ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1434+1435
บทที่ 1434 แท้จริงแล้วความตายไม่น่ากลัว
ตี้ฝูอียิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวอะไร
หลงซือเย่ตัดสินใจในทันใด ยื่นข้อมือให้เขา “เจ้าจะตรวจก็ตรวจสิ ไม่มีอะไรสำคัญสักหน่อย”
ตี้ฝูอีดันถ้วยชาใบนั้นให้เขา “ดื่มชาให้สงบก่อนเถิด”
หลงซือเย่คลางแคลง “ชานี้ของเจ้า…”
ตี้ฝูอีเลิกคิ้วมองเขา “เจ้าคงไม่คิดว่าข้าจะใส่อะไรลงไปในชานี้กระมัง? หากว่าข้าต้องการทำร้ายเจ้าต้องวางยาพิษเจ้าด้วยหรือ? ตอนเจ้าหลับใหลก็หน้านี้ก็เพียงพอให้เอาชีวิตน้อยๆ ของเจ้าแล้ว!”
หลงซือเย่ไม่พูดอะไรอีก เพียงหยิบชาถ้วยนั้นขึ้นมาจิบเข้าไปคำหนึ่ง รู้สึกว่ารสชาติไม่เลวเลยจริงๆ จึงค่อยๆ ดื่มชาลงไป
ท่าทางการดื่มชาของเขาสง่างามยิ่ง ตี้ฝูอีรอจนเขาดื่มเสร็จ ถึงได้จับชีพจรเขา ผ่านไปครู่หนึ่งก็ชักมือกลับ มองเขาเงียบๆ ดวงตาทอแววใคร่ครวญลึกซึ้ง
หลงซือเย่ถูกเขาจนขนลุกแล้ว “เจ้ามองข้าเช่นนี้ทำไม หรือว่าข้าป่วยเป็นโรคร้ายระยะสุดท้ายแล้ว?”
ตี้ฝูอีส่ายหน้าเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาแสดงออกอย่างเคร่งขรึมจริงจัง “อาการป่วยของเจ้าน่าหลัวยิ่งกลัวโรคร้ายระยะสุดท้ายเสียอีก”
หลงซือเย่เงียบไปครู่หนึ่ง
เขาหัวเราะออกมาเบาๆ “น่ากลัวแค่ไหนกัน? ข้าจะตายแล้วหรือ?” เมื่อก่อนเขาใช้ชีวิตอย่างหมกมุ่นยึดติด คิดสารพัดวิธีเพื่อมีชีวิตอยู่ต่อไป คิดสารพัดวิธีเพื่อคืนชีพให้กู้ซีจิ่ว…
อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วความพยายามนานหลายปีของเขาก็ว่างเปล่า ตอนนี้เขาไม่พบความหมายในการมีชีวิตอยู่แล้ว ไม่ใส่เรื่องความเป็นความตายแล้ว
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “แท้จริงแล้วความตายไม่น่ากลัว แต่หากว่าเจ้าตายแล้วมีคนใช้ร่างเจ้าและชื่อเสียงของเจ้าไปทำเรื่องชั่วช้าเล่า?”
หลงซือเย่ขมวดคิ้ว “ความหมายของเจ้าคือข้าจะถูกยึดร่าง?” พลางส่ายศีรษะอย่างเด็ดเดี่ยว “เป็นไปไม่ได้!”
ตี้ฝูอียิ้ม “เรื่องราวบนโลกนี้กล่าวได้ยากนัก เรื่องที่เป็นไปไม่ได้มากมายอาจเป็นไปได้ขึ้นมา”
หลงซือเย่ทนไม่ไหวแล้ว “สรุปแล้วเจ้าอยากพูดอะไรกันแน่บอกมาตามตรงเถอะ!”
ตี้ฝูอีกล่าวว่า “เจ้ารีบร้อนอันใด? ต้องการเดินหมากกับข้าสักตาไหม?”
หลงซือเย่พูดไม่ออกแล้ว เขารู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าสมองของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายผู้นี้ผิดมนุษย์มนา! ทุกครั้งที่เขาพูดคุยกับเขามากไปสักสองสามประโยคก็เกิดความปรารถอยากบดขยี้เขายิ่งนัก
เพียงแต่คนผู้นี้ถึงแม้จะกระทำการลึกลับซับซ้อน ทำให้คนสับสนงงงวย ทว่าส่วนใหญ่ล้วนมีเป้าหมาย มีเหตุผลของเขาเสมอ
หลงซือเย่สงบเพลิงโทสะซัดโหมอย่างน่าประหลาดลงไป ตอบอย่างเยือกเย็น “ได้!” เขาอยากเห็นว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
ตี้ฝูอีกลับไม่ได้ทำอะไร ยามที่เดินหมากก็มีสมาธิจดจ่อ นิ้วเคลื่อนปานเหินบิน
ทีแรกหลงซือเย่นึกว่าเขาเดินหมากเพื่อทดสอบอะไรตน แต่เมื่อผ่านไปสักพักก็ไม่รู้สึกว่าเขาวางเล่ห์กลอันใดไว้บนหมาก จึงเป็นจริงเป็นจังขึ้นมาเช่นกัน
ทั้งสองคบหาสมาคมกันมานานหลายปี ถึงแม้จะไม่ชอบหน้ากัน แต่ถึงอย่างไรก็เป็นสานุศิษย์สวรรค์เหมือนกัน มีโอกาสร่วมมือกันอยู่มากมายหลายครั้ง ยามที่สหายมารวมตัวก็เคยเดินหมากกันอยู่สองสามตา ต่างคุ้นเคยกับแนวทางการเดินหมากของกันและกัน
ทักษะการเดินหมากของตี้ฝูอียอดเยี่ยมยิ่งนัก หลงซือเย่ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่ ยามที่คนทั้งสองประลองกันนับว่าเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ ผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ
ผ่านไปสักพัก ตี้ฝูอีก็มองหลงซือเย่แวบหนึ่ง “ไม่ได้พบกันแปดปี ทักษะปราณของเจ้ายอดเยี่ยมขึ้นนะ แนวทางการลงหมากก็เปลี่ยนไปเหมือนกัน”
หลงซือเย่ร้องเฮอะคราหนึ่ง “กับเจ้าหลายปีเสมือนหนึ่งวัน แนวทางการเดินหมาดยังคงพิสดารเช่นเดิม ทำให้ผู้อื่นสับสนคาดเดาไม่ถูกเช่นเดียวกับตัวเจ้า”
หลงซือเย่ยังไม่ลืมเรื่อง ’โรค’ ของตัวเอง หลังจากอดทนเดินหมากกับเขาจบไปสองตา ก็เอ่ยถาม “เจ้าควรพูดจาเข้าประเด็นได้แล้วกระมัง?”
หมากสองตานี้ตี้ฝูอีล้วนมีชัยทั้งสิ้น เขาอารมณ์ดีมาก เมื่อได้ยินถามเช่นนี้ เขาก็ลุกขึ้นยืน “อันที่จริงอาการป่วยนี้ของเจ้ารักษาได้ไม่ยาก ข้าจะสอนเคล็ดสมาธิชุดหนึ่งให้เจ้า เจ้านั่งสมาธิหนึ่งชั่วยามทุกๆ วัน โรคนี้ย่อมรักษาหายขาด”
—————————————————————–
บทที่ 1435 ทำให้คนเกลียดไม่ลง…
หลงซือเย่มองเขาอย่างคลางแคลง ตี้ฝูอีก็ไม่สนว่าเขาจะเชื่อหรือไม่ วาดแขนวาดขาพลางพูดถึงวิธีทำสมาธิ
เคล็ดสมาธิชุดนี้เรียนรู้ได้ไม่ยาก ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่าง่ายดายนัก หลงซือเย่ดูรอบเดียวก็ทำได้แล้ว เขาลองทำสมาธิตามอยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็รู้สึกว่าจุดหนึ่งในศีรษะเต้นตุบๆ อย่างรุนแรง คล้ายว่าด้านในมีหนอนประหลาดบางอย่างที่ได้รับความตระหนก แม้กระทั่งหัวใจเขาก็สั่นสะท้านตามเช่นกัน
เขาลืมตาขึ้นในทันใด กลับพบว่าตี้ฝูอีกำลังทาบนิ้วไว้บนข้อมือเขา เอ่ยเสียงขรึม “ทำต่อไป!”
ตี้ฝูอีในยามนี้ทรงอำนาจยิ่งนัก ไม่มีผู้ใดปฏิเสธได้ หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ ทำต่อไปจริงๆ
ระหว่างที่เขาโคจรพลังวิญญาณประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมก็สัมผัสได้ว่าตี้ฝูอีก็ถ่ายทอดพลังวิญญาณผ่านปลายนิ้วเข้ามาเช่นกัน เคลื่อนไปตามชีพจรเขาตามความคิดของเขา ยามที่โคจรไปถึงจุดนั้นในสมองอีกครั้ง ‘หนอนประหลาด’ ตัวนั้นก็ได้รับความตระหนกอีกครั้ง ถึงขั้นที่มีทีท่าว่าจะรุนแรงขึ้นอีกด้วย
หัวใจหลงซือเย่ดิ่งวูบ พลังวิญญาณของตี้ฝูอีเอ่อท้นขึ้นมาแล้ว! และในช่องท้องของหลงซือเย่ก็มีกระแสอุ่นร้อนกลุ่มหนึ่งหมุนวนขึ้นมา พุ่งขึ้นไปที่ศีรษะของเขาอย่างรวดเร็ว…
พลังวิญญาณสามสายพัวพันอยู่ในสมองหลงซือเย่ ในที่สุดก็สะกด ‘หนอน’ ที่กำลังดิ้นพล่านลงไปได้ ราวกับถูกตรวนหนักอึ้งจองจำไว้ ทำให้ ‘หนอน’ ตัวนั้นก่อเรื่องไม่ได้อีก
เพียงแต่ระหว่างขั้นตอนนี้หลงซือเย่ปวดหัวจนแทบแยกเป็นเสี่ยงๆ หากมิใช่มีพลังวิญญาณของตี้ฝูอีบังคับยับยั้งเขาไว้ เขาคงจะกระโดดขึ้นมาแล้ว
และไม่ทราบว่าผ่านไปเนิ่นนานเพียงใดแล้ว ในที่สุดตี้ฝูอีก็ชักมือกลับ หลงซือเย่ลืมตาขึ้นมาเหงื่อโซมหน้าผาก มองตี้ฝูอีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามเขา สีหน้าค่อนข้างซีดเซียว เห็นได้ชัดว่าเขาก็สิ้นเปลืองเรี่ยวแรงไม่น้อยเช่นกัน
“สรุปแล้วในร่างข้ามีอะไรกันแน่?” หลงซือเย่อดไม่ได้ที่จะลองจับสัมผัส ‘ของ’ ในสมองดูอีกครั้ง
“อย่าสัมผัสมัน!” ตี้ฝูอีเอ่ยขัดเขาทันที “ยิ่งเจ้าสัมผัสมันก็ยิ่งทำให้มันหลุดจากพันธนาการได้ง่ายขึ้น!”
หลงซือเย่สูดหายใจนิดๆ มองดูเขา “สรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
ตี้ฝูอีตอบอย่างเรียบเรื่อย “มีคนวางกู่ใส่เจ้า ทำให้เจ้าไม่อาจควบคุมพฤติกรรมในยามราตรีของตนได้ ถูกควบคุมโดยกู่ตัวนั้น ตอนนี้ข้าช่วยเจ้าผนึกมันไว้แล้ว ขอเพียงเจ้าฝึกฝนตามที่ข้าสอนวันละสองครั้งก็จะเสริมให้ผนึกแข็งแกร่งขึ้น ทำให้มันหลุดจากพันธนาการไม่ได้”
หลงซือเย่ตกตะลึง เขาฝืนข่มใจไว้ “ไม่มีวิธีกำจัดมันไปอย่างถาวรหรือ?”
ตี้ฝูอีเอ่ยตอบ “มี! แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา”
“เช่นนั้นยามไหนจึงจะถึงเวลา?”
ตี้ฝูอียกนิ้วหนึ่งทาบริมฝีปาก ยิ้มอย่างน่าชัง “ลิขิตสวรรค์มิอาจแพร่งพราย”
หลงซือเย่ไปไม่เป็นแล้ว…
ตี้ฝูอีหัวเราะฮ่าๆ หันหลังจากไป
หลงซือเย่แทบอยากขว้างถ้วยชาใส่ท้ายทอยเขา!
คนผู้นี้กระทำการให้ผู้อื่นคาดเดาไม่ออกอยู่ร่ำไป ถูกเขายั่วโมโหจนโมโหเขาแทบตายแล้วจริงๆ! แต่กลับทำให้คนเกลียดไม่ลง…
ในร่างตนมีกู่อยู่จริงหรือ? ก่อนหน้านี้ตนไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อนเลย! หากมิใช่ตี้ฝูอีถ่ายทอดเคล็ดวิชามาให้ลองทดสอบดู เขาก็ยังมืดแปดด้านอยู่
สัญชาตญาณเขาอยากลองตรวจดูอีกครั้ง แต่เมือนึกถึงถ้อยคำของตี้ฝูอีก็ล้มเลิกความคิดเสีย ตี้ฝูอีผู้นี้ถึงแม้จะกระทำการลึกลับ แต่คำพูดของเขายังคงเชื่อถือได้ ไม่จำเป็นต้องไปแตะต้องกับระเบิดลูกนั้น
เพียงจากดูจากท่าทางของตี้ฝูอีที่ผ่อนคลายยิ่งนัก กู่ในร่างของเขาก็น่าจะไม่ร้ายแรงอะไร ขอเพียงเขาสะกดควบคุมมันไว้ก็พอแล้ว
เมื่อตี้ฝูอีออกมาจากห้องพักของหลงซือเย่ รอยยิ้มบนใบหน้าก็หายไป
เรื่องของหลงซือเย่ซับซ้อนกว่าที่เขาคิดมากนัก…