ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1419 (3)+(4)
บทที่ 1419 ดูเหมือนไอ้สารเลวนี้กำลังจะก่อเรื่องแล้ว! (3)
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตัดสินใจว่าจะหยุดมือไว้ก่อน ขณะที่กำลังจะฝังแผ่นโลหะเข้าไปอีกครั้ง จู่ๆ ก็สัมผัสถึงบางอย่างได้ หันกลับไปทันที แผ่นโลหะในมือร่วงลงพื้นจนเกิดเสียงดังเคร้ง
หลงซือเย่ยืนอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังเธอกำลังมองเธออยู่
ทั้งสองสบตากัน หัวใจกู้ซีจิ่วเต้นกระหน่ำ เธอใช้มือลูบอก “ครูฝึกหลง คุณรู้ไหมว่าทำให้คนอื่นตกใจแทบตายแล้วนะ! จู่ๆ ก็โผล่มาทำฉันตกใจหมดเลย!”
ภายใต้แสงจันทร์ สายตาหลงซือเย่ก็มอมเมาผู้คนได้ดั่งแสงจันทร์ เขาค่อยๆ ก้าวเข้ามา “ซีจิ่ว เธอกำลังทำอะไรอยู่?”
กู้ซีจิ่วก้มตัวหยิบแผ่นโลหะนั้นขึ้นมา แบมือให้เขาดู “รู้จักสิ่งนี้ไหม?”
สายตาหลงซือเย่หันเหไปที่แผ่นโลหะ จากนั้นก็วกกลับมามองหน้าเธอ คล้ายจะพิจารณาปฏิกิริยาของเธออยู่ “นี่คือ?”
กู้ซีจิ่วเอ่ยตอบ “เป็นสิ่งที่ขัดขวางการส่งสัญญาณ! นึกไม่ถึงว่าโรงเตี๊ยมแห่งนี้จะมีของแบบนี้อยู่ด้วย! โชคดีที่ฉันหาเจอ ไม่งั้นคงนึกว่ายันต์ถ่ายทอดเสียงของฉันพังซะแล้ว! คุณว่าสิ่งนี้จะใช่ของที่หลงฟั่นติดไว้เมื่อปีนั้นหรือเปล่า?”
หลงซือเย่รับแผ่นโลหะมาแล้วมองดู “ดูค่อนข้างเก่าแล้ว…”
กู้ซีจิ่วตอบรับ “ใช่ไง นี่จะต้องเป็นของที่หลงฟั่นแอบมาติดตั้งไว้เมื่อครั้งก่อนแน่นอน ดูเหมือนไอ้สารเลวคนนี้จะระแวงคุณมาก แอบสอดแนมคุณนานแล้ว ของสิ่งนี้ต้องเตรียมไว้เพื่อคุณแน่ๆ”
หลงซือเย่เงียบงัน
กู้ซีจิ่วเก็บแผ่นโลหะมาจากมือเขา “ของชิ้นนี้ฉันจะเอากลับไปศึกษาค้นคว้าดู…”
พลางเก็บแผ่นโลหะนั้นใส่เข้าไปในแขนเสื้อตน ยามที่จะหันหลังก้าวจากไป ก็คล้ายว่าจะนึกอะไรได้ เพ่งพิศหลงซือเย่แวบหนึ่ง “ใช่แล้ว คุณสร่างแล้วเหรอ? ดูเหมือนจะไม่มีกลิ่นสุราสักนิดแล้วนะ”
หลงซือเย่ยิ้มนิดๆ แล้วตอบ “ระยะนี้ฉันมักจะเมามายอยู่บ่อยๆ…เพียงแต่ฉันเองก็รู้ว่าแบบนี้ไม่ดีต่อร่างกาย ดังนั้นจึงฝึกฝนวรยุทธ์แขนงหนึ่ง สามารถสลายสุราภายในร่างอย่างรวดเร็วได้ ทำให้ไม่ถึงกับทำลายสุขภาพตัวเอง”
กู้ซีจิ่วพยักหน้า ถอนหายใจอย่างโล่งอก “มิน่าล่ะ! เมื่อกี้ฉันไม่วางใจ กลัวว่าเมาแล้วคุณจะอยากดื่มน้ำหรือว่าอะไร เลยแวบเข้าไปดูคุณเป็นการเฉพาะ พอเห็นคุณนอนหลับสงบมากก็เลยออกมา”
นัยน์ตาหลงซือเย่สาดแสงเล็กน้อย “ซีจิ่ว ที่แท้เธอก็เป็นห่วงฉันขนาดนี้…”
กู้ซีจิ่วตบไหล่เขาเบาๆ “แน่นอนสิ คุณเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉันนะ แถมฉันยังพบสิ่งผิดปกติในโรงเตี๊ยมแห่งนี้ด้วย ย่อมไม่วางใจคุณ กลัวว่าคุณจะโดนผีห่าซานตานอะไรแอบเล่นงานเอา”
จากนั้นก็มองสีหน้าเขา เห็นสีหน้าบนใบหน้าหล่อเหล่าค่อนข้างแช่มชื่น “สีหน้าคุณดูไม่เลวเลย ดีแล้วล่ะ ยังเช้าอยู่เลย ฉันจะไปนอนแล้ว คุณก็ไปพักผ่อนต่อเถอะ” หาวออกมาทีหนึ่ง แล้วหันหลังหมายจะจากไป
“ซีจิ่ว!” เรือนกายหลงซือเย่วูบไหว ตรงไปขวางทางเธอไว้
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว “หือ?”
หลงซือเย่ยิ้มน้อยๆ “ฉันอยากคุยกับเธอเรื่องหลงฟั่น”
กู้ซีจิ่วแปลกใจ “ไอ้สารเลวนั่นมีอะไรให้คุยกัน? เขาตายไปเมื่อแปดปีก่อนแล้วไม่ใช่เหรอ? แถมยังถูกลาวาผลาญตายด้วย สภาพการตายคงจะอนาถมาก”
หลงซือเย่แทบจะคงรอยยิ้มไว้ตรงมุมปากไว้ไม่อยู่แล้ว ดวงตาจับจ้องเธอ “ถ้าหากเขายังไม่ตายล่ะ? คนอย่างเขาไม่ตายง่ายๆ หรอก ไม่แน่ว่าเขาอาจจะสละร่างแล้วกลายเป็นคนใกล้ตัวเธอ…”
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้วนิดๆ “ที่คุณจะสื่อคือ? เมิ่งซย่าเหรอ? เป็นไปไม่ได้น่า! เมิ่งซย่าเป็นผู้หญิงนะ ต่อให้เขาอยากคืนชีพก็น่าจะสร้างสังขารใหม่เพื่อคืนชีพกระมัง? เป็นไปไม่ได้ที่จะมาสิงสู่ร่างเมิ่งซย่า”
หลงซือเย่ถอนหายใจเบาๆ แล้วกล่าว “บางทีเขาอาจจะสิงร่างฉันล่ะมั้ง?”
———————————————————–
บทที่ 1419 ดูเหมือนไอ้สารเลวนี้กำลังจะก่อเรื่องแล้ว! (4)
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขาครู่หนึ่ง ยื่นมามานวดขมับเขา “ครูฝึกหลง คุณเมามากไปแล้ว ความคิดพิสดารอะไรล้วนมีหมด ตอนนี้คุณบรรลุขั้นสิบแล้วนะ ถ้าหลงฟั่นต้อการยึดร่างคุณไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้ว! หากว่าเขามีความสามารถแบบนี้ ปีนั้นคงยึดร่างคุณแล้วสวมรอยเป็นคุณไปแล้ว ยังไงซะคุณก็เป็นเจ้าสำนักถามสวรรค์ ร้องหนึ่งคราขานรับนับร้อย ยอดเยี่ยมกว่าการที่เขาเป็นสุนัขรับใช้ให้โม่เจ้าตั้งเยอะ คุณว่าใช่ไหมล่ะ?”
หลงซือเย่เงียบงัน
เขามองเธอโดยไม่พูดอะไร กู้ซีจิ่วไม่คิดจะพัวพันกับเขาต่ออีก จึงลากเขาออกเดิน “ฉันว่านะถึงแม้คุณจะสร่างเมา แต่วิธีนี้ของคุณบางทีอาจมีผลข้างเคียงอะไรตามมา ทำให้คุณคิดวุ่นวายเพ้อเจ้อ เอาล่ะๆ กลับไปนอนกัน”
หลงซือเย่หลุบตามองมือน้อยๆ ที่จับจูงเขาอยู่หลายครา เชื่อฟังคำพูด เดินตามเธอออกมา
“บางทีวิธีนี้อาจมีผลข้างเคียงอย่างที่เธอว่าจริงๆ ใช่แล้ว ซีจิ่ว เธอมาหาฉันครั้งนี้มีเรื่องอะไรใช่ไหม? ฉันนึกไม่ออกไปชั่วขณะจริงๆ” หลงซือเย่นวดหว่างคิ้ว
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างเหลืออด “โง่งม! แม้เรื่องนี้ก็ยังนึกไม่ออก รีบกลับไปนอนสักตื่นเลยนะ นอนตื่นมาคุณน่าจะนึกออกทั้งหมด”
หลงซือเย่เงียบไป
ภายในแสงจันทร์ดวงตาเขาสาดแสงเล็กน้อย มือที่ซ่อนอยู่แข็งทื่อนิดๆ คล้ายว่าอยากทำบางอย่างทว่าตัดสินใจไม่ได้ชั่วขณะ
เขามองใบหน้าด้านข้างของกู้ซีจิ่ว ภายใต้แสงจันทร์ผิวพรรณเธอใสกระจ่างดั่งหยก แพขนตายาวกระพือเป็นครั้งคราวมีเสน่ห์เย้ายวนชวนลุ่มหลง
ร่างกายนี้เขาเป็นผู้สร้างขึ้นมาชัดๆ คุ้นเคยยิ่งนักทุกสัดส่วน ยามที่นอนอยู่ในนั้น เขารู้สึกเพียงว่ามันเป็นเพียงผลงานที่สมบูรณ์แบบยิ่งนักชิ้นหนึ่ง แต่ตอนนี้พอมีดวงวิญญาณของเธออยู่ในร่าง กลับทำให้ร่างนี้คล้ายจะเปล่งความงดงามเจิดจรัสที่ยากจะพรรณนาได้ออกมา ทำให้หัวใจเขาเต้นระรัว เลือดลมพลุ่งพล่าน ปรารถนาจะครอบครองเธอโดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดยิ่งนัก!
ยากนักที่เธอจะอยู่เพียงลำพังเหมือนในยามนี้ ซ้ำยังอยู่ข้างกายตน…
ถ้าเขาเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาในยามนี้จู่โจมเธอกะทันหันจะหน่วงเหนี่ยวเธอได้ไหมนะ?
หรือจะใช้ฐานะของหลงซือเย่ติดตามอยู่ข้างกายเธอแล้วหาโอกาสเล่นงานตี้ฝูอีดี? กำจัดศัตรูหัวใจผู้นั้นไปเสีย?
แบบแรกสามารถครอบครองเธอได้ทันที ทำให้เธอกลายเป็นผู้หญิงของเขา แบบหลังจะเป็นประโยชน์ต่อการครองโลกของเขา…
เพียงแต่แบบแรกก็สามารถสร้างปัญหาวุ่นวายระหว่างเธอกับตี้ฝูอีได้กระมัง? ไม่แน่ว่าอาจทำให้ตี้ฝูอีเสียหลักไปเลย ร่วงลงสู่กับดักของเขา
ดวงตาเขาฉายแววดำมืด ปลายนิ้วในแขนเสื้อลอบทำมุทรา…
สีหน้ากู้ซีจิ่วสงบราบเรียบ ทว่ากำลังจับสัมผัสปฏิกิริยาของเขาอย่างละเอียดยิ่งนัก เธอสัมผัสได้ว่ากล้ามเนื้อเขาหดเกร็ง สัมผัสได้ว่ามือเขาเริ่มทำมุทราแล้ว…
ดูเหมือนไอ้สารเลวนี้กำลังจะก่อเรื่องแล้ว!
มือข้างหนึ่งของเธอจับเขาไว้ ส่วนอีกข้างเรียกกริชเล่มหนึ่งออกมาจากความว่างเปล่า…
กริชเล่มนี้ช่วยสร้างให้เธอตอนที่อยู่ในตาค่ายแห่งนั้น วัสดุพิเศษยิ่งนัก สร้างมาจากรากของต้นถันภังคี บรรจุพลังวิญญาณไว้ภายใน ภายนอกดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ถ้าแทงถูกร่างคน พลังวิญญาณนั้นจะปะทุทะลักทลาย ใช้กำราบมารปีศาจโดยเฉพาะ ร้ายกาจว่ากระบี่ไม้ท้อของลัทธิเต๋าเป็นหมื่นเท่า
หลงฟั่นน่าจะเข้าสู่สายมารแล้ว หากว่าเธอแทงเขาสักทีได้สำเร็จ คาดว่าจะสามารถทำให้ดวงวิญญาณของเขาบาดเจ็บได้ ผลเสียเพียงอย่างเดียวคือทำให้หลงซือเย่บาดเจ็บสาหัสไปด้วย แถมอาการบาดเจ็บนี้ยังไม่อาจฟื้นฟูได้อีกด้วย
ถ้าไม่ถูกบีบคั้นจนหมดหนทางถอย กู้ซีจิ่วก็ไม่คิดจะใช้กระบวนท่านี้…
ทั้งสองต่างมีแผนการของตน แขนเสื้อของหลงซือเย่ไหวนิดๆ ดูเหมือนมุทรากำลังจะก่อร่างแล้ว ในอากาศมีลมกรรโชกเล็กน้อย คนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง แยกคนทั้งสองที่จับจูงกันอยู่ออก เข้าไปแทรกอยู่ตรงกลางทันที หลงซือเย่ถูกเขาเบียดให้ถอยไปด้านหลัง “ตี้ฝูอี!”
ผู้ที่มาสวมชุดสีม่วง เกศาดำดุจธารหมึก ดวงตาเยียบเย็นปานธารน้ำแข็ง มุมปากคล้ายจะยิ้มทว่ามิเชิงยิ้ม ผู้มาก็คือตี้ฝูอี
————————————————————————