ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1179+1180
บทที่ 1179 ข้าจะเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่ด้านข้าง
“เด็กน้อยเจ้าสร้างปาฏิหาริย์แล้ว! หลับตื่นเดียวบรรลุสองขั้น!” ตี้ฝูอีดูปรีดายิ่งนัก ยื่นมือไปสางผมให้กู้ซีจิ่ว ก่อนนางจะหลับไปพลังวิญญาณอยู่ที่ขั้นหกชัดๆ พอตื่นขึ้นมาพลังวิญญาณกลับบรรลุขั้นแปดแล้ว แค่นอนก็ได้ชัยโดยแท้…
หัวใจกู้ซีจิ่วสั่นไหวเล็กน้อย ในความฝันเธอพยายามพุ่งชนกำแพงบานหนึ่งอย่างสุดชีวิต เหมือนว่าพุ่งๆ อยู่ก็มีแสงพวยพุ่งออกมา…
หรือว่าตอนนั้นเป็นการฝ่าทะลวงขั้น?
“จับตัวพวกเขา!” โม่เจ้าเห็นพวกเขาพะเน้าพะนอกันก็ขัดตายิ่งนัก ออกคำสั่งทันที!
ฝูงชนแห่กันเข้าไปล้อม ตี้ฝูอีพิงไหล่กู้ซีจิ่วกวาดตามองรอบข้างแวบหนึ่งหัวเราะเบาๆ “นี่พวกเจ้าจะเป็นหมาหมู่หรือ?”
ฝูงชนเงียบงัน
ตี้ฝูอีหัวเราะอีกครา “พวกเจ้าทุกคนก็เคยเป็นอัจฉริยะของแผ่นดินมาก่อน ตอนนี้คนสองสามร้อยคนคิดจะรุมแม่นางน้อยเพียงคนเดียวงั้นรึ? ช่างเป็นชายชตรีที่ห้าวหาญยิ่งนักโดยแท้!”
ท่ามกลางผู้คนในที่นี่ยังคงมีอยู่หลายคนที่ต้องการจะแสดงความสามารถต่อหน้าท่านเจ้า อีกทั้งพวกกู้ซีจิ่วทั้งคนที่พวกเขาจะรังแกคนหนึ่งเป็นเด็กสาว คนหนึ่งเป็นบุรุษที่บาดเจ็บที่แม้แต่ยืนก็ยืนแทบไม่อยู่แล้ว…
มีคนสองคนกระโจนออกมาในทันใด หนึ่งถือดาบอีโต้ หนึ่งถือลูกตุ้มดาวตก ดูน่าเกรงขามอย่างยิ่ง
“ท่านเจ้า พวกเราสองพี่น้องขออาสาขอรับ!”
สองคนนี้เป็นพี่น้องกัน เคยเป็นมารร้ายชื่อกระฉ่อนของทวีปนี้ สังหารคนโหดเหี้ยมไร้ปรานี ยามที่พเนจรอยู่ด้านนอกพังวิญญาณบรรลุขั้นหกแล้ว ต่อมาเนื่องจากก่อกรรมชั่วมากเกินไป ถูกมู่เฟิงลูกน้องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายออกคำสั่งจับกุม พวกเขาไร้หนทางหลบหนี ถูกหลงฟั่นรับไว้ที่นี่ เนื่องจากหลงฟั่นใช้ตัวยาพัฒนายกระดับพวกเขา ภายในระยะสั้นๆ เพียงสองปี ระดับพลังวิญญาณก็บรรลุถึงขั้นแปดแล้ว ถือเป็นผู้มีความสามารถของตำหนักใต้ดินแห่งนี้เช่นกัน
โดยเฉพาะเมื่อทั้งสองออกโรงพร้อมกัน อย่าว่าแต่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้เลย ต่อให้เป็นด้านนอก ก็ทำให้วีรบุรุษผู้กล้าทั้งแผ่นดินปวดเศียรเวียนเกล้าได้
“นี่ พวกข้าสองคน พวกเจ้าก็สองคน สู้กันเช่นนี้พวกเจ้าก็ไม่เสียเปรียบแล้วกระมัง?” ปลายดาบของคนที่ใช้ดาบยักษ์ผู้นั้นแทบจะชี้โดนจมูกของตี้ฝูอีแล้ว
ตี้ฝูอีเอียงคอมองกู้ซีจิ่ว “เด็กน้อย สองคนนี้เจ้าจัดการไหวหรือไม่?”
กู้ซีจิ่วทราบว่ายามนี้ร่างกายเขาอ่อนแอ เธอยังคงเข้าอกเข้าใจผู้อื่นเป็นอย่างดี “ไม่มีปัญหา เจ้าสองตัวนี้ไม่คู่ควรให้ท่านลงมือหรอก ข้าคนเดียวก็กำราบได้แล้ว!”
ตี้ฝูอีพยักหน้านิดๆ “เยี่ยมมาก ข้าจะเป็นกำลังใจให้เจ้าอยู่ด้านข้างนะ” พลางถอยหลังไปเล็กน้อย ยืนพิงเสาต้นหนึ่ง
ฝูงชนที่ห้อมล้อมอยู่เงียบงัน…
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไร้คุณธรรมเกินไปแล้วกระมัง?! ให้แม่นางน้อยของบ้านอื่นออกไปเป็นเบี้ยรับเคราะห์แทนตนเช่นนี้
อันใดคือไม่คู่ควรให้เขาลงมือ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าอ่อนแรงจนไม่อาจลงมือได้แล้ว…
ฝูงชนก็คิดว่าสองคนนี้หนีไม่พ้นแล้ว ดังนั้นจึงชมเรื่องครื้นเครงฉากนี้อย่างรื่นเริง พุ่งออกไปรอบด้าน ทำให้ตรงกลางเหลือพื้นที่ขนาดใหญ่ ให้สามคนนั้นได้สู้กัน
พี่น้องคู่นั้นไหนเลยจะเห็นกู้ซีจิ่วอยู่ในสายตา?
พ่นลมออกจากจมูกดังฮึ “แม่นางน้อย เจ้าสละชีพบูชารัก ทว่าผู้อื่นกลับใช้เจ้าเป็นเบี้ยรับเคราะห์ เจ้าโง่หรือไง?! เจ้า…”
กล่าววาจายังไม่ทันจบกู้ซีจิ่วก็เอ่ยขัดทันที “ข้าชมชอบ! ข้ายินดี! พล่ามเหลวไหลอันใดมากมาย?! ลงมือเถิด!”
สองพี่น้องคู่นั้นตะลึง
“นังเด็กตัวเหม็น ในเมื่อเจ้าไม่รู้ดีรู้ชั่วเช่นนี้ ถ้างั้นก็อย่าหาว่าพวกข้าไม่เกรงใจ! ถึงเจ้าจะเป็นฮูหยินที่ท่านเจ้าตกแต่งสู่ขอ แต่เมื่อเจ้าทรยศท่านเจ้าเช่นนี้ อย่างไรก็ต้องให้เจ้าได้รับบทเรียน…”
ในที่สุดสองพี่น้องก็ถืออาวุธพุ่งเข้าไปสังหาร…
เนื่องจากถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นเจ้าสาวในวันนี้ ดังนั้น…
————————————————————————————-
บทที่ 1180 บุปผาพิฆาตที่แสนเย็นชา
เนื่องจากถึงอย่างไรกู้ซีจิ่วก็เป็นเจ้าสาวในวันนี้ ดังนั้นเริ่มแรกที่สองพี่น้องลงมือจึงยังเหลือหนทางถอยให้เธออยู่ พยายามจับเป็นเธอ ไม่เล่นงานให้ถึงตาย
พวกเขาสองคนสอดประสานไร้ช่องว่าง เมื่อสำแดงกระบวนท่าออมาก็ดุเดือดไม่เป็นสองรองใคร แสงทักษะสว่างเจิดจ้าจนแยงตาผู้คน ไม่ทราบว่ามีวีรบุรุษมากน้อยเพียงใดที่เคยเสียเปรียบครั้งใหญ่ด้วยน้ำมือของพวกเขา ตกตายสิ้นสิ้นชีพไป
พวกเขานึกว่าสามารถจบการต่อสู้ได้ภายในหนึ่งเค่อ จะทำให้กู้ซีจิ่วบาดเจ็บแล้วจับเป็น จากนั้นค่อยจับตัวตี้ฝูอีที่ยืนพิงเสาชมเรื่องครื้นเครงอยู่ด้านข้าง กลับนึกไม่ถึงว่าสิ่งที่พวกเขาคาดเดาไว้ในตอนต้นกลับไม่จบลงอย่างที่คาดไว้
การต่อสู้จบลงภายในหนึ่งเค่อจริงๆ เพียงแต่ท้ายที่สุดแล้วผู้ที่นอนเป็นศพอยู่บนพื้นคือสองพี่น้องคู่นั้น
ในการต่อสู้ครั้งนี้กู้ซีจิ่วที่ดูนุ่มนิ่มบอบบางเพียงแต่ผมยุ่งเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนอื่นไม่บุบสลายเลย เธอถึงขั้นที่ยังสวมชุดแต่งงานที่รุ่มร่ามชุดนั้นอยู่เลย
มงกุฎหงส์อันนั้นที่เดิมทีสวมอยู่บนศีรษะเธอถูกเธอถอดทิ้งไปแล้ว
นี่ยังไม่ได้พูดถึงเรื่องที่เธอดึงไข่มุกทั้งหมดออกมาจากมงกุฎหงส์ ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ ในสถานการณ์คับขัน ไข่มุกเหล่านี้ได้กลายเป็นอาวุธลับทำร้ายคนของเธอ ตอนที่ต่อสู้เมื่อครู่นี้ เธอสบช่องดีดไข่มุกออกไปสองเม็ด เม็ดหนึ่งพุ่งทะลุอกของพี่ชายดาบยักษ์ เม็ดหนึ่งระเบิดดวงตาของน้องชายลูกตุ้มดาวตก…
กระบวนท่าที่เธอสำแดงไม่ฉูดฉาดบาดตา แต่ข้อได้เปรียบที่ใหญ่ที่สุดก็คือความเร็ว! สายฟ้าแลบก็ไม่เพียงพอจะใช้อธิบายความเร็วของเธอ ยามที่สู้อยู่เมื่อครู่นี้ ฝูงชนที่มุงดูอยู่เห็นเพียงภาพติดตาที่เธอเดินผ่านเท่านั้น…
ยามที่สองพี่น้องคู่นั้นทรุดลงบนพื้นสิ้นชีพนัยน์ตาเบิกโพลง ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์แทบจะกลั้นหายใจกันหมด สายตาที่มองกู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนอย่างสิ้นชิง
หลายวันมานี้กู้ซีจิ่ววิ่งไปวิ่งมาอยู่ในตำหนักใต้ดินแห่งนี้มาโดยตลอด ทุกวันจะร้องเรียก ‘พี่โม่’ ‘พี่โม่’ อยู่ไม่ขาดปาก ดูสดใสไร้เดียงสา น่ารักยิ่งนัก
เดิมทีทุกคนนึกว่านางเป็นเพียงบุปผาเปราะบางดอกหนึ่ง กลับนึกไม่ถึงว่าพอความทรงจำของนางกลับมาจะกลายเป็นบุปผาพิฆาตที่แสนเย็นชาดอกหนึ่ง!
การต่อสู้ครั้งนี้กู้ซีจิ่วปลิดชีพไปสามคน
มีสองคนที่ท้าประลองกับเธอ และมีอีกคนที่ฉวยโอกาสตอนเธอต่อสู้พัวพันไปที่ด้านหลังเสาหมายจะลอบโจมตีตี้ฝูอี ถูกกู้ซีจิ่วเห็นเขา พาหยุหมุนลูกหนึ่งวนผ่าน สังหารคนผู้นั้นตายคาที่!
ยามที่ธุลีตกถึงพื้น กู้ซีจิ่วก็ยืนอยู่ข้างกายตี้ฝูอีแล้ว ไอสังหารบนร่างแผ่อบอวล ยามที่เธอหันกลับไปมองตี้ฝูอีกลับถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านเป็นยังไงบ้าง? เมือกี้ไอ้สารเลวนั่นได้ทำร้ายท่านหรือไม่?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ไม่เลย เจ้ากลับมาได้ทันเวลายิ่งนัก”
กู้ซีจิ่วโล่งอก เธอเสยผมที่ยาวปรกหน้าผากออก ขมวดคิ้วเล็กน้อย เส้นผมนี้ยาวสยายและรุงรังเกินไป ต่อสู้ไม่ค่อยสะดวก เธอหาสิ่งที่จะมัดรวบมันขึ้นไม่ได้ในตอนนั้น…
เธอมุ่นคิ้วคราหนึ่ง เงื้อมือขึ้นอย่างว่องไว กระบี่ยาวส่องประกาย เส้นผมยาวสยายถูกตัดจนสั้นเรียบร้อยแล้ว…
เธอลงมือรวดเร็ว อีกทั้งไม่ได้ถือเรื่องทรงผม จึงใช้กระบี่ตัดในฉับเดียว
เรือนผมที่เดิมทียาวระเอวถูกเธอตัดจนสั้นเท่าติ่งหู ทุกคนตะลึงงันอ้าปากค้าง รวมถึงตี้ฝูอีที่อยู่ข้างกายเธอด้วย…
อันว่าเรือนร่างและเกศา บุพการีประทานให้ ในยุคนี้ยังไม่อนุญาตให้ตัดผมตามใจชอบ
การตัดผมบ้างก็ว่าเป็นการตัดสัมพันธ์ บ้างก็ว่าเป็นปลงผมออกบวช การกระทำเช่นนี้ของกู้ซีจิ่วเห็นได้ชัดว่าน่าตื่นตะลึงนัก ทำให้คนทั้งหลายตกใจ
แม้แต่นักพิณที่ดีดพิณอยู่ตลอดด้วยไม่กล้าหยุดนางนั้นก็อุทานออกมาด้วยความตกใจ
ตี้ฝูอีมองเส้นไหมดำขลับในมือนาง จากนั้นก็มองนาง “นี่เจ้าทำอะไร?”
กู้ซีจิ่วม้วนเส้นผมที่ตัดออกมา เก็บไว้ในแขนเสื้อ นี่ก็สามารถใช้เป็นอาวุธลับได้เหมือนกัน ยามนี้ไม่ว่าสิ่งใดเธอก็ไม่อยากสิ้นเปลืองทั้งสิ้น
————————————————————————————-