ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1566+1567
กู้ซีจิ่วไม่มองพวกเขาอีกต่อไป เธอหลุบตาลงมองโลงแก้วผลึกที่อยู่ภายใต้ร่าง พลันเลิกคิ้วขึ้น “ข้ายังไม่ตายเสียหน่อย เหตุใดจึงมาอยู่ในโลงได้? อัปมงคล!”
เรือนกายเธอพลันเปล่งแสงมาอยู่ด้านนอกโลง ถือโอกาสสะบัดแขนเสื้อ ลำแสงสีขาวเปล่งประกาย ตามด้วยเสียงแตกดังเพล้ง โลงแก้วผลึกที่รวบรวมพลังวิญญาณไร้ขีดจำกัดของเผ่าเงือกแหลกเป็นจุณทันที!
โลงแก้วผลึกนี้เป็นอาวุธวิเศษที่เขาใช้ทำพิธีลบความทรงจำของเธอ เธอจำต้องทำลายมัน! จะได้ไม่ต้องถูกเขาจับเข้าไปอีก…
หลานเหยากวงตกตะลึง โลงแก้วผลึกนี้ไม่ใช่โลงแก้วผลึกธรรมดา แต่เป็นสิ่งที่ตี้ฝูอีสร้างขึ้นเองกับมือเมื่อแปดปีก่อน เป็นอาวุธวิเศษที่รวบรวมพลังวิญญาณนับไม่ถ้วนของเขา อาวุธวิเศษชิ้นนี้เชื่อมต่อกับแหล่งพลังวิญญาณของเผ่าเงือก มิเช่นนั้น ร่างเดิมของกู้ซีจิ่วที่นอนอยู่ในโลงแก้วผลึกนี้ ไม่เพียงแต่จะไม่เน่าเปื่อย พลังวิญญาณก็มิอาจเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้!
นอนอยู่ก็สามารถเลื่อนถึงขั้นสิบได้โดยอัตโนมัติ บนโลกใบนี้ก็มีแค่แหล่งพลังวิญญาณของทวีปหลานเฟิงนี้เท่านั้นถึงจะทำสำเร็จลุล่วงได้
เทพศักดิ์สิทธิ์เป็นคนค้นพบแหล่งพลังวิญญาณนี้เมื่อหกพันปีก่อน ต่อมาหลานจิ้งเคอก่อตั้งอาณาจักรที่นี่ ก็ด้วยเหตุผลเรื่องแหล่งพลังวิญญาณนี้
ด้วยแหล่งพลังวิญญาณนี้จึงเสริมให้สิ่งของในวังเงือกไม่เน่าไม่เปื่อยนับพันปีไปจนถึงนับหมื่นปี แน่นอน เนื่องจากพลังวิญญาณในแหล่งพลังวิญญาณนี้แข็งแกร่งเกินไป ความจริงแล้วเป็นพลังวิญญาณที่ไม่อาจดูดซับไปใช้ได้โดยตรง คนเผ่าเงือกที่ฝึกฝนที่นี่ทำได้เพียงดูดซับพลังวิญญาณที่รั่วไหลออกมาจากแหล่งพลังวิญญาณเป็นครั้งคราวเท่านั้น ต่อให้รั่วไหลออกมาเป็นบางครั้งก็ยังมากกว่าพลังวิญญาณในทวีปด้านนอกเสียอีก!
หากต้องการดูดซับพลังวิญญาณภายในแหล่งพลังวิญญาณโดยตรง จำเป็นต้องสร้างอาวุธวิเศษอย่างโลงแก้วผลึกนี้ โลงแก้วผลึกนี้ถูกปลุกเสกคาถาอาคมมากมาย สามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณภายในแหล่งกำเนิดให้กลายเป็นพลังวิญญาณธรรมดาที่ร่างกายมนุษย์ดูดซับได้โดยตรง…
อาวุธวิเศษชิ้นนี้ไม่ได้สร้างขึ้นมาง่ายๆ หลานเหยากวงจำได้อย่างชัดเจนว่าเทพศักดิ์สิทธิ์สร้างขึ้นมาด้วยตนเองโดยใช้เวลาครึ่งปีเต็ม สิ้นเปลืองทั้งพลังวิญญาณและอิทธิฤทธิ์ไปมากมาย เขาจำได้ว่าตอนนั้นเทพศักดิ์สิทธิ์ตีขึ้นรูปแต่ละครั้ง ใบหน้าก็ซีดขาวทุกครั้ง บางครั้งถึงกับเหงื่อโซมศีรษะ ทำให้หลานเหยากวงรู้สึกเหน็ดเหนื่อยแทนเขาเมื่อเห็น!
กล่าวได้ว่าหากไม่มีโลงแก้วผลึก ก็ไม่มีกู้ซีจิ่วในวันนี้
บัดนี้ อาวุธวิเศษเพียงชิ้นเดียวกลับถูกกู้ซีจิ่วทำลายลงอย่างง่ายดาย! ทำลายไปแล้ว!
หลานเหยากวงรู้สึกเบื้องหน้ามืดมัวไปหมด!
ตอนนั้นที่ตี้ฝูอีสร้างอาวุธวิเศษชิ้นนี้เสร็จ ยังเคยสั่งการเขาไว้อย่างชัดเจน ต่อให้ฟ้าถล่มดินทลายทุกสิ่งสูญสลายก็ต้องรักษาอาวุธวิเศษชิ้นนี้ไว้เป็นอย่างดี เสียหายไม่ได้แม้แต่นิดเดียว! มิเช่นนั้นตี้ฝูอีจะไม่ไว้ชีวิตเขา จะให้ชาวเผ่าเงือกทั้งหมดตายตกตามเขาไป
ดังนั้นแปดปีมานี้ หลานเหยากวงจึงดูแลอาวุธวิเศษชิ้นนี้ดียิ่งกว่าดูแลตัวเองเสียอีก ด้วยกลัวว่าข้ารับใช้หรือสาวใช้จะมือหนัก ทำงานละเอียดอ่อนเช่นนี้ไม่ได้ งานจำพวกปัดกวาดเช็ดถูโลงแก้วผลึกย่อมเป็นหลานเหยากวงลงมือทำด้วยตัวเอง ทุกวันต้องใช้ใยเงือกอย่างดีที่สุดเช็ดรอบหนึ่ง ตัดเล็บจนสั้นกุดด้วยเกรงว่าจะขีดข่วนเป็นรอยเล็บ…
หลานเหยากวงยังคงมีไหวพริบ หลังจากเขามีปฏิกิริยาตอบสนอง ความรู้สึกแรกก็คือเทพศักดิ์สิทธิ์จะเดือดดาลอย่างยิ่ง และลงโทษกู้ซีจิ่ว…
ยามนี้ ถึงแม้พี่สาวคนนี้จำเขาไม่ได้ ถึงแม้นางมีเพียงความทรงจำของกู้ซีจิ่ว ทว่าอย่างไรเสียนางก็คือพี่สาวของเขานี่! พี่สาวที่กว่าจะฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้…
เรือนกายหลานเหยากวงขยับไหว มาขวางหน้ากู้ซีจิ่วในทันที เขาบังนางไว้ด้านหลังตามสัญชาตญาณ ทำความเคารพอย่างสุดซึ้งต่อตี้ฝูอี “พี่หวง นางไม่รู้ว่าโลงแก้วผลึกมีค่าขนาดนี้ ผู้ไม่รู้ย่อมไม่ผิด ท่านอย่าได้ลงโทษนางเลย…”
สายตาตี้ฝูอีมองโลงแก้วผลึกที่แหลกเป็นเสี่ยงบนพื้นรอบหนึ่ง ในที่สุดก็หันมามองหน้ากู้ซีจิ่ว แต่กลับไม่กังวล ไม่โกรธ และกล่าวอย่างเรียบเฉย “เดิมทีโลงแก้วผลึกนี้ก็สร้างขึ้นเพื่อฟื้นคืนชีพนาง แตกสลายไปแล้วก็ช่างมันเถิด”
————————————————————————————-
บทที่ 1567 ที่แท้ของสิ่งนี้ก็หมายถึงสวรรค์ลิขิตวาสนา…
กู้ซีจิ่วเย้ยหยันในใจ สิ่งที่เขาทำให้หลานจิ้งเคอช่างมีน้ำใจไม่ธรรมดาเสียเหลือเกิน! หากหลานจิ้งเคอทำลายที่นี่ทิ้ง เขาก็จะพูดว่าเจ้ามีความสุขก็ดีแล้วด้วยความรักใคร่หรือ?
หลานเหยากวงแน่นิ่ง เมื่อวางใจลงได้ ก็อดไม่ได้ที่จะแอบทอดถอนใจ การปฏิบัติต่อคนรักนี่ช่างแตกต่างกันเหลือเกิน
ตอนนั้นหลานจิ้งอี๋ใช้เท้าเตะโลงแก้วผลึกนี้โดยไม่ได้ตั้งใจ กลับถูกตี้ฝูอีโยนออกจากตำหนักนี้ไปทันที ถูกทำโทษให้ยืนนิ่งทั้งวันประหนึ่งท่อนไม้
ยามนี้ กู้ซีจิ่วทำลายโลงแก้วผลึกนี้เป็นจุณ เขากลับปล่อยไปอย่างง่ายดายเช่นนี้ ดูเหมือนเทพศักดิ์สิทธิ์จะรักพี่สาวเขาอย่างสุดซึ้ง ไม่อาจทนกล่าวโทษนางแม้เพียงน้อย
ทว่าโลงแก้วผลึกถูกทำลายแล้วก็ไม่มีทางทำพิธีได้อีก ความทรงจำของพี่สาวเขาจะทำเช่นไร? ความทรงจำของนางหายไปแล้วนี่!
ความทรงจำของพี่สาวเขาจะยังฟื้นกลับมาได้อีกหรือไม่?
หลานเหยากวงวิตกกังวล
ตี้ฝูอีเดินเข้าไปหากู้ซีจิ่วก้าวหนึ่ง อมยิ้มเล็กน้อย “จิ้งเคอ ขอแค่เจ้าฟื้นคืนชีพกลับมาก็ดีแล้ว ไม่ว่าเจ้าทำสิ่งใด ข้าก็จะไม่กล่าวโทษเจ้า”
นิ้วมือในชายเสื้อของกู้ซีจิ่วกระชับแน่น จิ้งเคอ! เขาเรียกชื่อนี้ได้อย่างสนิทสนมเหลือเกิน!
เธอเดือดดาลเป็นฟืนไฟ นิ้วมือกระชับแน่นขึ้นช้าๆ ทว่าริมฝีปากกลับโค้งรอยยิ้ม หันไปมองเขาแวบหนึ่ง “ข้าจำท่านไม่ได้…เหตุใดท่านจึงดีต่อข้าถึงเพียงนี้?”
ตี้ฝูอีจ้องข้อมือนาง “เพราะเจ้าคือคู่หมั้นของข้า พวกเราเคยหมั้นหมายกันไว้ เจ้าดูสิ บนข้อมือเจ้ายังมีกำไลคู่บุพเพที่จะปรากฏขึ้นหลังจากพวกเราหมั้นหมายกัน”
เขาเลิกแขนเสื้อขึ้น เผยให้เห็นกำไลบนข้อมือ “พวกมันเป็นคู่กัน มีเพียงสวรรค์ลิขิตวาสนาเท่านั้นถึงจะปรากฏสิ่งนี้ได้”
สายตากู้ซีจิ่วร่อนลงบนกำไลบนข้อมือตัวเอง นั่นคือกำไลวงหนึ่งที่สวยงามมาก มองแวบเดียวก็รู้ว่าเป็นกำไลคู่รัก ลวดลาย สีสัน เหมือนกันกับของตี้ฝูอีทุกประการ
กำไลวงนี้เคยเป็นสิ่งที่เธอให้ความสำคัญและชื่นชอบมากที่สุด ตอนที่เพิ่งสวมใส่ ยามว่างก็จะมองมันอยู่หลายรอบ ตอนนั้นเหตุผลหลักที่เธอพยายามดิ้นรนกลับไปร่างเดิมก็คือกำไลวงนี้ เพราะมันสวมได้แค่บนร่างเดิม เธอถอดมันออกมาไม่ได้
นึกไม่ถึงว่าสิ่งที่เธอให้ความสำคัญกลับเป็นพยานรักของเขากับผู้หญิงอีกคน! น่าขันที่เธอยังสวมใส่มันอย่างระมัดระวังอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน กลัวจะไปกระทบกับสิ่งใดเข้า!
ที่แท้ตอนนั้นคนที่เขาคาดหวังว่าจะหมั้นหมายด้วยก็คือหลานจิ้งเคอ…มิน่า ตอนนั้นเขาจึงไม่ยอมช่วยเธอสลับร่าง เขาคงรู้อยู่แล้วว่ามีเพียงหลานจิ้งเคอคนเดียวเท่านั้นที่มีสิทธิสวมกำไลวงนี้ ส่วนเธอเป็นแค่ตัวแทนในช่วงเวลาหนึ่งของหลานจิ้งเคอ…
เธอเป็นแค่เรื่องตลกขบขันเรื่องหนึ่ง ถูกคนอื่นปั่นหัวเล่นจนหัวหมุน!
เลือดลมในอกพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที ลำคอรู้สึกพะอืดพะอม มือและเท้ากลับเย็นวาบเป็นช่วงๆ เธอหยิกฝ่ามือจนเลือดออกแต่กลับไม่รู้สึกอันใด เพียงพยายามอย่างสุดชีวิตเพื่อครองสติสุดท้ายของตัวเอง
ใจเย็นๆ! ใจเย็นๆ! เธอโศกเศร้ามามากพอแล้ว ไม่อาจทำให้ตัวเองโศกเศร้าไปมากกว่านี้อีก!
นิ้วมือเธอหมุนวนกำไลบนข้อมือ ดีดนิ้วหนึ่งครา “ที่แท้ของสิ่งนี้ก็หมายถึงสวรรค์ลิขิตวาสนา…”
เธอเย้ยยิ้มอีกครา “แต่ข้าไม่เคยเชื่อเรื่องโชคชะตา! ชีวิตข้า ข้าเป็นผู้กำหนดเอง มิใช่สวรรค์เป็นผู้ลิขิต” กระบี่คมพลันปรากฏขึ้นบนฝ่ามือเธอ พุ่งตรงไปที่กำไลบนข้อมือหมายจะตัดมันออก และใช้พละกำลังทั้งหมดที่มี!
หลานเหยากวงตกตะลึง “ไม่ได้นะ!” หากฟาดฟันกระบี่ลงไป อย่าว่าแต่กำไลบนข้อมือเลย แม้แต่มือของนางก็จะถูกตัดออกไปเลย!
เสียง ‘แกร๊ง!’ ดังสนั่น กำไลวงนั้นส่งระลอกเสียงดังหึ่งๆ ที่แปลกประหลาด ทำให้หลานเหยากวงที่อยู่ด้านข้างกระโดดออกไปด้านนอกสามสี่ก้าวติดต่อกัน เขารู้สึกว่าหูตัวเองจะหนวกแล้ว!
————————————————————————————-