ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1548+1549
บทที่ 1548 ซีจิ่ว ข้ามีความสุขมาก
กู้ซีจิ่วมุ่นคิ้ว “ต้องเป็นข้าอยู่แล้ว! และมีเพียงข้าถึงจะคู่ควรอยู่ข้างกายท่าน อยู่ร่วมกับท่าน มองจากผังดาราศาสตร์นี้ พวกเราสามารถทอดมองใต้หล้าด้วยกันได้ ข้าสามารถช่วยแบ่งเบาภาระของท่านอย่างแท้จริงได้แล้ว และมิใช่นกน้อยที่ต้องซุกอยู่ใต้ปีกท่านตลอดไปอีกแล้ว…”
ตี้ฝูอีเขกมะเหงกทีหนึ่ง “เจ้าช่างกล้าพูด! ไม่รู้จักเลยสักนิดว่าความถ่อมตัวคือสิ่งใด”
“แค่พูดไปตามจริงเท่านั้น” กู้ซีจิ่วหยักยิ้มนิดๆ ยิ้มอย่างภาคภูมิ
เธอปรารถนาจะอยู่เคียงข้างเขาทอดมองใต้หล้าไปตลอดกาลจริงๆ มิใช่รับความคุ้มครองจากเขาอยู่ตลอด เช่นนั้นเธอจะไม่มีความมั่นใจในตัวเอง และเขาก็ต้องเหน็ดเหนื่อยด้วย
ตอนนี้พลังวิญญาณของเธอบรรลุขั้นสิบแล้ว ช่วยเขาจัดการเรื่องราวมากมายได้แล้ว เขาปกปักใต้หล้านี้ก็เหน็ดเหนื่อยอ้างว้างยิ่งนักแล้ว เมื่อมีเธออยู่ข้างกาย ก็ช่วยเขาแบ่งเบาได้บ้าง…
กู้ซีจิ่วเขยิบเข้าหาเขา คนสองคนนอนซุกบนเก้าอี้เอนหลังตัวเดียวกัน สองมือไม่ทราบว่ากอบกุมกันไว้ตั้งแต่ตอนไหน สิบนิ้วประสานกัน
กู้ซีจิ่วผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ซุกอยู่ในอ้อมอกเขา ขณะที่หลับเธอยังละเมอออกมาด้วย “ข้าแบ่งเบาภาระท่านได้แล้วนะ ท่านไม่ได้ตัวคนเดียวอีกแล้ว…มีความสุขหรือไม่?”
ตี้ฝูอีไม่ได้หลับ เขากอดนางไว้ตลอด มองดวงหน้ายามหลับใหลของนาง ไม่เคยละสายตาไปเลยสักชั่วขณะ
เมื่อได้ยินนางละเมอประโยคนี้ออกมา เขาหลับตาลงเล็กน้อย วงแขนโอบนางแน่น ตอบกลับคำละเมอของนาง “มีความสุขสิ…ซีจิ่ว ข้ามีความสุขมาก…” พลางจุมพิตหน้าผากนางทีหนึ่ง “มีความสุขมากจริงๆ…ดังนั้น ข้าจึงหวังว่าวันหน้าเจ้าจะมีความสุขเช่นกัน…” เมื่อกล่าวมาถึงท่อนหลัง น้ำเสียงเจือความหม่นหมองไว้เล็กน้อย
สายตาของเขาร่อนลงบนดาวใหญ่สองดวงนั้นที่สุกสกาวอยู่บนท้องฟ้า ดวงหนึ่งเพิ่งจะทะยานขึ้นมาอย่างช้าๆ แสงสว่างเจิดจรัสขึ้นเรื่อยๆ
อีกดวงหนึ่งลุกโชนมาหลายหมื่นปีแล้ว…
เขายกมือขึ้นมองดูปลายนิ้วตน เหม่อลอยอยู่เนิ่นนาน
“ฝูอี…” กู้ซีจิ่วที่อยู่ในห้วงนิทราควานหามือเขาตามสัญชาตญาณ ตี้ฝูอีจึงกุมมือของนางไว้…
ราวกับนางฉวยหลักพักพิงได้แล้ว จับเอาไว้แน่น
แต่ร่างกายของตี้ฝูอีกลับแข็งทื่อทันที เขาสัมผัสถึงพลังวิญญาณของตนที่หลั่งไหลออกไปอย่างรวดเร็วได้…
โชคดีที่เขาระแวดระวังไว้ล่วงหน้าแล้ว รีบชักมือตนออกทันที จรดปลายนิ้วทำมุทรา วาดลงบนร่างนาง หลังจากแสงสีรุ้งห่อหุ้มหมุนวนอยู่รอบกายนางสองสามครั้ง ในที่สุดนางก็หลับใหลอย่างสงบอีกครั้ง
มือของตี้ฝูอีจับมือน้อยของนางอย่างเบาๆ อีกครั้ง ประสานมือกับนางแล้วหลับตาลง
เขารู้ดี ร่างนี้ของนางนับว่ามาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ถึงเวลาที่ต้องให้นางกลับสู่ร่างเดิมแล้ว เพียงแต่เขาหักใจไม่ลง…
ระยะเวลาของอาคมที่เขาผนึกทัณฑ์สวรรค์นั้นไว้ให้นางสั้นขึ้นเรื่อยๆ แล้ว อำนาจก็อ่อนแอลงเรื่อยๆ เชื่อว่าจะคุมนางไว้ได้เพียงสามวันเท่านั้น อีกสามวันให้หลังทัณฑ์สวรรค์นี้ของนางจะออกฤทธิ์รุนแรง เมื่อถึงยามนั้นไม่ว่านางจะสัมผัสถูกผู้ใดล้วนจะดูดดึงพลังวิญญาณของผู้อื่น ถึงขั้นที่ว่าถ้าไม่ดูดจนตัวคนเหือดแห้งก็จะไม่หยุดลง…
เมื่อวันนั้นมาถึงจริงๆ นางจะกลายเป็นตัวประหลาดที่ถูกผู้คนตามล่า! ทุกอย่างที่นางมานะพากเพียรให้ได้มาจะสูญสลายเป็นเถ้าธุลี…
ถึงนางจะเป็นสตรีแกร่งคนหนึ่ง แต่การโจมตีเช่นนี้ก็ร้ายแรงถึงชีวิตนางเช่นกัน ไม่แน่ว่านางอาจจะแตกสลายก็ได้!
….
ยามที่กู้ซีจิ่วตื่นขึ้นมา ก็พบว่าตนนอนอยู่บนเตียงใหญ่ในเรือนหอนั้นแล้ว
ตี้ฝูอีก็นอนอยู่ข้างกายเธอ ดวงตาปิดพริ้ม หลับสนิทอยู่ แพขนตาเขายาวหนา ยามที่หลุบทาบขอบตาล่างเป็นทรงโค้งดั่งพัดเล่มน้อย
เธอพลิกตัวนอนคว่ำตรงนั้นเสียเลย มองดวงหน้ายามหลับใหลของเขา ในใจเปี่ยมด้วยความอบอุ่น
ระยะเวลาแปดปีที่เธอกับเขาอยู่ในเขตหวงห้ามไม่รู้ว่าตื่นเช้ามาด้วยการโอบกอดกันไว้เช่นนี้มากน้อยเพียงใดแล้ว เคยชินจนไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่หนนี้แยกกันอยู่เกือบหนึ่งเดือน เมื่อพบสภาพการณ์เช่นนี้อีกครั้งเธอจึงรู้สึกอบอุ่นมาก ถึงขั้นที่รู้สึกว่าได้มาไม่ง่ายเลย
————————————————————————————-
บทที่ 1549 เจ้ากำลังชื่นชมความงามของสามี
ก่อนหน้านี้เขาตื่นนอนเช้ากว่าเธอเสมอ ไม่บ่อยนักที่เธอจะตื่นมาเฝ้าดูใบหน้าเขาตอนนอนอย่างสงบขนาดนี้
เธอกับเขายังกุมมือกันไว้ สิบนิ้วมือกระชับแน่น ทำให้เธอรู้สึกสบายใจ
ดูเหมือนที่หลงซือเย่พูดจะไม่ถูกต้อง เธออยู่กับตี้ฝูอีมาแล้วหนึ่งวันหนึ่งคืน ยังไม่เคยดูดพลังวิญญาณเขาเลยสักครั้ง คงไม่ใช่เพราะทัณฑ์สวรรค์ บางทีอาจเป็นเพราะเธอฝึกฝนจนธาตุไฟเข้าแทรก ถึงได้ฝึกฝนอวิชชาดูดดาวที่เป็นอันตรายต่อผู้อื่นและไม่เป็นประโยชน์ต่อตนเองโดยไม่ตั้งใจ…
เธอมองเขาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเห็นเขาไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมา จึงอยากลองนั่งสมาธิเพ่งพิศภายในดูตัวเองสักหน่อยว่ามีเส้นลมปราณตรงไหนผิดปกติหรือไม่
เธอเพิ่งลุกขึ้นนั่งก็มีแขนข้างหนึ่งโอบรัดเอวเธอไว้ “เหตุใดไม่นอนต่ออีกสักหน่อย?”
กู้ซีจิ่วหันไปสบสายตากับตี้ฝูอี ดวงตาของเขาสดใส มีอาการง่วงนอนที่ไหนกัน?
“ดูเหมือนท่านจะตื่นนอนนานแล้วนะ เหตุใดจึงไม่ลืมตา?” กู้ซีจิ่วกระทุ้งหน้าอกเขา
ตี้ฝูอีจับมือที่ก่อความวุ่นวายของนางพลางยิ้มเบิกบาน “เจ้ากำลังชื่นชมความงามของสามี ข้าย่อมให้เจ้าชื่นชมจนกว่าจะพอใจ ไม่อาจรบกวนอารมณ์สุนทรีย์ของเจ้า”
เขาเอนกายกึ่งนอน สวมเสื้อคลุมด้านในตัวโคร่ง ยามนี้สาบเสื้อด้านหน้าเปิดออกอยู่กึ่งหนึ่งเผยให้เห็นหน้าอก ส่วนที่เหลือเผยให้เห็นวับแวม…
ท่าทางของเขาดูสบายยิ่งนักและทำให้คนจินตนาการไปได้ต่างๆ นานา กู้ซีจิ่วยิ้มมีเลศนัย ยกมือขึ้นดึงเสื้อคลุมให้เห็นเรือนร่างของเขามากขึ้นอีก “อยากให้ข้าชื่นชมความงามของท่านก็ต้องแสดงความจริงใจบ้าง กอดผีผาบดบังใบหน้าไว้กึ่งหนึ่งเช่นนี้ ไม่ตรงไปตรงมาเลย…”
ความจริงกู้ซีจิ่วเพียงแค่ใช้วาจา ไม่ได้คิดจะทำจริงๆ ดังนั้น เธอจึงดึงเสื้อคลุมเขาออกแค่ข้างหนึ่ง แม้แต่ทิวทัศน์อันแสนรื่นรมย์ก็ไม่ได้เผยให้เห็น
ตี้ฝูอีกลับตรงไปตรงมา หรี่ตาลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นพลันชี้ไปที่ร่างกายของเขา เสื้อคลุมทั้งชุดถูกถอดออก ร่างกายเปลือยเปล่าพลันปรากฏ ภาพคมชัดไม่ต้องเข้ารหัสใดๆ…
หัวใจของกู้ซีจิ่วเต้นตึกตัก ถึงแม้เธอคุ้นเคยกับร่างกายของเขาอย่างที่สุดแล้ว แต่อย่างไรเธอจากเขามานานขนาดนี้ ยามนี้จิตใจเธอเตลิดเปิดเปิงเมื่อได้เห็นมันอีกครั้ง…
ความงดงามทำให้คนสับสนงงงวย ความจริงผู้ชายก็ทำให้คนสับสนงวยงงเช่นกัน โดยเฉพาะคนผู้นี้ที่เป็นสามีของเธอ
ตี้ฝูอีนอนให้เธอชื่นชมอยู่ตรงนั้นอย่างใจกว้าง กู้ซีจิ่วครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง รู้สึกว่า ‘การเปิดโหมดสังหาร’ เช่นนี้เหมือนเอาเปรียบเขาเกินไป ดังนั้นเธอจึงกระแอมเบาๆ คราหนึ่ง แล้วลูบๆ จมูก “ก็เช่นนี้แหละ…เอาเถิด ข้าอนุญาตให้ท่านสวมเสื้อผ้าพูดคุยได้”
เมื่อเธอหันกายคิดจะลงจากเตียง กลับถูกตี้ฝูอีดึงรั้งไว้ “เด็กน้อย มันเสียมารยาทนะที่ไม่ตอบสนองน้ำใจของอีกฝ่าย เจ้าชื่นชมข้าแล้ว ก็ต้องให้ข้าชื่นชมเจ้าบ้าง…”
ตี้ฝูอีถอดเสื้อผ้านางอย่างรวดเร็ว ทันทีที่พูดจบ เสื้อผ้าของกู้ซีจิ่วก็ถูกปลดเปลื้องจนร่างกายเปลือยเปล่าแล้ว…
กู้ซีจิ่วหน้าแดงทันที สายตาดุจเปลวเพลิงของเขาร่อนลงบนร่างเธอ ทำให้เธอประหม่าอย่างประหลาด ทั้งที่เขายังไม่ได้กระทำสิ่งอื่นใด เพียงแค่มองเธออยู่อย่างนี้
หลังจากแต่งงานมาแปดปี ถึงแม้เธอจะมีสัมพันธ์เร่าร้อนกับเขานับครั้งไม่ถ้วน ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เห็นอีกฝ่ายเปลือยกาย ชื่นชมร่างที่เปลือยเปล่าของกันและกัน
สายตาของเขาเร่าร้อนลึกล้ำ ราวกับจับต้องได้ กู้ซีจิ่วค่อนข้างนอนไม่ติดท่ามกลางสายตาที่เขาจ้องเช่นนี้ เธอพลิกกายต้องการจะลุกขึ้นนั่ง ทว่ายังถูกเขาดึงรั้งไม่สามารถลุกขึ้นได้
ดวงตาของทั้งคู่ประสานกันครู่หนึ่ง ตี้ฝูอีไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ
ภายใต้ความตึงเครียด กู้ซีจิ่วพูดโพล่งโดยไม่ผ่านการกลั่นกรอง “มีสิ่งผิดปกติกับร่างของท่านจนท่านครอบครองข้าไม่ได้ใช่หรือไม่?”
ตี้ฝูอีนิ่งอึ้ง
เขาแย้มยิ้ม รอยยิ้มนั้นอันตรายเป็นอย่างยิ่ง วาจาดุจเค้นออกจากซอกฟัน พลันพลิกกายทาบทับบนร่างนาง “เด็กน้อย ข้าจะให้เจ้าลองดูด้วยตัวเองว่าข้าครอบครองเจ้าได้หรือไม่?!”
————————————————————————————-