ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1498.1-2
บทที่ 1498 เช่นนั้นเจ้าชอบเขาหรือไม่? (1)
ตั๊กแตนและมาลัยดอกไม้แห้งเฉาไปหมดแล้ว แต่คงสภาพไว้ได้สมบูรณ์ยิ่งนัก เห็นได้ชัดว่าคุณชายผู้นี้ทะนุถนอมสิ่งเหล่านี้อย่างระมัดระวังเสมอมา
เถ้าแก่ผู้นั้นอดไม่ได้ที่จะทอดถอนใจ สิ่งที่อยู่บนร่างคุณชายผู้นี้เพียงชิ้นเดียวก็มีราคากว่าข้าวของกองนี้ของเขาแล้ว แต่ในใจของคุณชายผู้นี้ เกรงว่าต่อให้เป็นเงินทองของล้ำค่าอันใดก็แลกเปลี่ยนกับข้าวของเล็กน้อยกองนี้ไม่ได้…
เยี่ยนเฉินมองของเหล่าอย่างใจลอยอยู่ครู่หนึ่ง ปลายนิ้วลูบไล้หยกประดับและด้ามพัดเบาๆ…
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นของที่จิ้งจอกน้อยมอบให้เขา ต่อให้เขาหลับตาอยู่ก็สามารถบอกถึงที่มาและเรื่องราวที่ซ่อนเร้นอยู่เบื้องหลังข้าวของทุกชิ้นได้
ยามนั้นเพียงรู้ว่าธรรมดาทั่วไป วันนี้เมื่อนึกถึงกลับเป็นช่วงเวลาที่สุขสันต์หวานชื่นที่สุดช่วงหนึ่ง
ไม่อยากคะนึง ทว่าตราตรึงไม่เลือนหาย
ยามนี้เหลืออยู่เพียงความคะนึงแล้ว…
เดิมทีเขายังรู้สึกอยู่ว่าหลานเยวี่ยไม่คู่ควรกับจิ้งจอกน้อยของเขา คิดว่าที่จิ้งจอกน้อยหมั้นหมายกับหลานเยวี่ยเพราะโกรธเคืองเขา เขาถึงขั้นตัดสินไว้เด็ดเดี่ยวแล้ว ขอเพียงจิ้งจอกน้อยยังไม่วิวาห์ เขาก็จะหาทางยื้อแย่งนางกลับมา แต่ยามนี้ความจริงเปิดเผยแล้ว เขาไม่มีความกล้าพอจะทวงนางกลับมาอีกแล้ว…
“จิ้งจอกน้อย ที่แท้เจ้ากับข้าก็ไร้วาสนาต่อกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว” เขาลูบไล่หยกประดับทรงนัยน์ตาจิ้งจอกคุณภาพต่ำชิ้นนั้น ขณะที่ดวงตาหรี่ปรือด้วยฤทธิ์สุราคล้ายจะมองเห็นรอยยิ้มของจิ้งจอกน้อย…
หยกประดับสีเขียวอ่อนชิ้นหนึ่งตรงเอวเขาเปล่งแสงขึ้นมา
เขาเหลือบมองอย่างไม่ไยดีแวบหนึ่ง หยกประดับชิ้นนี้เป็นอุปกรณ์สื่อสารเฉพาะของตระกูลเยี่ยน สามารถเปล่งแสงที่สีสันแตกต่างกันได้ และทุกสีก็แสดงถึงความหมายอย่างหนึ่ง
หนนี้สีสันที่หยกเปล่งแสงออกมาหมายถึงตระกูลเยี่ยนเรียกเขากลับบ้าน…
มุมปากเขาหยักขึ้นบางๆ เผยแววเย้ยหยัน ปลดหยกประดับชิ้นนั้นออก โยนลงบนโต๊ะเสียงดังตุบ “เถ้าแก่ เอาสุรามาอีกสามไห!”
ดึกดื่นแล้ว เถ้าแก่รั้งอยู่ไม่ไหว เข้าไปนอนในห้องตนแล้ว
ยามที่เขาตื่นมาเมื่อออกมาดูอีกครั้ง คุณชายหนุ่มรูปงามคนนั้นก็ไม่อยู่แล้ว บนโต๊ะมีเพียงแท่งทองแท่งหนึ่งที่สามารถซื้อเพิงสุราเล็กๆ แห่งนี้ของเขาได้เลย แถมยังมีหยกประดับส่องแสงแพรวพราวชิ้นหนึ่งที่มองปราดเดียวก็รู้ว่าประเมินค่ามิได้อยู่ด้วย…
….
มารดาเยี่ยนต้องการให้บุตรชายแต่งสะใภ้ที่พึงใจที่สุด จึงเล่นเล่ห์เพทุบายที่น่าละอายเหล่านี้กลับนึกไม่ถึงว่าผลสุดท้ายจะกลายเป็นไก่ก็หนีไข่ก็แตก[1] สูญเสียแตงซ้ำยังหยิบไม่ได้แม้แต่เมล็ดงาด้วย ไม่เพียงแต่ทำให้บุตรชายพลาดคู่ครองที่ดีที่สุดไปเท่านั้น แม้แต่บุตรชายก็ต้องสูญเสียไปด้วย
เยี่ยนเฉินหายตัวไป ตั้งแต่จากกันครั้งนั้น ภายหน้าอีกชั่วนาตาปีนางก็ไม่ได้พบบุตรชายอีกเลย ตระกูลเยี่ยนสูญเสียเจ้าบ้านที่ล้ำเลิศที่สุดไปแล้ว เขาไม่ได้กลับไปที่ตระกูลเยี่ยนอีกเลย และคนตระกูลเยี่ยนก็ไม่อาจติดต่อเขาได้…
แน่นอนว่าเราจะกล่าวถึงเรื่องนี้กันทีหลัง
สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์หวนคืนสู่วันคืนอันสงบสุข ทุกอย่างคล้ายว่าจะไม่เปลี่ยนไปเลย แต่ก็คล้ายว่าบางอย่างจะเปลี่ยนไปแล้ว
หลานไว่หู่ยังคงอยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เพื่อการฝึกฝนเล่าเรียนของนาง ราวกับจู่ๆ นางก็ได้เปิดโลกขึ้นมา สาวน้อยที่แต่ก่อนติดเล่นยิ่งนักกลายเป็นมานะขวนขวายหาความแข็งแกร่งขึ้นมา ทุกวันจะยุ่งอยู่กับการฝึกฝน ฝึกวรยุทธ์จนแทบลืมกินลืมนอน พากเพียรยิ่งกว่าหลานเยวี่ยเสียอีก
หานเยวี่ยไปหานางอยู่หลายครั้ง นางล้วนกำลังฝึกวรยุทธ์อยู่ ไม่สนใจเขาเลย
เมื่อถูกต้อนจนร้อนรน นางก็บอกมาประโยคหนึ่ง “เขาบอกว่าข้าคือว่าที่ราชครูใหญ่ของเผ่าจิ้งจอกครามมิใช่หรือ? พลังวิญญาณของราชครูใหญ่จะต่ำต้อยได้อย่างไรเล่า? ข้าจะต้องฝึกฝนให้ก้าวหน้า!” ประโยคเดียวก็สกัดให้หลานเยวี่ยพูดอะไรไม่ได้แล้ว
ฐานะของจิ้งจอกน้อยเปิดเผยแล้ว ซ้ำยังมีสายเลือดสูงส่งเช่นนี้ ถ้าถูกคนภายนอกทราบเข้า ไม่รู้จะมียอดฝีมือมากมายน้อยเพียงใดคอยจับจ้องตาเป็นมัน ตัวนางในยามนี้ถึงอย่างไรก็เหมือนเตาหลอมที่ล้ำค่าใบหนึ่ง หากผู้ใดชนะใจนางมีสัมพันธ์กับนางได้ พลังยุทธ์จะเพิ่มพูนขึ้นอย่างมาก ได้ผลดียิ่งกว่าโอสถวิเศษอันใดเสียอีก
การที่นางรั้งอยู่ที่โลกภายนอกเช่นนี้ไม่ค่อยปลอดภัยเท่าไหร่จริงๆ ดังนั้นหลานเยวี่ยจึงคิดจะพานางกลับเผ่าจิ้งจอกคราม
————————————————————–
บทที่ 1498 เช่นนั้นเจ้าชอบเขาหรือไม่? (2)
เผ่าจิ้งจอกครามไม่ข้องแวะกับศึกสงครามใดๆ ของโลกภายนอก เป็นเอกเทศ หลานไว่หู่ไม่เหมาะจะพำนักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
แต่หลานไว่หู่กลับไม่อยากกลับไปที่เผ่าจิ้งจอกคราม นางอยากอยู่ที่สำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์เท่านั้น ที่ไหนก็ไม่อยากไปแล้ว!
แน่นอน นางก็มีเหตุผลของนางเช่นกัน นางบอกว่าการฝึกฝนอยู่ที่นี่จะรวดเร็วและยอดเยี่ยมที่สุด และนางก็ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตที่เผ่าจิ้งจอกคราม ถ้าไปแล้วยากจะสงบใจฝึกฝนได้
ตามที่นางกล่าวคือ หากว่ากลับไปโดยที่ยังฝึกฝนไม่บรรลุขั้นเก้า นางไม่มีหน้าจะร่วมเพื่อนร่วมเผ่าเหล่านั้น
จิ้งจอกน้อยดูเหมือนจะอารมณ์ดีว่าง่าย ทว่าความจริงแล้วดื้อรั้นยิ่งนัก เมื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว เช่นนั้นวัวสิบตัวก็อย่าหมายว่าจะลากไปได้ หลานเยวี่ยก็บังคังนางไม่ได้ นอกเสียจากเขาจะทำให้นางสลบแล้วพากลับไป…
หลานเยวี่ยจนปัญญา ทำได้เพียงรั้งอยู่เป็นเพื่อน
การแสดงออกของหลานไว่หู่ยอดเยี่ยมมาก นอกจากปฏิเสธที่จะไปกับเขาแล้ว ที่เหลือก็ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย เพียงแต่ตัวคนเปลี่ยนเป็นเงียบขรึมลงไม่น้อย ไม่ร่าเริงสดใสถึงเพียงนั้นอกแล้ว
ผลของการพากเพียรฝึกฝนทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้คือ นางถูกธาตุไฟเข้าแทรก เกือบจะสูญสิ้นพลังยุทธ์ในร่างไปแล้ว เคราะห์ที่กู้ซีจิ่วไปหานางพอดี จึงช่วยเหลือนางได้ทันกาล
ทำให้กู่ฉานโม่ร้อนรนยิ่งนัก เกรงว่านางจเกิดผลข้างเคียงเหมืนเยี่ยนเฉิน
จิ้งจอกน้อยยังคงโชคดีกว่าเยี่ยนเฉิน เนื่องจากมีกู้ซีจิ่วหมอเทวดาอยู่ที่นี่ด้วย รักษาให้นางได้แม่นยำทันท่วงที จิ้งจอกน้อยเป็นอัมพาตไปสามวัน สามวันให้หลังจึงฟื้นฟูกลับเป็นปกติ
ขาที่เป็นอัมพาตจากการถูกธาตุไฟเข้าแทรกจะไม่สูญเสียความรู้สึกไป ความรู้สึกเจ็บยังคงอยู่ เพียงไม่อาจสั่งการเส้นประสาทตรงนั้นได้
สองขายังคงเสียดแทงใจให้เจ็บปวด จิ้งจอกน้อยใจเสาะเหยาะแหยะเสมอมา กู้ซีจิ่วหวั่นว่านางจะรับความเจ็บปวดเช่นนี้ไม่ไหว กลับคาดไม่ถึงว่านางจะกัดฟันอดกลั้นไว้ เหงื่อออกมากมาย น้ำตาไม่ไหลสักหยดเลย
ยามที่กู้ซีจิ่วทำการรักษาให้นาง ดวงหน้าน้อยๆ ของนางขาวเผือด บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อไหล ซ้ำยังกล่าวออกมาประโยคหนึ่ง “ที่แท้การถูกธาตุไฟเข้าแทรกจนขาเป็นอัมพาตเจ็บปวดถึงเพียงนี้…ข้านึกว่าแค่ไม่มีความรู้สึกเท่านั้น…”
กล่าวถึงตรงนี้ก็หยุดไป นั่งอยู่ตรงนั้นค่อนข้างเหม่อลอย
ตอนที่เยี่ยนเฉินธาตุไฟเข้าแทรกจนสองขาใช้การไม่ได้ เมื่ออยู่ต่อหน้านางจะสุขุมเยือกเย็นไม่สะทกสะท้านอยู่เสมอ ซ้ำยังมีแก่ใจมาหยอกล้อนางด้วย เดินหมากเป็นเพื่อนนาง เล่นสนุกกับนาง ซ้ำยังให้นางไปเก็บดอกไม้ใบหญ้าในสวนมาแล้วสานของเล่นจำพวกมาลาดอกไม้ ตั๊กแตนหญ้าให้นางด้วย โอ๋นางเหมือนโอ๋เด็กน้อย…
ใบหน้าเขาไม่เผยความเจ็บปวดอันใดออกมาเลย ทำให้นางนึกไปว่าสองขาของเขาแค่ขยับไม่ได้ ทุกเดือนแค่ต้องนอนอยู่เตียงสองวันเท่านั้น
เนื่องจากทุกเดือนเขาจะเป็นอัมพาตอยู่สองวัน และสองวันนี้เขาจะอยู่กับนางทั้งวัน ยามนั้นเป็นช่วงที่นางพำนักอยู่ที่ตระกูลเยี่ยน จิตใต้สำนึกถึงขั้นที่ตั้งตารอคอยให้สองวันนั้นมาถึง…
ที่แท้สองวันนั้นที่เขาอยู่เล่นกับนาง เป็นสองวันที่เขาทรมานอย่างแสนสาหัสที่สุด
ถึงแม้หลานไว่หู่จะเป็นอัมพาตอยู่เพียงสามวัน ความรู้สึกกลับเหมือนได้ไปเยือนประตูยมโลกมาแล้วรอบหนึ่ง ความเจ็บปวดนั้นอยู่มิสู้ตายโดยแท้…ถึงแม้นางจะไม่ได้ร้องไห้ แต่สามวันนี้หน้าผากนางหลั่งเหงื่อเย็นเฉียบออกมาไม่ขาดสายเลย!
เกรงว่าเยี่ยนเฉินก็เป็นเช่นนี้ด้วยกระมัง?
หรือบางทีระดับการถูกธาตุไฟเข้าแทรกของนางกับเขาจะแตกต่างกัน นางเจ็บเขาไม่เจ็บงั้นหรือ?
————————————————————–
[1] ไก่ก็หนีไข่ก็แตก จับปลาสองมือ ผลสุดท้ายกลับล้มเหลวทั้งสองทาง