ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1420+1421
บทที่ 1420 เป็นกู้ซีจิ่วที่จูงเขาอยู่ตลอดไม่ใช่หรือไง?!
เขายื่นมือไปดึงกู้ซีจิ่วเข้าสู่อ้อมแขนของตนก่อน จากนั้นก็เหลือบมองหลงซือเย่แวบหนึ่ง “นางเป็นภรรยาของข้าแล้ว เจ้าไม่ควรมาจับจูงถือแขนนาง! ไม่ต้องการอุ้งเท้าหน้าแล้วกระมัง?”
หลงซือเย่พูดไม่ออก เป็นกู้ซีจิ่วที่จูงเขาอยู่ตลอดไม่ใช่หรือไง?!
เมื่อตี้ฝูอีมา เขาย่อมลอบจู่โจมต่อไม่ได้แล้ว ดังนั้นเขาจึงยิ้มบางๆ แวบหนึ่ง “ทูตสวรรค์ฝ่ายซ้าย ไม่ได้พบกันเสียนาน!”
ตี้ฝูอีเหลือบมองเขาแวบหนึ่ง “นานมากแล้วจริงๆ!”
เขาเงยหน้ามองท้องฟ้า จากนั้นก็มองหลงซือเย่ “ดึกดื่นค่อนข้างเช่นนี้ กลางดึกเจ้าไยไม่นอน วิ่งมาจับมือถือแขนพูดคุยกับภรรยาข้าถึงที่นี่ด้วยเหตุใด?”
หลงซือเย่นิ่งงัน
เขากระแอมเบาๆ คราหนึ่ง “ข้ากับนางไม่ได้พบกันเสียนาน ดังนั้นจึงพูดคุยกันมากไปหน่อย…ท่านมาก็ดีแล้ว พวกเรากำลังคุยกันเรื่องหลงฟั่น บางทีท่านอาจจะออกความเห็นของท่านได้…”
ตี้ฝูอียิ้มมิเชิงยิ้ม “สวะผู้นั้นมีอันใดให้พูดถึงกัน? เอาล่ะ ดึกมากแล้ว เจ้าควรไสหัวไปพักผ่อนซะ มีเรื่องอะไรรอเช้าแล้วค่อยว่ากัน!”
พลางโอบกู้ซีจิ่วออกเดิน “ซีจิ่ว ตอนนี้เป็นภรรยาผู้อื่นแล้ว ไม่ว่ามีเรื่องสำคัญอันใดก็ไม่อาจมาจับมือถือแขนกับชายอื่นยามดึกดื่นเช่นนี้ได้ ข้าจะไม่พอใจ เข้าใจไหม?”
เขามาแล้วจากไปปานสายลมหอบหนึ่ง โอบกู้ซีจิ่วเดินตรงไปยังห้องพักทันที
กู้ซีจิ่วไม่นึกว่าเขาจะมาอย่างรวดเร็วปานนี้! ถอนหายใจอย่างโล่งอก ซบอยู่ในอกเขา ไม่ลืมที่จะชี้แจง “ข้ากับเขาเป็นเพื่อนกัน ไม่มีอะไร”
ตี้ฝูอีเอ่ยเรียบๆ “ข้าย่อมทราบว่าระหว่างพวกเจ้าไม่มีอะไร ข้าแค่ไม่อยากให้คนอื่นติฉินเอาเท่านั้น พวกเรากลับห้องแล้วค่อยคุยกัน”
กู้ซีจิ่วนึกถึงหลีเมิ่งซย่าที่ยังอยู่ในห้อง “ตอนนี้ข้าร่วมห้องกับเมิ่งซย่า…”
“เมื่อข้ามาแล้วเจ้าก็ต้องร่วมห้องกับข้า” ตี้ฝูอีโอบเธอเข้าไปในห้องพักอีกห้องหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากห้องที่เธอเคยพัก…
หลงซือเย่ยืนอยู่ที่เดิม มองเงาหลังของสองคนนั้นเข้าสู่อาคารไป มือค่อยๆ กำแน่น หัวใจพลันปวดแปลบขึ้นมา!
เขายกแขนเสื้อดึงไว้เบาๆ สบถด่าอยู่ในใจ ‘ไอ้ขี้ขลาด’
เขาหันหลังกลับห้องพักเช่นกัน นั่งบนเตียงหลุบตาปรับลมปราณเงียบๆ พยายามอ่านความทรงจำของวิญญาณอีกดวงที่หลับใหลอยู่ในร่างดูอีกครั้ง แต่วิญญาณดวงนั้นผนึกตัวเองไว้แน่นหนายิ่งนัก เขายังคงอ่านไม่ได้เช่นเดิม
ถึงอย่างไรนี่ก็ไม่ใช่ร่างของเขา และวิญญาณอีกดวงก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน เขาไม่อาจกลืนกลินอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ได้ในชั่วขณะ ทำได้เพียงใช้วิธีค่อยๆ แฝงเร้นแทรกซึมเข้าไปอย่างเงียบเชียบ ส่งผลอย่างช้าๆ…
….
หลังจากตี้ฝูอีโอบกู้ซีจิ่วเข้าห้องแล้วก็ลงมือกางเขตแดนทันที ใช้คาถาชำระล้างกับร่างกายเธอต่อเนื่องกันหลายครั้งก่อน ถึงค่อยดึงเธอนั่งลงข้างเตียง ยื่นมือไปจับชีพจรเธอก่อน พลางเอ่ยถามเธอ “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ตอนนี้สามารถบอกข้ามาตามจริงได้แล้ว”
กู้ซีจิ่วอิงแอบอยู่ในอ้อมอกเขา อ้อมกอดที่อบอุ่นนี้ทำให้เธอละโมบนัก เธอยังคงฉงนอยู่ “ท่านรู้หรือยังว่ามีเรื่องที่อาจคุยผ่านยันต์ถ่ายทอดเสียงอย่างละเอียดได้?”
ตี้ฝูอีจับชีพจรให้เธอเสร็จแล้ว ดึงเธอขึ้นมานอนบนเตียง ให้เธอหนุนท่อนแขนตน “ยันต์ถ่ายทอดเสียงของเจ้าติดต่อไม่ได้อยู่ตลอด ข้าจึงสงสัยว่าจะเกิดปัญหาอะไรขึ้น ตอนที่เจ้าติดต่อมาหาข้า ข้าอยู่ระหว่างเดินทางแล้ว ภายหลังไม่ง่ายเลยกว่าจะติดต่อได้ อีกทั้งเจ้าก็เอาแต่พูดจาคลุมเครือ ข้าเองก็ไม่ได้โง่ ย่อมไม่ถามซักไซ้อีก มาพบเจ้าเลยดีกว่า สนทนากันซึ่งๆ หน้า มา บอกมาสิ วันนี้เจ้าได้อะไรมาบ้าง? เหตุใดดึกดื่นค่อนคืนแล้วยังไปจับมือถือแขนกับหลงซือเย่อยู่ในสวนอีก?”
กู้ซีจิ่วไม่ได้ถือสาอะไรกับคำพูดของเขา ด้วยเหตุนี้จึงเล่าเรื่องราววันนี้ให้เขาฟังตามจริง
————————————————————————————-
บทที่ 1421 เด็กน้อย รีบร้อนปานนี้ไปทำไม
สุดท้ายกู้ซีจิ่วก็กล่าวว่า “หากไม่คิดไปจากที่คาดไว้ ครูฝึกหลงคงถูกหลงฟั่นสิงร่างแล้ว และดูเหมือนว่าครูฝึกหลงเองก็ไม่รู้ตัวด้วย และหลงฟั่นคงควบคุมร่างเข้าได้แค่หลังเที่ยงคืนเป็นต้นไป ตอนนี้เรื่องที่ข้าค่อนข้างกังวลคือตอนอยู่เขาถามสวรรค์ข้าคุยธุระกับครูฝึกหลงไปไม่น้อยเลย หลงฟั่นใช้ร่างเดียวกับเขา ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับความทรงจำของเขาด้วย เช่นนั้นก็เท่ากับแผนการของพวกเราถูกเปิดเผยล่วงหน้าแล้ว…”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง “ตามปกติแล้ว หากว่าวิญญาณสองดวงอยู่ในร่างเดียวกัน จะไม่มีความทรงจำร่วมกัน อย่างเช่นหลงซือเย่ เขาก็ไม่รู้ว่าในร่างมีหลงฟั่นอยู่ และจากถ้อยคำที่หลงฟั่นคุยกับเจ้าเห็นได้ชัดว่าเป็นหยั่งเชิงหลอกถาม เมื่อดูจากจุดนี้แล้วหลงฟั่นคงไม่ทราบแผนการของพวกเรา เพียงแต่คนผู้นี้เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ยากจะรับประกันได้ว่าเขาเล่นละครหรือไม่ ต้องการลดความระแวงของเจ้า การมาถึงของข้าคงทำให้เขาร้อนรน หากว่าเขาไม่รู้แผนการของพวกเราจริงๆ คืนนี้เขาน่าจะไปลงมือกับหลีเมิ่งซย่า ใช้วิชาควบคุมจิตใจให้หลีเมิ่งซย่าบอกทุกเรื่องราวที่เขาอยากรู้…”
กู้ซีจิ่วลุกขึ้นนั่งทันที “เช่นนั้นพวกเรายังอยู่ที่นี่กันอีกทำไม? รีบไปคอยที่ห้องพักของหลีเมิ่งซย่าสิ! เมิ่งซย่าทราบความภายในบางอย่าง ถ้านางเผยออกมาคงไม่ดี…”
ตี้ฝูอียกมือกดเธอไว้ “เด็กน้อย รีบร้อนปานนี้ไปทำไม? เพิ่งได้พบข้าก็คิดจะไปแล้วหรือ? ไม่คิดถึงข้าหรือไง?”
ลมหายใจเขาอุ่นร้อน มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยน
ทั้งสองไม่ได้ชิดใกล้กันมาหลายวันแล้ว กู้ซีจิ่วย่อมทราบว่าท่าทางเช่นนี้ของเขาสื่อถึงอะไร หัวใจพลันอุ่นวาบ ยกแขนกอดเขาแล้วจุมพิตหน้าผากเขาทีหนึ่ง “ต้องคิดถึงท่านอยู่แล้ว เพียงแต่ยามนี้พวกเรายังมีธุระเร่งด่วนอยู่ ไม่อาจให้เมิ่งซย่าติดกับเขาได้…”
แล้วดันร่างเขา ลุกขึ้นมานั่ง
ตี้ฝูอีนอนอยู่ตรงนั้น เขากลับไม่อนาทรร้อนใจเลย “ไม่จำเป็นต้องร้อนรน หลงฟั่นไม่กล้าลงมือในเวลานี้หรอก”
“หือ?” กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วมองเขา
“หลงฟั่นมีนิสัยขี้ระแวง ปกติแล้วถ้าไม่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมเขาจะไม่ยอมเสี่ยง เขาหวาดระแวงข้ายิ่งนัก เจ้ากับข้าเพิ่งเข้าห้องได้ไม่ถึงหนึ่งเค่อ ต่อให้เขาจะเคลื่อนไหว ก็ต้องรอพวกเราหลับกันหมดถึงจะไปลงมือ”
ตี้ฝูอีมองนาฬิกาทรายบนโต๊ะ “หากว่าเขาจะลงมือ น่าจะเป็นอีกครึ่งชั่วยามให้หลัง ตอนนี้ไปที่นั่นก่อนก็ไม่มีประโยชน์”
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้วนิดๆ “ไม่กลัวหนึ่งหมื่นแต่กลัวหนึ่งในหมื่น[1] ข้ารู้สึกอยู่เสมอว่ายามนี้เขาใจกล้ายิ่งนัก บางทีเขาอาจจะนึกว่าข้ากับท่านแนบชิดเร่าร้อนกัน แล้วฉวยโอกาสนี้…”
ตี้ฝูอีเอ่ยยิ้มๆ “เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าพวกเราไม่ได้แนบชิดกันมานานมากแล้ว?”
กู้ซีจิ่วชะงักไป
เธอไม่คิดจะถกเถียงกับเขาให้เสียเวลา ร่างกายเปล่งแสงวาบ “ข้าจะล่วงหน้าไปดูก่อน!” ใช้วิชาเคลื่อนย้ายหนีไปทันที
อ้อมแขนของตี้ฝูอีว่างเปล่า เขาตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ยิ้มฝืดๆ แล้วส่ายหน้า ก่อนนั่งสมาธิอยู่ที่เดิมเสียเลย
กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายเข้าไปในห้องพักของหลีเมิ่งซย่า จากนั้นก็ได้เห็นฉากที่ตนคาดคะเนไว้
หลงซือเย่อยู่ที่นี่จริงๆ ด้วย! ส่วนหลีเมิ่งซย่าก็เห็นได้ชัดว่าถูกเขาควบคุมไว้แล้ว…
หลีเมิ่งซย่านั่งทึ่มทื่ออยู่บนเตียง หลงซือเย่ยืนอยู่หน้าเตียง กำลังมองนางอย่างอ่อนโยน “ประมุขเมิ่ง ทราบหรือไม่ว่าข้าคือผู้ใด?”
“ทราบ เจ้าสำนักหลง”
“ซีจิ่วกับเจ้ามาหาข้าด้วยเหตุใด?”
“ซีจิ่วไม่ได้พบท่านนานแล้ว จึงมาเยี่ยมเยือนรำลึกความหลังและถือโอกาสเชิญท่านลงเขา”
“อ่อ เชิญข้าลงเขาไปทำอะไร?”
หลีเมิ่งซย่าตาโต “ท่านโง่หรือไง? ด้านนอกวุ่นวายถึงเพียงนี้ ภูตผีปีศาจเดินเพ่นพ่านไปหมด ท่านเป็นหมอ มีเรื่องให้ช่วยตั้งเยอะแยะ หน้าที่ของหมอคือเยียวยารักษาคน เจ้าไม่คิดจะรักษาหรืออย่างไร?”
————————————————————————–
[1] ไม่กลัวหนึ่งหมื่นแต่กลัวหนึ่งในหมื่น ความหมายคือ ไม่ควรประมาทเพราะอาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นได้