ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1438+1439
บทที่ 1438 เจ้ายังเลี่ยนได้มากกว่านี้อีกหรือไม่
อีกอย่างด้วยคุณสมบัติขงหลงซือเย่ ขอเพียงเขาอ้าแขนออก สตรีที่ต้องการแบบใดบ้างเล่าที่จะไม่มี? ไม่จำเป็นต้องให้เธอไปเจ้ากี้เจ้าการเรื่องวิวาห์ให้เขาเลย
กู้ซีจิ่วก็ยิ้มออกมา “ไม่หรอก ทุกอย่างยังคงขึ้นอยู่กับวาสนา”
ไม่สนทนาหัวข้อนี้กันอีกต่อไป
หลงซือเย่บอกกับข้าวบนโต๊ะ จู่ๆ ก็มองกู้ซีจิ่วอย่างจริงจัง “ซีจิ่ว เธอทำจานปลาให้ฉันอีกสักครั้งได้ไหม? ฉันชอบกินแกงปลากับปลาเปรี้ยวหวานที่เธอทำ”
กู้ซีจิ่วชะงักไป อาหารทั้งสองอย่างที่หลงซือเย่ขอเป็นอาหารที่เธอทำให้เขาเป็นครั้งแรก ยามที่เพิ่งหัดทำครัวเมื่อชาติก่อน ครั้งนั้นรสชาติไม่นับว่าดีเท่าไหร่ แต่ยามนั้นหลงซือเย่กลับกินอย่างเอร็ดอร่อย เนื่องจากสองอย่างนี้ไม่ใช่อาหารจานถนัดของเธอ ดังนั้นกู้ซีจิ่วจึงไม่เคยทำอีกเลย นึกไม่ถึงว่าเขาจะยังจำได้
เอก้ไม่พูดจาเป็นอื่น ตอบว่า ‘ได้’ แล้วไปทำให้
หลงซือเย่นั่งอยู่ตรงนั้นหลับตาลงเล็กน้อย สำหรับความรู้สึกนี้เขาตัดสินใจปล่อยมือแล้ว ครานั้นเขาได้กินอาหารสองอย่างนี้ที่เธอทำถึงยืนยันความรู้สึกที่แท้จริงของตนได้ ตอนนี้จะกินอาหารสองอย่างนี้ของเออีกครั้งเพื่อตัดใจ เริ่มจากตรงไหนก็ให้มันสิ้นสุดที่ตรงนั้น นับว่ามีเริ่มต้นมีสิ้นสุด
ซีจิ่ว บางทีเธอกับฉันอาจจะไร้วาสนาต่อกันจริงๆ หวังเพียงว่าเธอจะมีความสุข มีความสุขตลอดไป
“เจ้าเรียกใช้ฮูหยินข้าได้คล่องปากเหลือเกินนะ” เสียงหนึ่งแว่วเข้าหูหลงซือเย่
หลงซือเย่ลืมตาขึ้นมา มองเห็นตี้ฝูอีนั่งอยู่ตรงข้ามเขา สดชื่นมีชีวิตชีวาเสมือนเพิ่งกลับจากเยี่ยมชมแถบชานเมือง ไม่คล้ายว่าเพิ่งตื่นนอนสักนิด
ตี้ฝูอีเชี่ยวชาญการอ่านความคิดคน เขาจ้องตาหลงซือเย่ “อะไรกัน นี่คือการอำลาอดีตหรือ? ในที่สุดก็จะปล่อยมือจากนางแล้วสินะ?”
หลงซือเย่สูดหายใจเบาๆ สุ้มเสียงจริงจริง “ภายหน้าต่อดีต่อนางให้มากหน่อย หากว่าเจ้าไม่ดีต่อนางเพียงนิด ข้าจะกลับมาทวงนางคืน!”
….
ยามที่กู้ซีจิ่วนำอาหารสองอย่างกลับมา ก็เห็นบุรุษสองคนหมางเมินกันปานไก่กับเหยี่ยว ต่างคนต่างกินอยู่ตรงนั้น
ตี้ฝูอีค่อนข้างเอาแต่ใจ ไม่พอใจแค่อาหารทั้งสี่จาน ยังลากสองจานนั้นของหลงซือเย่มาแบ่งลงในชามเขาส่วนหนึ่งด้วย ทุกจานเหลือไว้ให้หลงซือเย่เพียงครึ่งเดียวเท่านั้น…
เห็นได้ชัดว่าหลงซือไม่คิดจะถือสาหาความกับเขา รักษาอาหารทั้งสองจานที่เหลืออยู่ครึ่งเดียวไว้ค่อยๆ ละเลียดกินอยู่ตรงนั้น
กู้ซีจิ่ววางแกงปลากับปลาเปรี้ยวหวานไว้ตรงหน้าหลงซือเย่ หลงซือเย่ยิ้มให้ตี้ฝูอีอย่างข่มๆ แวบหนึ่ง แล้วค่อยหยิบสองจานนั้นมาไว้ด้านหน้าตน “ซีจิ่ว ขอบใจเธอมากที่ทำสองอย่างนี้โดยเฉพาะ”
ดวงตาของตี้ฝูอีมองไปทางกู้ซีจิ่วทันที เมื่อถูกเขามองตาละห้อยเช่นนี้ กู้ซีจิ่วก็รู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที สัมผัสได้ว่าเจ้าคนผู้นี้กำลังจะเล่นลวดลายแล้ว!
สัญชาตญาณเธอแม่นยำนัก เนื่องจากตี้ฝูอีเปิดปากเอ่ยแล้ว “เด็กน้อย ยังสั่งอาหารกับเจ้าได้อีกไหม?”
มุมปากกู้ซีจิ่วยกขึ้นแวบหนึ่ง “เขาเป็นสหายจึงสั่งได้หนึ่งครั้ง หากว่าท่านอยากเป็นสหายกับข้าด้วย…”
ตี้ฝูอีตัดบทด้วยการดึงเธอให้นั่งลงข้างกาย “เด็กน้อย เจ้าทำอาหารเหล่านี้ก็เหน็ดเหนื่อยมากแล้ว สามีจะใช้แรงงานเจ้าให้ไปทำอาหารอีกได้อย่างไร? มาๆ มากินด้วยกันเถิด เต้าหู้ม้วนจานนี้เจ้าทำได้ดีมาก…กินสักคำสิ แผ่นเต้าหู้จานนี้ก็รสชาติดีเหมือนกัน ชิมสิ…”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
หลงซือเย่เพิ่งเคยได้ยินตี้ฝูอีเรียกขานกู้ซีจิ่วเช่นนี้เป็นครั้งแรก ตกตะลึงไม่น้อยเลย!
“ตี้ฝูอี เจ้ายังเลี่ยนได้มากกว่านี้อีกหรือไม่?!”
เขารู้สึกว่าเขาจะกินไม่ลงแล้ว
ตี้ฝูอีปรายตามองเขาแวบหนึ่ง “เจ้ารู้สึกว่าเลี่ยนหรือ? ข้าไม่ได้เรียกเจ้าสักหน่อยนี่!”
หลงซือเย่เงียบงัน
—————————————————————-
บทที่ 1439 ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาแล้ว!
ท้ายที่สุดแล้ว มื้ออาหรตัดใจของหลงซือเย่ก็ไม่ได้กินอย่างชอกช้ำจนเกินไป เขาเต็มไปด้วยความโมโหแทน!
หลังกินข้าวเสร็จ ตามที่หลงซือเย่ตกลงกับกู้ซีจิ่วไว้ก่อนหน้านี้ คือจะลอบไปตรวจสอบสิ่งที่เรียกว่ากองทัพคงกระพันเหล่านั้นของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอม จากการคาดคะเนของกู้ซีจิ่ว คนเหล่านั้นน่าจะโดนยาชนิดหนึ่งที่คล้ายกับพิษผีดิบ ถึงได้สูญเสียสติสัมปชัญญะ บ้าคลั่งเสมือนเครื่องจักรสังหาร
และเมื่อก่อนหลงซือเย่เคยศึกษาค้นคว้าหัวข้อนี้มาแล้ว มีประสบการณ์ต่อโรคนี้อยู่บ้าง เขามีความมั่นใจเกือบสิบส่วนว่าสามารถปรุงยาที่สามารถยับยั้งพิษชนิดนี้ออกมาได้
หลังจากตรวจสอบต้นกำเนิดพิษชัดเจนแล้ว เขาค่อยไปเรียกระดมปรมาจารย์หลอมโอสถคนอื่นๆ มาหลอมโอสถ
ส่วนกู้ซีจิ่วกับตี้ฝูอีออกจากเมืองเล็กแห่งนั้น มุ่งหน้าไปที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์…
สองปีมานี้สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เร้นกายจากโลกภายนอก กล่าวกันว่าเคยถูกกองกำลังลึกลับหลายฝ่ายเข้าโจมตี โชคดีที่ถูกกู่ฉานโม่ตะเพิดให้ล่าถอยไป ยามนี้อยู่ในเขตปลอดภัย ไม่เข้าร่วมสงครามการเมืองใดๆ
ตามแผนการที่กู้ซีจิ่ววางไว้ คือจะเข้ามาติดต่อกับคนของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ อย่างน้อยก็ต้องทำให้พวกเขารู้ความจริงก่อน ยิ่งเธอดึงคนมาไว้ข้างกายได้มากเท่าไหร่ ภายหน้าหลังจากสังหารไอ้ตัวปลอมได้แล้วความหวังในการกอบกู้ชื่อเสียงของตี้ฝูอีก็จะยิ่งมากขึ้นด้วย
ทั้งสองเดินทางได้ว่องไวยิ่ง ระยะเวลาสองชั่วยามก็เดินทางได้สองพันลี้แล้ว ในที่สุดก็มาถึงสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์
กู้ซีจิ่วที่อยู่ในอากาศมองเห็นสิ่งปลูกสร้างที่แออัดกันอยู่ผืนหนึ่งจากที่ไกลๆ หัวใจเต้นถี่ขึ้นมาเล็กน้อย มีความรู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน
ครานั้นเธออาศัยอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เพียงสองปี ทว่ากลับเห็นที่นี่เป็นมาตุภูมิไปแล้ว
เยี่ยนเฉิน จิ้งจอกน้อย เชียนหลิงอวี่ จางฉูฉู่…พวกเขาจะสบายดีทุกคนไหมนะ?
ตนหายสาบสูญไปแปดปี พวกเขาต้องร้อนรนยิ่งนักเป็นแน่ ต้องสืบเสาะหาที่อยู่เธอทั่วสารทิศแน่นอน…
ตอนนี้ในที่สุดเธอก็ได้กลับมาแล้ว!
ไม่ได้เจอกันแปดปี วรยุทธ์ของพวกเขาต้องก้าวหน้าขึ้นมากแน่ๆ เยี่ยนเฉินกับเชียนหลิงอวี่อาจจะบรรลุขั้นเก้าแล้วกระมัง?
เมื่อจิ้งจอกน้อยได้พบตนจะต้องดีใจจนกระโดดโลดเต้นแน่!
เธอคิดถึงใบหน้าเฒ่าชราของกู่ฉานโม่อยู่บ้าง
ความคิดมากมายวนเวียนอยู่ในหัวเธอ ทำให้เธอเกิดความประหม่าเมื่อหวนคืนถิ่นยิ่งนัก ชะลอความเร็วลง
“เป็นอะไรไป?” ตี้ฝูอีก็ชะลอฝีเท้าลงด้วย
“ข้าคิดอยู่ว่าตอนเจอพวกเขาจะพูดอะไรดี จะแนะนำท่านอย่างไร…”
ตี้ฝูอีกอดอก “เจ้าจะแนะนำข้าว่าอย่างไรเล่า?”
กู้ซีจิ่วเม้มเริมฝากเล็กๆ คราหนึ่ง “หากข้าบอกว่าท่านเป็นสามีของข้า เกรงว่าพวกเขาจะไม่เชื่อเอา ถึงอย่างไรที่โลกภายนอกนี้พวกเราก็ยังไม่ได้จัดงานวิวาห์กันเลย”
ตี้ฝูอีนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วยิ้มน้อยๆ “เจ้าเตือนให้ข้าจัดพิธีวิวาห์ชดเชยอยู่หรือ?”
กู้ซีจิ่วส่ายหน้า “แน่นอนว่าไม่ใช่ ตอนนี้มีเรื่องวุ่นวายมากมาย ปัญหาใหญ่มากมายยังไม่ถูกสะสาง เรื่องงานแต่งชดเชยนี้รอให้ทุกอย่างกลับสู่ความสงบแล้วค่อยจัดก็ยังไม่สาย เมื่อถึงเวลานั้นข้าต้องการพิธีที่ยิ่งใหญ่อลังการที่สุด ไม่ปล่อยให้ท่านเอาเปรียบเปล่าๆ เช่นนี้ได้”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นเจ้าวางแผนจะประกาศต่อสาธารณชนว่าข้าคือคู่หมั้นของเจ้าใช่หรือไม่?”
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้วยิ้มละไมพลางตอบ “ไม่ผิดเลย!”
ตี้ฝูอีถอนหายใจเบาๆ “เอาเถิด แล้วแต่เจ้า”
เดิมทีเธอแค่หยอกเขาเล่นเท่านั้น นึกไม่ถึงว่าเขาจะเห็นด้วยจริงๆ จึงตะลึงไปชั่วขณะ “ท่านอยากให้ข้าบอกต่ออื่นว่าท่านคือคู่หมั้นจริงๆ หรือ?”
ตี้ฝูอีลูบศีรษะเธอ “ข้าก็ไม่อยากให้เจ้าได้รับความไม่เป็นธรรมเช่นกัน รอจนผ่านพิธีวิวาห์อย่างเป็นทางการ เจ้าและข้าค่อยเรียกขานกันว่าสามีภรรยาอีกครั้งเถิด”
กู้ซีจิ่วเงียบไปสักพัก เธอเลิกคิ้วแวบหนึ่ง ตอบรับอย่างตรงไปตรงมายิ่ง “ได้!”
น้ำเสียงนี้คล้ายแฝงความขุ่นเคืองเอาไว้เล็กน้อย หลังจากตอบเสร็จ ก็ทะยานตรงไปทางสิ่งปลูกสร้างที่ชุมนุมกันอยู่ทันที
จิ้งจอกน้อย เยี่ยนเฉิน เชียนหลิงอวี่…ข้ากลับมาแล้ว!
———————————————————————-