ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1193+1194
บทที่ 1193 จากไป (3)
หลงซือเย่ลืมตาขึ้น “ยากที่จะได้เห็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตกอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบากเช่นนั้น หากไม่เยาะเย้ยท่านสักหน่อย ไฉนเลยจะเห็นค่าในปัญญาของข้า?”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง วิธีการติดต่อกันของสองคนนี้…
กู้ซีจิ่วมองพวกเขา “ภายในวังใต้พิภพมีกล้องวงจรปิดอยู่ทุกที่เต็มไปหมด สายตาไม่ถูกต้องก็อาจทำให้ความลับรั่วไหลได้แล้ว พวกท่านทั้งสองติดต่อกันอย่างไรกันแน่เพื่อเริ่มวางแผน?”
“เข้าฝัน!” หลงซือเย่เอ่ยสั้นๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความรังเกียจ “เขามาเข้าฝันข้าในคืนนั้น! ให้ข้าเกลี้ยกล่อมโม่เจ้าให้ใช้ลูกกลอนสามหยาง…”
กู้ซีจิ่วไม่รู้เรื่องที่โม่เจ้าเสื่อมสมรรถภาพ ดังนั้น เธอจึงไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมโม่เจ้าจึงไม่ใช้งานนักวิทยาศาสตร์สติเฟื่องอย่างหลงฟั่นกลับเชื่อ ‘หมอหลี่’ ผู้นี้ได้?
เธอเอ่ยถามข้อสงสัยนี้ออกมา หลงซือเย่ชะงักเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ปิดยังเธอ “ซีจิ่ว ตอนที่พวกเราหนีออกไปครั้งก่อน ข้าใส่ยาลงไปในโลงร่างโคลนนิ่งของโม่เจ้าใช่ไหม? น่าเสียดายที่ไม่ได้ทำให้ร่างโคลนนิ่งนั้นของเขามลายสิ้นไป แต่ก็ทำให้เขาเสื่อมสมรรถภาพหลังจากสิงสู่เข้าร่าง หลงฟั่นคงไม่อยากทรยศเจ้ากับข้า ดังนั้น เขาจึงไม่ได้อธิบายสาเหตุให้โม่เจ้าเข้าใจ เพียงแต่หมกมุ่นอยู่กับการวิจัยยาถอนพิษ วิจัยออกมาชนิดแล้วชนิดเล่าก็ยังไม่ได้ผล และทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายท่านนี้ก็ยังใช้วาจายุแยงตะแคงรั่ว ทำให้โม่เจ้าคิดว่าที่เขาเสื่อมสมรรถภาพเป็นเพราะหลงฟั่นจงใจเล่นตุกติกอะไร…”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง ‘มิน่าเล่า!’
ด้วยนิสัยขี้สงสัยของโม่เจ้า ถูกตี้ฝูอีใช้ประโยชน์จากการยุแยง ทำให้เขาเกิดความสงสัยในตัวหลงฟั่นขึ้นมาได้จริง ส่วนหลงฟั่นมีนิสัยค่อนข้างทระนง เขาคร้านที่จะอธิบายเรื่องต่างๆ จึงเย็นชากับความสงสัยของโม่เจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ ก็เท่านั้น
หลงซือเย่ทอดถอนใจอีกครั้ง “โม่เจ้าแคลงใจว่าหลงฟั่นไม่จงรักภักดี ไม่ต้องการให้หลงฟั่นเห็นทุกย่างก้าวของเขาได้ จึงทำลายห้องสังเกตการณ์ของหลงฟั่น ยิ่งทำให้หลงฟั่นผิดหวัง หลงฟั่นจึงวางมือ ไม่สนใจ ปล่อยให้โม่เจ้าทนทุกข์ทรมาน
“ดังนั้น ท่านจึงได้รับความเชื่อถือจากโม่เจ้าในตอนนั้น นำกำลังคนออกไปเก็บสมุนไพร เมื่อกลับมาอีกครั้ง คนที่นำเข้ามาก็ถูกสับเปลี่ยนทั้งหมดแล้วกระมัง?”
หลงซือเย่พยักหน้าฝืนยิ้ม “ถูกต้อง ลูกน้องของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายเหล่านี้ไม่ได้จงรักภักดีธรรมดา ข้านำคนออกไปก็ถูกพวกเขาจับตัวได้แล้ว เคราะห์ดีที่ข้าก็กำลังตามหาพวกเขาอยู่เหมือนกัน คราวนี้เลยไม่ต้องตามหาแล้ว…”
หลี่เมิ่งซย่าที่ขับเรือมาตลอดกระแอมเสียง ลูบจมูก “เจ้าสำนักหลง ขออภัย ตอนนั้นพวกข้าใจร้อนเกินไป ไม่ง่ายเลยที่จะเห็นสิ่งมีชีวิตออกมาจากด้านใน…” ดังนั้นพวกเขาจึงรีบร้อนบุกเข้าไป!
หากหลงซือเย่เปิดเผยตัวไม่ทันเวลา พวกเขาน่าจะซัดหลงซือเย่จนเบ้าตาเขียวช้ำ!
ความจริงแล้ว เรื่องราวต่อจากนี้ก็คาดเดาต่อได้ง่ายแล้ว หลงซือเย่ชำนาญการแปลงโฉม พวกคนที่เขาพาออกไปล้วนไม่ได้กลับมา ตอนกลับ นอกจากตัวเขาแล้ว คนอื่นต่างถูกสับเปลี่ยนหมดแล้ว…
หลงซือเย่เคยออกไปเก็บสมุนไพรสามครั้ง ล้วนเลือกแต่คนที่รูปร่างและคุณสมบัติแตกต่างกัน จึงพาคนกลับมาได้อีกสิบกว่าคน
เนื่องจากโม่เจ้าไว้ใจหมอหลี่อย่างเต็มที่ ย่อมไม่ตรวจสอบคนที่เขาพากลับมาอีกครั้ง จึงเล็ดรอดผ่านเข้ามาได้อย่างง่ายดาย
กู้ซีจิ่วเข้าใจและปะติดปะต่อเรื่องรวทั้งหมดได้แล้ว
เพราะโม่เจ้าสงสัยในตัวหลงฟั่น รื้อห้องสังเกตการณ์ของหลงฟั่น ทำให้หลงฟั่นไม่พอใจ ทำให้หลงฟั่นวางมือจากการสังเกตการณ์ทั้งหมดโดยสิ้นเชิง และหลงซือเย่ที่ปลอมตัวเป็นหมอหลี่ก็ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากโม่เจ้า เข้านอกออกในห้องของเขาได้ จึงง่ายที่จะวางกลอุบายที่จอสังเกตการณ์ของโม่เจ้า ทำให้โม่เจ้ามองอะไรไม่ออก
บวกกับพวกองครักษ์ในวังใต้พิภพเดิมทีก็ไม่พอใจโม่เจ้า ในที่สุด…
—————————————————–
บทที่ 1194 จากไป (4)
บวกกับพวกองครักษ์ในวังใต้พิภพเดิมทีก็ไม่พอใจโม่เจ้า คอยทำลายจอสังเกตการณ์ กล้องวงจรปิดอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้น คนของตี้ฝูอีเคลื่อนไหวภายในอีกครั้งย่อมสะดวกมากขึ้น คนเหล่านี้ล้วนเป็นคนฉลาด กระทำการอันใดย่อมระมัดระวัง ไม่ให้เหลือร่องรอยอย่างแน่นอน…
กู้ซีจิ่วเป็นคนมีเหตุมีผล เธอเข้าใจปัญหาเหล่านี้ได้อย่างรวดเร็ว และเอ่ยถามส่วนที่สำคัญขึ้นมาอีก “วิชาการแพทย์ของหลงฟั่นน่าพิศวง วิชาพิษก็สูงส่ง พวกเจ้าใส่ยาอะไรลงไปทำให้หลงฟั่นไม่ทันได้รับรู้ก่อน? มันคือพิษอะไร?”
ตี้ฝูอีกระแอมเสียง “เนื่องจากหลงฟั่นมีประสาทสัมผัสไวต่อยามากเกินไป หากใช้พิษอย่างเดียว เขาจะรับรู้ได้อย่างง่ายดาย ดังนั้น ต้องทำขึ้นมาโดยเฉพาะ ต้องดำเนินการหลายขั้นตอน เริ่มต้นที่ภายในห้องโถงนั้นมีเครื่องเรือนที่ทำมาจากไม้จินซือหนาน มีเสียงพิณของอาซี เลือดของข้า ท้ายสุดบวกกับเม็ดผงยาชนิดหนึ่ง ทั้งสี่อย่างนี้ไม่มีพิษในตัวมันเอง หากแต่อยู่รวมกันและมีเสียงพิณบรรเลงพิเศษถึงจะมีผล อีกทั้งยังไม่มีสี ไม่มีกลิ่น หลงฟั่นย่อมตรวจสอบไม่ได้”
กู้ซีจิ่วชะงักงันไปครู่หนึ่ง “เหตุใดต้องพูดให้ข้าฟังละเอียดเยี่ยงนี้?”
เมื่อสักครู่ โม่เจ้าถามอันใดไม่ออก คาดว่าจนถึงตอนนี้ เจ้านั่นยังคงเต็มไปด้วยความสงสัยอยู่ตรงนั้น
ระลอกเสียงของตี้ฝูอีอ่อนโยน “ข้าย่อมไม่มีทางปิดบังอะไรเจ้า”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
ตี้ฝูอียังเอ่ยถามอีก “ยังโกรธข้าอยู่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วยกมุมปากโค้งยิ้ม ไม่สนใจเขา กลับถอนหายใจในใจ เรื่องราวเหล่านี้บางทีอาจไม่ควรค่าแก่การพูดถึง ทว่าถ้าจะทำให้สำเร็จกลับต้องมีความคิดสุขุมรอบคอบอย่างแรงกล้าเพื่อวางแผน วงแหวนหนึ่งเชื่อมโยงกับอีกวงแหวนหนึ่ง หากวงแหวนวงใดเกิดผิดพลาด ความพยายามทุกอย่างที่ทุ่มเทไปก็จะสูญเปล่า แท้จริงแล้วอันตรายยิ่งนัก
ตอนที่ตี้ฝูอีถูกจับตัวมาก็เกรงว่าจะเป็นการวางแผนเฉพาะหน้า เขาพยายามเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยนาง!
เธอย่อมไม่โกรธเขา ตอนนั้นที่เธอสูญเสียความทรงจำ และค่อนข้างโง่เขลา หากตี้ฝูอีบอกแผนการให้เธอฟังก่อน เกรงว่าเธอในตอนนั้นจะเก็บความลับเอาไว้ไม่ได้
ทว่า เธอก็โมโหนิดหน่อย ทั้งๆ ที่คนผู้นี้ไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณ อีกทั้งยังเป็นเทพที่แค่สะบัดมือก็ทำให้คนหายวับไปกับตาได้ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าเธอที่ฟื้นคืนความทรงจำแล้ว กลับทำท่าทางอ่อนแอ ราวกับแค่ลมพัดก็ปลิวล้มลงได้ ทำให้เธอตึงเครียดไม่น้อย…
ถึงแม้ว่าเขาทำไปเพื่อเล่นละครตบตาต่อหน้าโม่เจ้า แต่ก็แอบส่งกระแสเสียงมาบอกให้เธอรู้หน่อยก็ได้!
ดังนั้น เธอจึงไม่อยากสนใจเขาไปชั่วขณะ หันหน้าไปคุยกับหลงซือเย่
ทั้งสองคุยกันถึงเรื่องโม่เจ้ากับหลงฟั่น กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ทั้งสองคนนี้ต่างหนีไปแล้ว แต่ก็ยังไม่อาจวางใจได้ เป็นปัญหาที่ไม่อาจจบลงด้วยดี”
หลงซือเย่ยังไม่ทันได้พูดอะไร ตี้ฝูอีก็พูดแทรกขึ้นมา “ไม่มีทาง โม่เจ้าถึงแม้จะหนีไปได้ แต่กายจิตของเขาบาดเจ็บสาหัส เขาจะก่อกรรมทำชั่วไม่ได้ไปอีกห้าสิบปี ส่วนหลงฟั่น เมื่อกี้เป็นพวกกู่ฉานโม่กับมู่เฟิงสกัดกั้นเขาไว้ ท้ายที่สุดแล้ว ด้วยความคุ้นชินกับพื้นที่ เขาจึงหลบหนีผ่านทางลับทางหนึ่งออกไปได้ แต่เขาก็บาดเจ็บสาหัสเช่นกัน ต้องใช้เวลาฟื้นตัวอย่างน้อยแปดถึงสิบปี”
หลงซือเย่กับกู้ซีจิ่วต่างโล่งใจ หลังจากครั้งนี้ พวกเขาสามารถอยู่อย่างสงบสุขได้อย่างน้อยสิบกว่าปี ส่วนหลังจากสิบกว่าปีนั้น ไม่รู้ว่าว่าโลกใบนี้จะเกิดการเปลี่ยนแปลงที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอีกหรือไม่!
กู้ซีจิ่วยังคงเชื่อมั่น ดูจากความเร็วในการฝึกฝนของเธอ สิบกว่าปีก็สามารถบรรลุขั้นเก้าขึ้นไปได้นานแล้ว เมื่อถึงเวลา ยังไม่แน่ว่าใครจะหาเรื่องใครกัน!
เธอกับหลงซือเย่พูดคุยกันต่อเรื่องอื่นอีก
ตี้ฝูอีนั่งพิงอยู่ในห้องโดยสาร พูดแทรกขึ้นไปตั้งหลายครั้งกลับไม่ได้รับการตอบรับจากกู้ซีจิ่ว และหลงซือเย่ก็จงใจมองข้าม ไม่สนใจเขา
—————————————————-