ่ามือของเจ้าสิ”
โม่เจ้าโดนลอบทำร้ายติดต่อกันหลายครั้ง เจ็บปวดทั้งขาและหัวใจ จนลืมความเจ็บปวดที่มือไปแล้ว เมื่อตี้ฝูอีพูดเขาจึงนึกขึ้นได้
เขายกมือขึ้นโดยสัญชาตญาณ และพบกุญแจประกายเย็นเยือกในฝ่ามือดอกนั้น…
กุญแจดอกนั้นเป็นกุญแจที่ปลดตรวนสลายวิญญาณบนตัวตี้ฝูอี
สายตาของโม่เจ้ามองไปที่กู้ซีจิ่วทันใด “เจ้าขโมยกุญแจนี้ไปให้มันงั้นรึ?”
“ถูกต้องแล้ว” กู้ซีจิ่วบอกเขาสามคำ เธอทำทีเป็นจูงมือโม่เจ้า ฉวยโอกาสตอนนิ้วมือประสานกัน กระตุกกุญแจในแขนเสื้อเขาออกมา จากนั้นแสร้งเดินสะดุดล้ม อาศัยตอนที่เกือบโผเข้าสู่อ้อมกอดตี้ฝูอี ใส่กุญแจลงในแขนเสื้อของอีกฝ่าย
ทักษะอันแคล่วคล่องว่องไวของนาง ไม่มีผู้ใดสัมผัสได้เลยจริงๆ มืออาชีพเสียยิ่งกว่านักย่องเบาอาชีพ โม่เจ้าไม่รู้สึกอะไรเลย…
และตี้ฝูอีก็มีความรู้สึกว่ากุญแจนั้นสัมผัสแขนของตน
กุญแจเย็นเยียบ ทว่าหัวใจเขากลับร้อนรุ่ม ณ ตอนนั้น…
โม่เจ้ากล่าวสิ่งใดไม่ออก ถึงแม้เขาเป็นคนสุขุมเยือกเย็นมาแต่ไหนแต่ไร ทว่าผู้ที่ใช้กลอุบายต่อหน้าต่อตาเขาก็ยังมีเพียงกู้ซีจิ่วคนเดียว ที่น่าโมโหยิ่งกว่าก็คือ นางทำสำเร็จแล้ว!
เด็กสาวคนนี้แท้จริงแล้วกลับชาติมาเกิดอย่างไรกันแน่? ปราดเปรื่อง กล้าหาญ อีกทั้งแสดงได้สมบทบาท….
ทั้งที่เขารู้ลักษณะนิสัยเฉพาะของนาง กลับถูกนางหลอกเข้าอีกครั้ง! ทั้งยังเป็นการลวงหลอกที่โหดร้ายเพียงนี้!
บาดแผลที่หน้าอกของเขาเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ ทำให้เบื้องหน้าของเขาค่อนข้างพร่ามัว…
เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว พลันยิ้มอย่างเยือกเย็น “ฝีมือของพวกเจ้าไม่เลว ร่วมมือกันได้เข้าขานัก หากแต่ตอนนี้เจ้าอยู่ในฐานลับของข้า เจ้าลอบทำร้ายข้าแล้วคิดว่าจะออกไปจากที่นี่ได้หรือ? ใครก็ได้ จับตัวพวกเขาเอาไว้!”
ถึงตอนนี้ คนทั้งห้องโถงเพิ่งจะตอบสนอง รายล้อมกันเข้ามา…
กู้ซีจิ่วเคลื่อนย้ายในทันใด โฉบผ่านข้างกายคนสองคนไป!
เธอใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตา ทั้งสองคนนั้นไม่ทันได้เตรียมป้องกัน เมื่อตอบสนอง อาวุธในมือก็ถูกกู้ซีจิ่วช่วงชิงไปเสียแล้ว!
เมื่อกู้ซีจิ่วกลับไปอยู่ข้างกายตี้ฝูอีอีกครั้ง ในมือของเธอก็มีกระบี่เพิ่มขึ้นมาสองเล่ม
————————————————
บทที่ 1178 มรสุมพิธีสมรส 5
เธอแบ่งให้ตี้ฝูอีหนึ่งเล่ม ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา “พวกเราหาทางฝ่าออกไปกัน!”
เธอเองก็รู้ว่าการกระทำในตอนนี้อันตรายยิ่งนัก แต่ว่าเธอไม่สนใจอะไรแล้ว!
หนึ่งคือเธอไม่อยากกราบไหว้ฟ้าดินกับโม่เจ้า ต่อให้เสแสร้งแกล้งทำก็ไม่ได้ เธอทำใจปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปไม่ได้
ประการที่สองคือเธอรู้ว่าเมื่อพิธีสมรสเสร็จสิ้นลง โม่เจ้าจะจัดการกับตี้ฝูอีอย่างแท้จริง! เธอมีเวลาวางแผนการทั้งหมดนี้ไม่มาก ทำได้เพียงค่อยๆ คิดค่อยๆ แก้ไปทีละเปลาะ
สวรรค์มีตา พริบตาที่เธอฟื้นคืนความทรงจำ ยังนึกถึงสิ่งที่ตี้ฝูอีทุ่มเททำเพื่อเธอได้ หัวใจเธอร้อนรุ่ม ความทุกข์ใจระคนอบอุ่นใจเอ่อท่วมท้น เขาไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ยินยอมเป็นตัวประกันของโม่เจ้าเพื่อเธอ ทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่เป็นเวลานาน เช่นนั้น เหตุใดเธอจะไม่ยอมเสี่ยงชีวิตนี้เพื่อช่วยเขาบ้างเล่า?!
เคราะห์ดีที่ความทรงจำของเธอฟื้นกลับมาได้ทันเวลา!
เธอแทบไม่กล้าจินตนาการว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้างหากความทรงจำกลับมาไม่ทันเวลา ได้ร่วมหอลงโรงกับโม่เจ้า และตี้ฝูอีเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธออีกครั้ง ตอนนั้นต่อให้เธอทำเช่นไรก็มิอาจนำทุกอย่างกลับคืนมาได้แล้ว!
โชคดีที่เธอตื่นขึ้นมาก็ยังไม่นับว่าสายเกินไป ยังมีความหวังที่จะเอาทุกอย่างกลับคืนมาได้
เธอคอยหาจังหวะตลอด วางแผนการทั้งหมดอย่างเยือกเย็น เพียงแค่รอให้โอกาสนี้มาถึง
เมื่อสักครู่ เธอใช้ปิ่นปักผมแทงทะลุหลอดเลือดหัวใจโม่เจ้า เธอรู้จุดแม่นยำ แต่เกรงว่าจะแทงไม่ลึกพอ หลังจากแทงเข้าไปแล้ว ยังพยายามหาโอกาสซัดฝ่ามือเข้าไปอีกที ให้ปิ่นปักผมฝังเข้าไปจนมิดด้าม
เธอแทงทะลุหลอดเลือดของเขา ทั้งยังลึกขนาดนั้น ยามนี้คาดไม่ถึงว่าโม่เจ้ายังไม่มีทีท่าว่าจะล้มลง ซ้ำทั้งยังออกคำสั่งให้ฝูงชนต่อสู้ได้อีก
ความจริงแล้วโม่เจ้าจัดพิธีมงคลสมรสครั้งนี้อย่างใหญ่โต เพื่อชดเชยเรื่องแขกภายนอก เกือบทุกคนภายในวังใต้พิภพล้วนมากันพร้อมหน้าพร้อมตาไม่น้อยกว่าสามร้อยกว่าคน
พลังวิญญาณของคนเหล่านี้ไม่ต่ำต้อย หากต่อสู้กันขึ้นมา ตนเองและตี้ฝูอีคงไม่ใช่คู่มือพวกเขาเป็นแน่…
แต่แล้วอย่างไรเล่า?
ขอเพียงเธอและเขาอยู่ด้วยกัน ถึงแม้ต้องตายตกไปตามกันก็ไม่เป็นไร!
ฆ่าสองคนก็เท่าทุน ฆ่าสี่คนก็กำไร!
กู้ซีจิ่วคาดการณ์จากความสามารถตนในตอนนี้ มั่นใจอย่างยิ่งว่าจะต่อสู้ได้สิบกว่าคน
ส่วนตี้ฝูอี…
เขาถูกตรึงด้วยตรวนสลายวิญญาณมาเป็นเวลานาน พลังวิญญาณในตัวคงถูกทำลายไปเจ็ดแปดส่วนแล้ว ตอนนี้เขายืนอยู่ข้างกายเธอได้โดยที่เธอไม่ต้องอุ้ม ไม่ต้องประคอง กู้ซีจิ่วก็พึงพอใจมากแล้ว ย่อมไม่คาดหวังให้เขามาต่อสู้
เมื่อทุกคนตีวงล้อมเข้ามา เธอเอียงหน้าพูดกับตี้ฝูอี “เดี๋ยวเจ้าตามติดข้ามา”
สายตาตี้ฝูอีพลันวูบไหว ก่อนพยักหน้า “ได้!”
เธอยังไม่วางใจ “เจ้ายืนไหวหรือไม่? ให้ข้าแบกเจ้าไปไหม?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า เขาเข้มแข็งยิ่งนัก “ข้าไหว ไม่ต้องแบกข้า” เขาพิจารณานางอีกหลายครา “ซีจิ่ว เจ้าเหมือนจะเลื่อนขั้นแล้ว”
กู้ซีจิ่วเองกลับไม่รู้ตัว “หา?”
ตี้ฝูอีกล่าว “ดูจากฝ่ามือเมื่อสักครู่ของเจ้า เจ้าบรรลุพลังวิญญาณขั้นแปด วิญญาณทะลวงขั้นแล้ว”
เมื่อครู่กู้ซีจิ่วมัวแต่ตื่นเต้นจนไม่ทันได้สังเกตจุดนี้ ทว่าเธอรู้สึกว่าตนเองตัวเบากว่าก่อนมากจริงๆ เธอสะบัดแขน โคจรพลังวิญญาณ ปลายแหลมของกระบี่วิเศษในมือมีลำแสงขาวสว่างไสวพวยพุ่งออกมาสามฉื่อ…
เธอเบิกตากว้าง “ขั้นแปดแล้วจริงๆ ด้วย!” เธอเลิกคิ้ว ความมั่นใจเพิ่มมากขึ้น
ฝ่าออกไปได้หรือไม่ได้นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง พลังเธอเพิ่มมากขึ้น เช่นนั้นแพะรับบาปในการต่อสู้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นแล้ว…
“เด็กน้อย เจ้าสร้างปาฏิหาริย์แล้ว! หลับตื่นเดียวบรรลุสองขั้น!”
———————————————–