ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1554+1555
บทที่ 1554 จุดประสงค์ของตี้ฝูอี!
ไม่พูดพร่ำทำเพลงอันใดก็ส่งนางออกไปเลย
หลานเหยากวงฉวยมือกู้ซีจิ่วอีกครั้ง “พี่หญิง ห้องของท่านเมื่อปีนั้นยังคงเก็บรักษาเอาไว้ให้ท่านนะ ข้าวของในนั้นไม่ได้ขยับเขยื้อนเคลื่อนย้ายเลยสักนิด มาๆ พวกเราไปที่นั่นเถอะ ที่นี่ไม่ใช่สถานที่สำหรับพูดคุยกัน”
เดิมทีกู้ซีจิ่วคิดจะหลบหลีกมือเขาตามสัญชาตญาณ ทว่านึกอะไรขึ้นมาได้อีกครั้ง นัยน์ตาสาดแสงแวบหนึ่ง ยอมให้เขาจับไว้ “เหยากวง เจ้าลองบีบมือข้าแรงๆ หน่อยสิ”
“หือ?” หลานเหยากวงไม่เข้าใจ
กู้ซีจิ่วจึงกล่าวว่า “ข้าอยากดูวิถีโคจรพลังวิญญาณของตัวเอง เจ้าลองออกแรงบีบดูหน่อยสิ ไม่ต้องกลัวนะ ออกแรงให้เต็มที่เลย”
เมื่อก่อนหลานเหยากวงฟังคำหลานจิ้งเคอยิ่งนัก ยามนี้ก็ยอมเชื่อฟังเช่นกัน ดังนั้นถึงแม้เขาจะฉงนอยู่บ้าง ก็ยังคงออกแรงบีบมือกู้ซีจิ่วอย่างเชื่อฟัง
พลังยุทธ์ของเขาสูงส่ง เหนือล้ำกว่าฮวาอู๋เหยียนมากนัก กู้ซีจิ่วต้องโคจรพลังวิญญาณเข้าต้านเพื่อไม่ให้ถูกเขาบีบจนเจ็บปวดจริงๆ
ผ่านครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วชักมือกลับมา ดวงตาเปล่งประกายเล็กน้อย
เธอไม่ได้ดูดพลังวิญญาณของหลานเหยากวง!
ดูเหมือนหลังจากสลับร่างแล้ว ‘มหาเวทดูดดาว’ ของเธอก็หายไปด้วย ทัณฑ์สวรรค์นั้นไม่อยู่แล้ว! เธอไม่กลายเป็นตัวประหลาดแล้ว…
….
เครื่องเรือนเรียบง่าย เตียงนอนที่ไม่หรูหราอลังการ การตกแต่งของทั้งห้องไม่คล้ายห้องนอนของสตรี กลับดูคล้ายห้องนอนของแม่ทัพสักท่านหนึ่ง
ที่นี่ก็คือเรือนนอนของหลานจิ้งเคอเมื่อปีนั้น บรรยากาศเรียบง่าย มีความเฉียบขาดของบุรุษ
กู้ซีจิ่วเดินวนภายในห้องรอบหนึ่ง นี่ไม่ใช่รูปแบบที่เธอชอบเลยจริงๆ ถึงขั้นที่กล่าวได้ว่าแตกต่างดีกับแบบที่เธอชอบนับแสนโยชน์เลย
เธอถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง เมื่อส่งหลานเหยากวงที่พูดจ้ออยู่ข้างหูตลอดออกไปได้แล้ว ก็นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง
วังเงือกแห่งนี้สามารถเก็บรักษาข้าวของได้เต็มสิบส่วน ข้าวของอายุเกือบหกพันปีแล้วยังเก็บรักษาไว้ได้ในสภาพสมบูรณ์เช่นนี้ นับว่าน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก
ตอนนี้เธอแน่ใจเต็มร้อยแล้วว่าตัวเองคือกู้ซีจิ่ว อย่างมากก็แค่มีความทรงจำของหลานจิ้งเคอติดมาด้วยเท่านั้น…
แต่สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้ไม่นับว่าแปลกอะไร อย่างไรเสียเธอก็มีความทรงจำของเจ้าของร่างเดิมกู้ซีจิ่วคุณหนูจวนแม่ทัพติดมาด้วย ตอนนี้ก็เท่ากันมามีเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่ง ก็ไม่เห็นเป็นไรเลย
สิ่งที่เธอใส่ใจอย่างแท้จริงคือ จุดประสงค์ของตี้ฝูอี!
เธอทราบจากหลานเหยากวงที่พูดจ้ออยู่ไม่หยุด ตี้ฝูอีมาถึงที่วังเงือกเมื่อสองชั่วยามก่อน เมื่อมาถึงสิ่งแรกที่ทำก็คือบอกหลานเหยากวงว่าสามารถคืนชีพให้หลานจิ้งเคอได้แล้ว จากนั้นก็ทำพิธีภายใต้การคุ้มกันของหลานเหยากวง…
หลังจากทำพิธีเสร็จสิ้น เขาก็เฝ้าร่างนี้อยู่ครึ่งชั่วยาม เมื่อแน่ใจว่าทุกอย่างปกติดี เธอจะฟื้นขึ้นมาตามกำหนด จึงเอ่ยกำชับสองพี่น้องแซ่หลานสองประโยคแล้วจากไปเลย
เรื่องที่เขาสั่งการหลานเหยากวงไว้มีสองประการ ประการแรกคือหลังจากหลานจิ้งเคอฟื้นขึ้นมา ต้องส่งข่าวให้เขา รายงานเรื่องนี้แก่เขา ประการที่สองก็คือเขาสามารถคืนตำแหน่งประมุขเผ่าเงือกให้หลานจิ้งเคอได้
หลานเหยากวงเป็นประมุขเผ่าเงือกที่ไม่ค่อยได้เรื่องสักเท่าไหร่ เขาชอบเล่นสนุกไม่ชอบการผูกมัด ดำรงตำแหน่งประมุขเผ่าด้วยจำใจไร้ทางเลือกจริงๆ ในใจปรารถนาจะส่งมอบตำแหน่งประมุขเงือกออกไปใจแทบขาด! เขาจะได้หวนคืนสู่อิสระเสรี ดังนั้นเขาจึงตอบรับเงื่อนไขสองข้อนี้ของตี้ฝูอีอย่างชื่นมื่น
เมื่อครู่หลานเหยากวงได้เอ่ยเรื่องนี้กับกู้ซีจิ่วแล้ว “พี่ ดีเหลือเกินที่ท่านฟื้นขึ้นมา! ตำแหน่งประมุขเงือกนี้ท่านก็มารับช่วงเถิด ข้าจะได้ผ่อนคลายสักที”
ช่วงที่กู้ซีจิ่วตะลึงไปเล็กน้อย เขาก็ตัดสินใจขั้นสุดท้ายอย่างปีติลิงโลดแล้ว “พี่หญิงไม่ตอบก็คือตกลงแล้ว ฮ่าๆ ข้าจะไปจัดการเรื่องการขึ้นครองบัลลังก์อีกครั้งของท่าน! อันที่จริงราษฎรเผ่าเงือกของเราคะนึงถึงความดีของท่านมาโดยตลอด ตั้งตารอท่านกลับมาอยู่เสมอ หากพวกเขารู้ว่าท่านฟื้นขึ้นมาแล้วไม่รู้ว่าจะดีใจกันสักเพียงใด…” จากนั้นเขาก็จากไปเลย
————————————————————————————-
บทที่ 1555 ให้เธอมีทางถอยที่ยอดเยี่ยมหรือ?
งีบไปตื่นหนึ่งก็กลายเป็นประมุขเผ่าเงือก…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าการงีบครั้งนี้ของตนค่อนข้างน่าพิศวง
เธอนั่งอยู่ในห้องสักพัก ชั่งน้ำหนักต้นสายปลายเหตุของเรื่องอยู่เงียบๆ รอบหนึ่ง ยังคงไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่ตี้ฝูอีทำเช่นนี้อยู่ดี
ปีนั้นตี้ฝูอีไม่ยอมให้เธอกลับร่างเดิม หลบเลี่ยงสารพัดวิธี เพราะจุดนี้ถึงทำให้เธอกับเขาเข้าใจผิดจนทะเลาะกันใหญ่โต หนีไปที่ป่าทมิฬ หลังจากตี้ฝูอีตามหาเธอพบ ก็ไม่เคยได้พูดเรื่องนี้ให้กระจ่าง บอกเพียงว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลิขิตสวรรค์ เขาบอกไม่ได้ แต่ก็อธิบายว่ามิได้มอบร่างนั้นให้แก่หลานจิ้งเค่อจริงๆ เธอเองก็เชื่อใจเขา
แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น?
หรือว่าเขาเก็บร่างนี้ของเธอไว้ก็เพื่อวันนี้? ให้เธอมีทางถอยที่ดีเยี่ยม?
วังเงือกแห่งนี้เป็นสถานที่เก็บรักษาร่างกายที่ดีที่สุด ทั้งยังเพิ่มพูนพลังยุทธ์ของร่างนี้ได้ ด้วยเหตุนี้ตี้ฝูอีจึงหลอกสองพี่น้องสกุลหลานให้พวกเขาดูแลรักษาร่างนี้แทน แต่ว่า…ทำไมเธอถึงมีความทรงจำของหลานจิ้งเค่อล่ะ?
ตี้ฝูอีบอกว่าดวงวิญญาณของหลานจิ้งเคอสลายไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว ไม่เหลือวิญญาณสักเสี้ยวเลยมิใช่หรือ?
แต่ฟังจากที่หลานเหยากวงเล่ามา เป็นตี้ฝูอีที่นำเศษเสี้ยววิญญาณของหลานจิ้งเคอมารวมไว้ในร่างนี้ แล้วเกิดอะไรขึ้นกับเศษเสี้ยววิญญาณนี้กัน?
สรุปแล้วตี้ฝูอีอยากให้ตัวเธอกู้ซีจิ่วกลับคืนร่างเดิมใช่ไหม หรือว่าอยากให้หลานจิ้งเคอฟื้นขึ้นมาจริงๆ?
เธอนวดคลึงหว่างคิ้ว เรื่องราวมาถึงจุดนี้แล้วเธอไม่อยากสงสัยอะไรตี้ฝูอี ดังนั้นเธอต้องไปหาเขาแล้วสอบถามด้วยตัวเอง อยากเห็นว่าที่แท้คนผู้นี้มีอุบายอะไรกันแน่!
เธอเป็นพวกที่คิดแล้วทำเลย สูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งก็ลุกขึ้นทันที ใช้วิชาเคลื่อนย้าย หายไปในทันใด
ยามที่หลานเหยากวงกลับมา ก็พบว่าพี่สาวที่ยากนักกว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้ของตนหายตัวไปแล้ว…
เขาตกใจมาก รีบส่งคนออกตามหาทันที
….
ครั้งแรกที่กู้ซีจิ่วมาเยือนอาณาจักรเงือกแห่งนี้ ต้องมีชาวเงือกรับเรือออกมาส่งด้วยตัวเอง เนื่องจากที่นี่คือใต้สมุทรลึก พลังยุทธ์ของเธอไม่ล้ำลึกพอ
แต่ตอนนี้พลังวิญญาณเธอบรรลุขั้นสิบแล้ว ซ้ำยังเป็นวิชาแหวกทะเลแล้วด้วย เมื่อต้องการจะออกไปจึงไม่ใช่เรื่องยากเย็นนักหนา
หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วยาม เธอก็ได้เหยียบย่างบนพื้นดินอีกครั้ง
ถึงแม้จะกลับขึ้นมาบนบกแล้ว แต่ตี้ฝูอีไปมาไร้ร่องรอยเสมอ คิดจะตามหาเขาไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
โชคดีที่ถึงแม้จะหาตัวเขายาก แต่การตามหาคนอื่นยังคงง่ายดายอยู่
เดิมทียันต์สื่อสารตลอดจนข้าวของสำคัญที่กู้ซีจิ่วพกติดตัวล้วนเก็บเอาไว้ในถุงเก็บของ ถุงเก็บของนี้ก็เก็บไว้ในช่องมิติของหยกนภา และยามนี้หยกนภาก็คล้องอยู่บนข้อมือเธอแล้ว
เจ้าตัวนี้ฟื้นคืนสติแล้ว สนทนากับกู้ซีจิ่วอย่างยินดีปรีดาอยู่ตั้งนานสองนาน!
เริ่มแรกมันร้องเรียกว่า ‘เจ้านาย’ เพื่อหยั่งเชิงดู หลังจากได้รับการตอบกลับจากกู้ซีจิ่ว เจ้าตัวนี้ก็เข้าสู่โหมดพูดจ้อ ส่งข้อความอยู่ในสมองของกู้ซีจิ่วเสมือนบ้าคลั่งไปแล้ว
กู้ซีจิ่วมองมันที่ส่องแสงกะพริบอยู่บนข้อมือ ยังคงยินดียิ่งนัก
เพียงแต่หยกนภาถูกตี้ฝูอีผนึกสติรับรู้ไว้เป็นเวลานาน จึงไม่ทราบเช่นกันว่าทำไมกู้ซีจิ่วถึงกลับสู่ร่างเดิมได้
มันถึงขั้นที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตี้ฝูอีไปที่วังแก้วผลึก เห็นได้ชัดว่ายามตี้ฝูอีพากู้ซีจิ่วไปเที่ยวเล่นได้ฉวยโอกาสผนึกสติรับรู้ของหยกนภาไว้
กู้ซีจิ่วพูดคุยกับมันอยู่เนิ่นนานก็ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ค่อนข้างผิดหวังเล็กน้อย แต่อย่างไรสามารถติดต่อกับมันได้อย่างไร้อุปสรรคอีกครั้ง เธอก็ยังคงดีใจอย่างยิ่ง
เธอฟังหยกนภาพูดถึงความคับข้องใจที่ไม่อาจสื่อสารกันได้ในช่วงแปดปีมานี้ พลางควานหายันต์ถ่ายทอดเสียงเพื่อติดต่อหามู่เฟิงก่อนไปด้วย
และที่บังเอิญก็คือ มู่เฟิงกำลังทำงานอยู่ข้างกายตี้ฝูอีพอดี หลังได้รับการติดต่อจากเธอ เขาตะลึงไปเล็กน้อย “แม่นางกู้?”
————————————————————————————-