ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1360 (3)+(4)
บทที่ 1360 การกลั่นแกล้งจากพี่ใหญ่ (3)
“เสี่ยวจิ่ว เรื่องที่เขาไม่ถนัดที่สุดคืออะไร?” หลัวจั่นอวี่ถามกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วเม้มปากเล็กน้อย ตอบอย่างแข็งกร้าว “ไม่รู้!”
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าโกรธพี่หรือ?” หลัวจั่นอวี่เงียบไปครู่หนึ่งแล้วเอ่ยถาม
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้วนิดๆ ตอบอย่างเฉยเมย “เรื่องของข้าไม่ต้องการให้ผู้ใดสอดมือเข้ามายุ่ง” เธอเป็นผู้หญิงยุคใหม่ รู้สึกต่อต้านการที่คนในครอบครัวสอดมือเข้ามายุ่งเรื่องคู่ครองของบุตรธิดายิ่งนัก นับประสาอะไรกับพี่ชายของที่ตอนนี้ยื่นไม้คานเข้ามาตีขัดคู่ยวนยางเล่า?
หลัวจั่นอวี่เงียบไป สักพักถึงได้กล่าวขึ้น “เสี่ยวจิ่ว เจ้าจะคิดว่าพี่ชายเรื่องมากก็ได้ แต่เจ้าลองนึกถึงท่านแม่ของพวกเราสิ ตอนนั้นไม่สนใจไยดีคำทัดทานขัดขวางของครอบครัวรั้นจะแต่งกับแม่ทัพกู้ผู้นั้นท่าเดียว พกสินเดิมของตนไป ถึงขั้นที่ไม่มีพิธีวิวาห์เลยเช่นกัน ไม่รู้ว่าได้รับสายตาดูแคลนและคำนินทาลับหลังมากน้อยเพียงใด บอกว่าท่านแม่ของพวกเราเป็นพวกนอกคอก ปีนั้นยามที่พวกเขาสามีภรรยาทะเลาะกัน แม่ทัพกู้ผู้นั้นยังพูดอะไรทำนองว่า ‘สมรสคือภรรยา วิ่งตามมาเป็นอนุ’ ทำให้นางได้เป็นฮูหยินแม่ทัพก็มีน้ำใจยิ่งนักแล้ว ว่ากันตามเหตุผลแล้วนางควรจะเป็นอนุด้วยซ้ำ ถึงแม้ภายหลังเขาจะขออภัยท่านแม่เพราะประโยคนี้อยู่มากมายหลายครั้ง บอกว่าปากบอนไปชั่วขณะ แต่จากตรงนี้สามารถมองออกได้ว่า ในใจเขารู้สึกว่าเด็กสาวที่มอบกายให้เขาโดยไม่เข้าวิวาห์ก็ไม่สำรวมเช่นกัน เขาจึงไม่ได้รักใคร่ทะนุถนอมท่านแม่ของพวกเราดุจสมบัติล้ำค่าจริงๆ บุรุษส่วนใหญ่จะไม่ถนอมไยดีสตรีที่ได้มาง่ายๆ…จิ่วเอ๋อร์ พี่ไม่อยากให้เจ้าต้องซ้ำรอยเดิมของท่านแม่ พี่หวังให้เจ้าถูกสามีประคองไว้กลางฝ่ามือ ปฏิบัติด้วยอย่างทะนุถนอมให้เกียรติไปชั่วชีวิต”
ประโยคนี้ที่เขากล่าวออกมา ทำให้กู้ซีจิ่วค่อนข้างตื้นตันเช่นกัน เธอถอนหายใจแล้วเอ่ย “พี่ จริงๆ แล้วสิ่งที่ท่านพูดมาข้าเข้าใจทุกอย่าง อันที่จริงเขาจ่ายค่าตอบแทนเพื่อค่าไปมากมายมหาศาลยิ่งนักแล้ว เรื่องพวกนั้นท่านไม่มีทางรู้ ตอนที่อยู่ด้านนอกพวกเราร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้งแล้ว เส้นทางของข้ากับมิได้ง่ายดายเลย เปรียบเทียบกับสามีภรรยาทั่วไปไม่ได้…”
หลัวจั่นอวี่ถอนหายใจ “เอาเถอะ เสี่ยวจิ่ว ในเมื่อเจ้ากล่าวเช่นนี้ พี่ก็จะไม่จงใจสร้างความลำบากให้เขา จะจัดการไปตามขั้นตอนปกติของที่นี่ก็พอ ในเมื่อพวกเจ้าจะครองคู่เป็นสามีภรรยากันที่นี่ เพื่อเลี่ยงมิให้ผู้อื่นติฉินนิทา เขาก็ยังต้องก้าวข้ามสถานการณ์นี้ไปอยู่ดี”
พูดมาถึงตรงนี้กู้ซีจิ่วก็หมดหนทางโต้แย้งแล้ว
เอาเถอะ เข้าเมืองตาหลิ่วเช่นนั้นก็หลิ่วตาตามแล้วกัน! อันที่จริงเธอก็อยากเห็นมากเหมือนกันว่าจะได้รับความเห็นชอบจากทุกคนได้อย่างไร จะสยบพวกเขาได้ยังไง
เธอพำนักอยู่ที่นี่มากว่าสิบวันแล้ว เข้าใจนิสัยใจคอของหลายสิบคนที่นี่พอสมควร บางทีอาจมีสาเหตุจากสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายนี้ ทำให้บุรุษแต่ละคนล้วนเดียวดายดุจหมาป่า ดื้อด้านปานหมี ถึงแม้พวกเขาจะเคารพผู้แข็งแกร่ง แต่ก็ไม่หวาดหวั่นต่ออำนาจ ไม่กริ่งเกรงความตาย
ตามที่ไป๋หลี่เช่อว่าไว้ ข้าไหนเลยจะใจเสาะ? ก็แค่แผลเป็นขนาดใหญ่จากการแขนขาด! ไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใดเสียหน่อย! ศีรษะขาดโลหิตหลั่งได้ทว่าศักดิ์ศรีไม่อาจสูญหายได้!
ดังนั้นการที่ตี้ฝูอีจะใช้ฐานะกดดันเพื่อให้ได้รับความเห็นชอบจากพวกเขานั้นไม่สำเร็จแน่นอน เขาจะใช่วิธีไหนกันนะ?
“ใช่แล้ว น้องเล็ก สรุปแล้วเขาไม่ถนัดอะไร?” หลัวจั่นอวี่ยังไม่ลืมเรื่องนี้
ขึ้นต้นไม้ไปเก็บเกี่ยวขึ้นเขาไปล่าสัตว์สำหรับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้แล้ว ล้วนเป็นเรื่องจิ๊บจ๊อย ดังนั้นไม่อาจออกหัวข้อเช่นนี้ได้
แน่นอนว่าไม่อาจออกหัวข้อประเภททำครัวซักผ้าเย็บเสื้อจำพวกนี้ได้ ที่นี่เป็นโลกของบุรุษ สิ่งที่หลัวจั่นอวี่จะต้องการทดสอบยังคงเป็นการทดสอบความสามารถในความเป็นบุรุษของเขา
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ ของที่ตี้ฝูอีถนัดมีมากมายเกินไป เรื่องที่เขาไม่ถนัดมีน้อยจริงๆ…
ทันใดนั้นเธอก็นึกออกอย่างหนึ่ง “เขาไม่ถนัดการตกปลา!”
หลัวจั่นอวี่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง “จริงหรือ?”
หลังจากกู้ซีจิ่วพูดออกไปก็เสียใจภายหลังอยู่บ้าง ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายรันทดมากพอแล้ว แล้วเธอจะซ้ำเติมเขาอีกได้อย่างไร
ดังนั้นเธอจึงกระแอมคราหนึ่ง “โกหกน่ะ…เขาไม่ถนัด…ไม่ถนัดล่าสัตว์…”
หลัวจั่นอวี่มองนางแวบหนึ่ง มองทะลุลูกคิดรางแก้วในใจนางแล้ว ยิ้มน้อยๆ แวบหนึ่ง “เช่นนั้นก็ทดสอบเขาด้วยการตกปลาเถิด ให้เขาจับปลาให้เพียงพอสำหรับคนทั้งหมู่บ้านกินในหนึ่งวัน”
กู้ซีจิ่วทึ่มทื่อไปแล้ว
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ข้าไม่ได้อยากขายท่านนะ ท่านขอโชคให้ตัวเองมากๆ แล้วกัน…
————————————————————–
บทที่ 1360 การกลั่นแกล้งจากพี่ใหญ่ (4)
คนทั้งหมู่บ้านล้วนรอคอยให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมาขอร้องพวกถึงประตู ในหัวของพวกเขาคิดอุบายกลั่นแกล้งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ไว้นับไม่ถ้วนแล้ว ผลคือ…ผลคือสามวันผ่านไปแล้ว ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ยังไม่ไปเคาะประตูเรือนผู้ใดเลย
เขาก็รักษาคำพูดเช่นกัน สามวันมานี้ไม่ไปหากู้ซีจิ่วเลย แน่นอนว่าตอนนอนเขาก็นอนในเรือนของเขาเอง
สามวันมานี้ทุกคนสร้างบ้านเรือนได้พอสมควรแล้ว ส่วนใหญ่ก็กลับไปใช้ชีวิตเช่นที่ผ่านมาแล้ว ที่ควรเก็บเกี่ยวก็ไปเก็บเกี่ยว ที่ควรล่าสัตว์ก็ไปล่าสัตว์ เดิมทีกู้ซีจิ่วอยากเห็นฝีมือของตี้ฝูอี ผลคือเจ้าคนผู้นี้ไม่มีความเคลื่อนไหวเลย ราวกับลืมเรื่องนี้ไปแล้ว ด้วยเหตุนี้กู้ซีจิ่วจึงไม่สนใจเขาชั่วคราวเช่นกัน ใส่ใจการฝึกฝนวิชาหลอมโอสถของตน
กลับเป็นหลัวจั่นอวี่ที่ค่อนข้างไม่เป็นสุขแล้ว ยามที่พบตี้ฝูอีก็เอ่ยกระแหนะกระแหนอยู่ด้านข้างบ้าง ทว่าตี้ฝูอีกลับไม่สนใจเลย เขายังคงไปมาไร้ร่องรอย ไม่มีใครสามารถจับลู่ทางของเขาได้จริงๆ เลย
นี่ทำให้หลัวจั่นอวี่โมโหยิ่งนัก มาเป่าหูกู้ซีจิ่วที่นี่บ้างเป็นคครั้งคราว
“เสี่ยวจิ่ว ความจริงแล้วในกระดูกของบุรุษล้วนแฝงนิสัยต่ำทรามเอาไว้เล็กน้อย พอพิชิตได้สำเร็จก็จะไม่สนใจไยดีอีก เจ้าทำให้เขาได้ครอบครองเจ้าแล้ว เขารู้ว่าเจ้าไปจากเขาไม่ได้ก็เลยใจเย็นไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย”
“คนผู้นี้ใจเย็นเช่นนี้ เป็นเพราะเขาอยู่สูงส่งจนเคยชินแล้ว เคยชินที่มีผู้อื่นไปขอร้องเขากระมัง? เขาคงจะรู้สึกว่าเจ้ารักเขาถึงเพียงงนี้ อีกทั้งกลายเป็นคนของเขาแล้ว ย่อมร้อนใจที่ไม่ได้พบเขาเป็นแน่ เช่นนี้เขาก็สามารถเปลี่ยนฝ่ายกระทำและผู้ถูกกระทำได้”
“เสี่ยวจิ่ว เจ้าดูสิคนผู้นี้ไม่สนใจไยดีเจ้าเลย! มิเช่นนั้นคงไม่เป็นเช่นนี้หรอก”
ทุกๆ วันเขาจะมาเป่าหูกู้ซีจิ่วที่นี่ ทำให้บางครั้งกู้ซีจิ่วเผลอใจลอย หวิดจะหลอมโอสถพลาดไปหมดหนึ่งแล้ว!
ท้ายที่สุดกู้ซีจิ่วก็จนปัญญากับการถูกเขาบ่นจ้ำจี้จ้ำไชแล้ว ตอบไปอย่างทนไม่ไหว “พี่ ท่านขี้บ่นกว่ายายแก่เสียอีก หรือเป็นวัยทองก่อนกำหนด? เอ้า ให้โอสถชะลออารมณ์ท่านเม็ดหนึ่งแล้วกัน”
กู้ซีจิ่วยัดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งใส่มือหลัวจั่นอวี่
มุมปากหลัวจั่นอวี่กระตุกคราหนึ่ง “เสี่ยวจิ่ว เขาเป็นเช่นนี้เจ้าไม่เสียใจหรือ?”
กู้ซีจิ่วยักไหล่ “มีอะไรน่าเสียใจกัน? ข้าเชื่อใจเขา”
หลัวจั่นอวี่พูดไม่ออกแล้ว
เอาเถอะ นับว่าเขาพูดไปอย่างเสียเปล่าแล้ว!
“เสี่ยวจิ่ว ทำไมสองสามวันมานี้ไม่เห็นเจ้ามากินข้าวที่โรงอาหารเลย? เอาอาหารมาให้เจ้าเจ้าก็กินเข้าไปไม่เท่าไหร่ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?” จู่ๆ หลัวจั่นอวี่คล้ายว่าจะนึกถึกอะไรขึ้นมา “คงไม่ใช่ว่าเจ้า…”
กู้ซีจิ่วใช้นิ้วทาบระหว่างปาก ยับยั้งจิตนาการอันกว้างไกลของเขา “ท่านคิดมากไปแล้วจริง!”
ต่อให้เธอท้องก็ต้องรอหลังประจำเดือนผ่านไปว่าสี่สิบวันก่อนถึงจะมีปฏิกิริยา และประจำเดือนของเธอก็เพิ่งผ่านไปกว่าสิบวันเท่านั้น
อีกอย่างเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเจอแจ็คพอตด้วย…
เพียงแต่เธอตั้งตารอคอยที่จะอุ้มท้องลูกของเขามากจริงๆ เธอกับเขาหน้าตาล้ำเลิศกันถึงเพียงนี้ เชื่อได้เลยว่าทั้งหน้าตาและสติปัญญาของลูกต้องโดดเด่นแน่
“เช่นนั้นเหตุใดเจ้าถึงไม่ไปกินข้าว?” หลัวจั่นอวี่ไม่ยอมเลิกรา
กู้ซีจิ่วชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวออกไปตามจริง “ความจริงแล้วเขาตระเตรียมอาหารไว้ให้ข้าทุกวัน”
หลัวจั่นอวี่โมโหแล้ว “ดูท่าเขาว่ายังคงไม่รักษาสัญญาสินะ บอกไปแล้วชัดๆ ว่าก่อนเข้าวิวาห์ไม่อนุญาตให้มาพบเจ้า!”
กู้ซีจิ่วหันกลับไปหลอมโอสถต่อ น้ำเสียงก็ราบเรียบ “เขาไม่ได้มาหาข้า เพียงแต่ทุกครั้งที่ข้ากลับไปล้วนมีอาหารร้อนกรุ่นโต๊ะหนึ่งรอข้าอยู่เท่านั้น” อาหารที่เขาจัดเตรียมให้เธอล้วนพรั่งพร้อมนัก กะปริมาณได้แม่นยำ สำหรับเธอกินคนเดียวพอดี
————————————————————–