ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1389+1390
บทที่ 1389 กวาดล้างคนโสมม 3
ผ่านไปครึ่งชั่วยาม คนที่ตามรอยไปกลับมารายงาน “ทั้งสองคือเฉินเฮ่าซาน ผู้มั่งคั่งร่ำรวยที่สุดในอาณาจักรเจาหยางกับอนุคนที่สามสิบแปดของเขา เคยอุปถัมภ์กิจการของหอเงาราตรี แต่ก่อนหน้านี้เป็นเพียงภารกิจเล็กๆ ไม่กี่แสน เป็นคนใจกว้าง มีน้ำใจมาโดยตลอด ยามนี้พำนักอยู่ภายในโรงเตี๊ยมในเมืองนี้ ฟังจากน้ำเสียงของพวกเขา คล้ายต้องการจะไปเจรจากับพรรควายุฆาต…”
หัวหน้าหมู่ผู้นั้นขมวดคิ้วแน่น พรรควายุฆาตก็ทำกิจการประเภทเดียวกันกับหอเงาราตรี เพียงแต่ขนาดเล็กกว่ามาก ถือได้ว่าเป็นสายอาชีพเดียวกัน หรือก็คือคือคู่แข่ง กิจการใหญ่ของหอเงาราตรีย่อมไม่ต้องการให้เขาไปหาพรรควายุฆาต
หัวหน้าหมู่ผู้นั้นหันกายเข้าไปในหอ รายงานเรื่องนี้แก่ประมุขหยาง
ประมุขหยางส่งเสียงฮึ่มเย็นชา “ยามนี้นังคนชั้นต่ำหลีเมิ่งซย่าต่อต้านออกจากหอเงาราตรีไปแล้ว คนของพวกเรากำลังตามล่าสังหารนาง จะให้นางมาเจรจาภารกิจได้อย่างไร?”
หัวหน้าหมู่ผู้นั้นกล่าว “เช่นนั้นจะทำอย่างไรดี?”
ประมุขหยางกล่าว “พวกเขานำตั๋วเงินพกติดตัวมางั้นรึ?”
“ขอรับ! ข้าน้อยตรวจสอบดูแล้ว”
ประมุขหยางส่งสัญญาณมือ น้ำเสียงโหดเหี้ยม “เก็บพวกมันซะ! แล้วทำลายศพทิ้ง”
หัวหน้าหมู่ผู้นั้นตกตะลึง ลำบากใจ “เกรงว่านี่จะขัดกับปณิธานเดิมของพวกเราหอเงาราตรี ลอบสังหารลูกค้าเป็นข้อห้ามอย่างเด็ดขาด หากผู้ใดละเมิด จำต้องถูกแล่เนื้อเถือหนัง…”
ประมุขหยางกล่าวอย่างเหลืออด “นั่นมันเป็นกฎที่นังคนชั้นต่ำหลีตั้งขึ้น ยามนี้นางเองก็อยู่ในสภาวะหน้าสิ่วหน้าขวาน ยังจะมาเคารพกฎของนางอะไรอีก! ตอนนี้ข้าเป็นใหญ่!”
หัวหน้าหมู่ผู้นั้นพยักหน้า “ข้าน้อยเพียงเกรงว่าพวกผู้อาวุโสจะไม่ยอมรับ…”
ประมุขหยางแค่นเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสแปดคน หนีตามนังคนชั้นต่ำหลีไปสามคน ที่เหลืออีกห้าคนเป็นคนคร่ำครึไม่จำเป็นต้องสนใจ พยายามอย่าให้พวกเขารู้เรื่องเป็นพอ ส่งคนที่คล่องแคล่วว่องไวสักหน่อยไปจัดการ อย่าให้ทิ้งร่องรอยเป็นอันขาด”
“ขอรับ!” หัวหน้าหมู่ผู้นั้นส่งเสียงตอบรับแล้วจากไป
ประมุขหยางกำลังลังเลใจ หัวหน้าหมู่อีกคนหนึ่งก็เข้ามารายงานว่าผู้อาวุโสเหลียงขอพบ
ประมุขหยางส่งสัญญาณมือ บ่งบอกให้ผู้อาวุโสเหลียงเข้ามา
ประมุขหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “ผู้อาวุโสเหลียง ข้าให้เวลาเจ้าสองเดือนตามล่าสังหารนังคนชั้นต่ำหลี เหตุใดจึงยังไม่มีข่าวคราว? ผู้อาวุโสอย่างท่านไม่อยากทำงั้นหรือ?!”
สีหน้าผู้อาวุโสเหลียงค่อนข้างเขียวคล้ำ “ประมุขหยาง ดีชั่วอย่างไรหลีเมิ่งซย่าก็เคยเป็นประมุขของพวกเรา ท่านเรียกขานนางว่านังคนชั้นต่ำเยี่ยงนี้ไม่ดีกระมัง?”
ประมุขหยางตบโต๊ะ “นังคนชั้นต่ำผู้นี้ขัดค่ำสั่งท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอย่างเปิดเผย มีความผิดฐานดูหมิ่น! ทำให้หอเงาราตรีของพวกเราเกือบถูกทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายระบายความโกรธ เป็นข้าเองที่ลำบากไปขอความเมตตาถึงทำให้หอเงาราตรีแคล้วคลาด ตอนนั้นข้าให้สัญญาว่าจะต้องจับกุมนังคนชั้นต่ำหลีส่งให้ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายให้ได้ เพื่อเป็นการชดเชยความผิด แต่ผ่านมาเนิ่นนานพวกเจ้ายังจับตัวไม่ได้ ต้องเป็นเพราะพวกเจ้ายังเห็นแก่ความรู้สึกครั้งเก่าไม่กล้าลงมือ…หรือพวกเจ้าก็ต้องการจะต่อต้านเหมือนนังคนชั้นต่ำหลี?!”
เขาให้ตำหนิด้วยใบหน้าถมึงทึง ผู้อาวุโสเหลียงคนนั้นไม่กล้าพูดจาอันใดอีก
ประมุขหยางกล่าวอย่างเย็นชา “ข้ารู้ว่าพวกเจ้าดูแคลนข้า รู้สึกว่าก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้เป็นผู้อาวุโสมาก่อนก็มารั้งตำแหน่งประมุขนี้แล้ว ความจริงข้าก็คร้านจะดำรงตำแหน่งประมุขนี้ เพียงแต่ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมอบตำแหน่งนี้ให้ข้าด้วยตัวเอง ข้าย่อมต้องพยายามสุดความสามารถ ไม่ทำให้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผิดหวัง
ผู้อาวุโสเหลียงก้มหน้าไม่พูดจาอะไร
ประมุขหยางเอ่ยถามขึ้นอีก “ผู้อาวุโสเหลียง คนของเจ้าเป็นยอดฝีมือที่สุดของหอเงาราตรีนี้ ภายในสองเดือนกว่าที่ผ่านมาไม่มีทางที่จะสืบหาอะไรไม่ได้เลยกระมัง?”
ผู้อาวุโสคล้ายลังเลใจ ประมุขหยางกลับเป็นคนที่สังเกตสีหน้าคนเก่ง จึงส่งเสียงข่มขู่ ทำให้ผู้อาวุโสเหลียงพูดความจริงได้ในที่สุด “ข้าน้อยสืบทราบมาว่าพวกหลีเมิ่งซย่าเข้าไปหลบซ่อนตัวภายในหุบเขานภาจร…”
——————————————————————–
บทที่ 1390 กวาดล้างคนโสมม 4
ประมุขหยางแย้มยิ้ม สายตาดุดัน “เช่นนั้นยังรีรออันใดอีก? เจ้ารวมตัวผู้อาวุโสอีกสี่คนกับยอดฝีมือคนอื่น มุ่งหน้าไปหุบเขานภาจรจับกุมพวกนาง!”
“ขอรับ!” ผู้อาวุโสเหลียงส่งเสียงตอบรับ
ประมุขหยางนั่งถอนหายใจยาวอยู่ตรงนั้น มีผู้อาวุโสห้าคนกับยอดฝีมือมากมายออกโรง ต่อให้มีหลีเมิ่งซย่าสองคนก็จับกุมกลับมาได้สบาย!
“นังคนชั้นต่ำหลี เจ้าก็มีวันนี้เหมือนกัน! แต่ละวันหยิ่งผยองราวกับนกยูง ข้าจับเจ้าได้เมื่อใด จะต้องให้เจ้าได้ลิ้มรสวิธีของข้า ทำให้เจ้าจะอยู่ก็ไม่ได้จะตายก็ไม่ได้!” เขาพึงพอใจ หัวเราะได้ใจเบาๆ
“วิธีของเจ้าคืออะไรหรือ? ข้าล่ะอยากรู้จริงๆ” เสียงที่เย็นชาและเนิบนาบดังมาจากเบื้องหลังเขา
เขาตกใจหันหลังกลับไปทันที เห็นคนสองคนยืนสง่าอยู่เบื้องหลัง คนหนึ่งอาภรณ์ม่วงโบกสะบัด หน้ากากเงินทรงผีเสื้อส่องประกายภายใต้แสงเทียน ดวงตาดุจคลื่นทะเลลึกสีครามจ้องมองมาที่เขา
อีกทั้งข้างกายเขา มีสตรีสวมเสื้อคลุมสีทะเลสาบ รูปโฉมงดงาม ดวงตาสดใสเป็นประกายดุจน้ำพุ เย็นชาและคมกริบดังคมมีด กลิ่นอายรอบกายค่อนข้างเย็นเยือก กำลังกอดอกจ้องมองเขา
ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย!
ประมุขหยางตื่นตระหนก หันกายคุกเข่าลงโดยสัญชาตญาณ “ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมา ข้าน้อยมิทราบ ไม่ทันได้ต้อนรับ ขอท่านโปรดอภัย” และมองสตรีนางนั้นแวบหนึ่ง “แม่นางท่านนี้คงเป็นฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์? ท่านทูตสวรรค์กับฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์มาถึงพร้อมกัน ถือเป็นเกียรติของหอเงาราตรียิ่งนัก…”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับสตรีนางนั้นมองหน้ากับแวบหนึ่ง สตรีนางนั้นโค้งยิ้มมุมปาก “เจ้าช่างมีน้ำใจ เพียงแต่เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคือฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์?”
ประมุขหยางก้มหน้าพูด “คือว่า…ข้าน้อยได้ยินมาว่าช่วงนี้ท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์สนิทสนมกัน ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายไปไหนมาไหนด้วยกันกับฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์ตลอด…
สตรีนางนั้นยกยิ้มมุมปาก “ความหมายของเจ้าคือ ฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์มีสัมพันธ์กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย?”
ประมุขหยางตื่นตกใจ “ข้าน้อย…ข้าน้อยไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าน้อย…ข้าน้อย…”
สตรีนางนั้นเอ่ยขึ้นอีก “เจ้าเรียกขานข้าว่าเป็นฮูหยินของเทพศักดิ์สิทธิ์ เช่นนั้น เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใดกันแน่?”
ประมุขหยางเอ่ย “ข้าน้อยได้ยินว่า…ได้ยินว่าฮูหยินคือเซียนหญิงลี่หวาง ดินแดนเบื้องบนส่งมาช่วยเหลือผู้คน”
ดวงตาของสตรีนางนั้นวาบไหวเล็กน้อย นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง “สมแล้วที่เป็นประมุขหอเงาราตรี รู้เรื่องราวไม่น้อยเลยจริงๆ ทว่าฟังจากน้ำเสียงเจ้าแล้วคล้ายจะบอกว่าข้ากับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคลุมเครือไม่ชัดเจน หรือจะบอกเป็นนัยว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็คือเทพศักดิ์สิทธิ์?”
สีหน้าประมุขหยางพลันแปรเปลี่ยน คุกเข่าตึงตัง “ข้าน้อยมิกล้า! ข้าน้อยเพียงได้ยินว่าฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์รับคำสั่งจากเทพศักดิ์สิทธิ์มา ให้ร่วมมือกับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายสรรค์สร้างโลกหล้า…เทพศักดิ์สิทธิ์คือเทพศักดิ์สิทธิ์ ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ทั้งสองย่อมไม่อาจนำมาพูดปนกัน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างฮูหยินเทพศักดิ์สิทธิ์กับทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายนั้นบริสุทธิ์ สุริยันจันทราเป็นพยานได้…”
ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายแย้มยิ้ม ยกมือดึงสตรีนางนั้นมาไว้ในอ้อมกอด สตรีนางนั้นก็อิงแอบในอ้อมกอดของเขา เอ่ยถามอย่างเยือกเย็นว่า “เช่นนี้เล่า?”
ประมุขหยางนิ่งอึ้ง
เขาตกใจจนเหงื่อแตกพลั่ก แต่ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดี
สตรีนางนั้นเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “พวกเราทำเช่นนี้ เจ้ายังดูความสัมพันธ์ของพวกเราไม่ออกอีกหรือ?”
“นี่…” ประมุขหยางเหงื่อออกมากขึ้น
นางพูดอย่างสบายใจ “ข้ากับเขามีใจต้องกัน พวกเราเป็นสามีภรรยากันแล้ว เจ้าว่าระหว่างพวกเราบริสุทธิ์รึ?”
ประมุขหยางพูดอึกอัก “ข้าน้อย…ข้าน้อย…” เขาคล้ายจะรู้แจ้ง รีบกล่าวว่า “เซียนหญิงลี่หวางกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายถึงจะเป็นคู่สวรรค์บรรจงสร้างที่แท้จริง…”
———————————————————————-