ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1516+1517
บทที่ 1516 รุ่งโรจน์เจิดจรัส
สองมือน้อยๆ ของสตรีผู้นี้ดูอ่อนแอบอบบาง เล็บใสเงางาม เสมือนสิบนิ้วมิเคยต้องตรากตรำมาก่อน ไม่นึกเลยว่ากระบวนท่าที่สำแดงออกจะดุดันเช่นนี้! ฝ่ามือที่ซัดออกมามีรัศมีฝ่ามือสีขาวจางๆ รัศมีฝ่ามือนี้บางครั้งรูปร่างคล้ายพญาหงส์ บางครั้งก็คล้ายภูเขาไฟ บางครั้งก็คล้ายกิเลน ทุกสายหลังจากสำแดงออกมาแล้วล้วนพุ่งเข้าใส่คนยักษ์เกราะทองโดยตรง พละกำลังท่วมท้น อานุภาพสูงส่ง เริ่มแรกคนยักษ์เกราะทองย่ามใจจึงพลาดไปหลายครั้ง ถูกซัดจนกระอักโลหิตออกมาทันที!
ฝูงชนที่มุงดูอยู่เห็นเพียงว่าเงาร่างแน่งน้อยสายหนึ่งบนนภาฉวัดเฉวียนอยู่รอบกายคนยักษ์เกราะทองผู้นั้น เงามายานับไม่ถ้วนเบ่งบานปานดอกไม้ไฟ ซัดจนคนยักษ์เกราะทองผู้นั้นถอยกรูดไป…
“เยี่ยมมาก!” บางคนในหมู่ฝูงชนตะโกนออกมา
หนึ่งคนร้องหมื่นคนขานรับ
“แม่นางกู้สู้ๆ!”
“แม่นางกู้ซัดไอ้ยักษ์นี่ให้ตายเลย!”
“แม่นางกู้สุดยอดเหลือเกิน!”
เสียงตะโกนให้กำลังใจดึงสนั่นหวั่นไหว กึกก้องสะท้อนไปทั่วนภา
กู้เซี่ยเทียนที่เดิมทีเกือบจะเข้าจวนไปแล้ว เมื่อได้ยินเสียงไชโยโห่ร้องเหล่านั้นแว่วมาจากที่ไกลๆ อยู่หน้าบ้าน เขาพลันสั่นสะท้าน ในที่สุดบุตรสาวก็ปรากฏตัวแล้วหรือ?!
เขาอดใจไว้ไม่ไหวอีกต่อไป เอ่ยสั่งการลูกน้องคนสนิทสองสามประโยค แล้ววิ่งห้อกลับไปอีกครั้ง…
เมื่อเห็นเงาร่างของบุตรสาวต่อสู้กับคนยักษ์เกราะทองผู้นั้นอย่างดุเดือดอยู่ไกลๆ ร่างเขาพลันนิ่งค้าง เบิดตากว้างมองดู เกรงว่าจะเกิดข้อผิดพลาดขึ้น
หลักจากมองอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาก็สาดประกาย!
ไม่นึกเลยว่าไม่ได้พบหน้ากันแปดปี วรยุทธ์ของบุตรสาวก้าวหน้ารวดเร็วปานนี้!
กู้เซี่ยเทียนก็เคยประมือกับคนยักษ์เกราะทองผู้นี้แล้วละอายใจยิ่งนัก เขาต่อกรกับอีกฝ่ายได้ไม่ถึงสองกระบวนท่าด้วยซ้ำ แถมยังเป็นสถานกรณ์ที่อีกฝ่ายเก็บงำความสามารถที่แท้จริงเอาไว้อีกด้วย
เดิมทีกู้เซี่ยเทียนก็เป็นผู้ที่มีพลังยุทธ์สูงส่งเช่นกัน แต่ยามนี้พอได้เห็นการต่อสู้ฉากนี้เขาถึงได้รู้สึกว่าการทุ่มเทต่อสู้กับผู้อื่นอย่างเอาเป็นเอาตายของตนเสมือนเด็กน้อยเล่นขายของไม่มีผิด ไม่พอให้มองเลยด้วยซ้ำ!
การต่อสู้บนนภาในยามนี้สิถึงจะเป็นกระบวท่าของยอดฝีมืออย่างแท้จริง!
ทุกกระบวนท่าทุกกลเม็ดล้วนเป็นสิ่งที่เรียนแล้วใช้ได้จริง ไม่มีของปลอมเจือปนเลยสักนิด!
เนื่องจากคนทั้งสองทะยานขึ้นไปต่อสู้กันบนท้องฟ้าแล้ว ดังนั้นประชาชนครึ่งเมืองจึงมองเห็นทั้งสิ้น ไม่ทราบว่ามีผู้คนมากน้อยเพียงใดที่หยุดฝีเท้า ช่างตีเหล็กลืมยกค้อน คนขายของลืมเก็บเงิน…เด็กน้อยที่วิ่งอย่างคึกคักอยู่บนถนนใหญ่ลืมไล่ตามสหายตน ทุกคนต่างแหงนหน้ามองขึ้นไปด้านบน มองศึกที่ยากจะพบเห็นได้ในรอบพันปีฉากนี้!
และในวันนี้เอง แทบทุกคนล้วนทราบกันถ้วนหน้าว่ากู้ซีจิ่วกลับมาแล้ว!
แถมยังกลับมาด้วยวิธีการเช่นนี้ด้วย…หวนกลับมาเยี่ยงราชัน!
ผู้ใดก็คาดไม่ถึงว่าเด็กสาวอัปลักษณ์ไร้ค่าเช่นนั้นจะมีที่ก้าวถึงจุดนี้ได้ มีช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์เจิดจรัสเช่นนี้!
ต่อมาศึกใหญ่ครั้งนี้ได้เจ้าหน้าที่อาลักษณ์บันทึกลงในตำราประวัติศาสตร์ด้วย กลายเป็นกรณีศึกษาสำหรับปลุกใจชนรุ่นหลัง แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวในภายหลัง ที่ไม่ได้แสดงอยู่ในนิยายเรื่องนี้แล้ว
กู้ซีจิ่วย่อมคาดไม่ถึงว่าศึกนี้ของตนกับคนยักษ์เกราะทองจะมีอิทธิพลมากขนาดนี้ อันที่จริงเธอค่อนข้างฉิวอยู่บ้าง
ตอนที่เธออยู่ในสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์แล้วได้รับข่าวว่าตระกูลกู้กำลังจะถูกสังหารล้างตระกูลก็ทราบแล้วว่าเป็นหลุมพรางขนาดใหญ่ของทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายตัวปลอมผู้นี้ เป็นแผนที่จะล่อให้เธอออกไป แต่ในขณะเดียวกันนี่ก็เป็นโอกาสดีที่พันปีจะมีมาสักหน เป็นโอกาสทองที่จะได้ล้างมลทินให้ตี้ฝูอีอย่างหมดจด ดังนั้นทันทีที่เธอได้รับข่าวนี้ จึงจัดแจงกำลังคนไปพลาง ติดต่อตี้ฝูอีไปพลาง
ติดต่อแทบจะทุกครึ่งชั่วยามแล้ว แต่ก็ไม่เคยได้ติดต่อได้สำเร็จเลยสักครั้ง! ฝั่งตี้ฝูอีไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลย
เธอไม่มีวิธีแล้ว ใคร่ครวญดูเล็กน้อย ถึงได้ปลอมเป็นตี้ฝูอีแล้วพาหัวกะทิของสำนักศึกษาชุมนุมสวรรค์ออกเดินทาง
โชคดีที่เธอจัดแจงเรื่องราวไว้ล่วงหน้าแล้ว กลุ่มคนที่มีหลงซือเย่เป็นผู้นำได้ลอบถอนพิษที่ควบคุมกองทหารทมิฬเหล่านั้นแล้ว ให้พวกเขาแสร้งว่าถูกควบคุมไว้ก่อนชั่วคราวแล้วเข้าฉาก ถึงได้เปลี่ยนกระแสน้ำในยามคับขันได้สำเร็จ…
ทุกขั้นตอนเธอล้วนคำนวณไว้แทบทั้งสิ้นแล้ว และประสบความสำเร็จแล้วด้วย ในที่สุดเธอก็ลบล้างข้อครหาบนร่างของตี้ฝูอีได้แล้ว ในที่สุดก็กอบกู้ชื่อเสียงให้เขาได้
————————————————————————————-
บทที่ 1517 รุ่งโรจน์เจิดจรัส 2
อย่างไรเสียเธอก็เป็นห่วงตี้ฝูอี ดังนั้นก่อนการปรากฏกายเธอยังไม่ยอมลดละติดต่อตี้ฝูอีอีกครั้งหนึ่ง ยังคงไม่สำเร็จ เธอยังคิดว่าเขาเกิดเรื่องไม่คาดคิดอันใดอีก จึงเป็นกังวลอยู่นานสองนาน
นึกไม่ถึงว่าเขาจะมาปรากฏกายในเวลานี้ ซ้ำยังปรากฏกายในฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์พร้อมกับสานุศิษย์สวรรค์อีกหลายคน
ในตอนแรกกู้ซีจิ่วรู้สึกยินดีที่มองเห็นเขาปรากฏกายอย่างโดดเด่นเป็นสง่า ในที่สุดก็คลายความกังวลที่แขวนไว้เนิ่นนานลงได้แล้ว จากนั้นจึงรู้สึกโกรธ เจ้าคนชั่วช้าในเมื่อพาคนมากมายขนาดนี้มาได้ในรวดเดียว แสดงว่าเขาไม่ได้อยู่ในเขตหวงห้ามมาโดยตลอด แล้วทำไมไม่รับ ‘โทรศัพท์’ เธอเลยเล่า?!
สถานการณ์เช่นนี้เหมือนกับสามีบอกว่าออกไปทำธุระข้างนอก อีกประเดี๋ยวก็กลับ ท้ายที่สุดเนิ่นนานก็ไม่กลับ ภรรยาต่อสายโทรศัพท์ไปหานับครั้งไม่ถ้วน อีกฝ่ายก็ปิดเครื่องตลอด ภรรยาเป็นกังวลทั้งวันทั้งคืน ขณะที่กำลังจะไปแจ้งความ คนผู้นี้ก็กลับมาเองเสียแล้ว มิหนำซ้ำยังพาพวกพ้องกลับมาอย่างรื่นเริง…
ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ต่อให้ภรรยาเป็นคนไม่มีหัวใจก็มีความเป็นไปได้สามส่วนที่จะเดือดดาล ยิ่งไปกว่านั้นตี้ฝูอีหายไปสิบกว่าวัน ขาดการติดต่อทั้งสิบกว่าวัน…
ดังนั้นภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ กู้ซีจิ่วไม่สนใจเขาก็เป็นเรื่องธรรมดายิ่งนัก เธอก็มีอารมณ์!
เมื่อสักครู่เธอกำลังรับชมการต่อสู้ ไม่อยากสนใครบางคน ใครบางคนส่งกระแสเสียงมาหาเธอตั้งหลายครั้ง เธอก็ไม่สนใจ ต่อมาใครบางคนยืนข้างกายเธอ แสดงพฤติกรรมอันคลุมเครือกับเธอ ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะปวดหัว
เมื่อสักครู่เธอยังปลอมตัวเป็นตี้ฝูอีอยู่ เจ้าคนผู้นี้ใช้ฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์แสดงท่าทีไม่ชัดเจนกับเขา ไม่เกรงกลัวว่าคนอื่นจะหาว่าทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายกับเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคู่รักกันเลยหรือ?!
ดังนั้นเธอจึงอยากอยู่ห่างจากเขาสักเล็กน้อย ห่างออกไปอีก หลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นกล่าวหาว่าเป็นคู่ชายรักชาย นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีถือโอกาสตอนคนไม่ทันได้สังเกตดึงเธอจากมา พาเธอมายังเขตแดนปิดผนึกไว้แห่งหนึ่ง
เขตแดนนั้นมีเมฆหมอกขาวโพลน มองไม่เห็นผู้ใดสักคน บนโลกนี้มีเพียงเขาและเธอ
ตอนแรกเธอเป็นห่วงสถานการณ์ด้านล่าง กลัวว่าสานุศิษย์สวรรค์หลายท่านจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนยักษ์เกราะทอง กลัวเซียนหญิงลี่หวางอะไรนั่นจะหนีไป…
ดังนั้นหลังจากเข้ามาในเขตแดนนี้ เธอตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็รีบหาทางออกจากเขตแดนนี้ โดยไม่ทันได้ระวังตัว ตี้ฝูอียกมือดึงเธอไว้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็จูบเธออย่างดูดดื่มคราหนึ่ง
กู้ซีจิ่วยังคงหงุดหงิดใจ ย่อมผลักเขาออกในทันที ยิ้มมิเชิงยิ้มชี้หน้าตัวเองเอ่ยถามเขา “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์อยากรักร่วมเพศหรืออย่างไร?” เธอยังแปลงโฉมเป็นทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอยู่เลย!
ตี้ฝูอียกมือคลายโฉมของนางแล้วอมยิ้ม “ใช้รูปลักษณ์ของเจ้าค่อยสบายตากว่าหน่อย”
แน่นอนอยู่แล้ว เมื่อสักครู่เขาจูบกับ ‘ตี้ฝูอี’ ก็เท่ากับจูบใบหน้านั้นของตัวเอง ยากยิ่งนักที่เขายังจูบได้เต็มปาก!
“ซีจิ่ว เจ้าปลอมตัวเป็นข้าได้เหมือนมาก หากข้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นตัวปลอม คงถูกเจ้าหลอกจนโง่งมไปแล้ว” ตี้ฝูอียกมือขึ้นจัดการเส้นผมให้นาง
กู้ซีจิ่วปัดมือเขาออก เลิกคิ้วเอ่ยถามเขา “ท่านไม่ใช่ว่าควรจะอธิบายอะไรกับข้าสักหน่อยหรือ?”
“อธิบายอันใด?” ตี้ฝูอีเหมือนจะไม่เข้าใจ
กู้ซีจิ่วหดหู่ใจ “ท่านหายตัวไปตั้งสิบกว่าวัน ยันต์ถ่ายทอดเสียงก็ติดต่อไม่ได้…”
ตี้ฝูอีกตกตะลึงเล็กน้อย หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงที่ติดตัวออกมา “ไหนเจ้าลองติดต่อหาข้าอีกครั้งหนึ่งสิ”
กู้ซีจิ่วราวกับคิดอะไรขึ้นได้ หยิบยันต์ถ่ายทอดเสียงออกมาลองติดต่อเขาดู ยังคงติดต่อไม่ได้จริงๆ
ตี้ฝูอีทอดถอนใจเบาๆ “ก่อนหน้านี้ไม่กี่วัน ข้าเข้าไปในเขตหวงห้ามช่วงเวลาหนึ่งจริงๆ เพิ่งออกมาเมื่อวานนี้เอง ข้าติดต่อเจ้าทันทีที่ออกมาแต่ติดต่อไม่ได้ ข้าจึงติดต่อกู่ฉานโม่ ถึงได้รู้ว่าเจ้ามาที่นี่ จึงรีบนำกำลังคนตามมา…”
กลับกลายเป็นยันต์ถ่ายทอดเสียงที่มีปัญหาเสียแล้ว!
————————————————————————————-