ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1628+1629
บทที่ 1628 คืนสิ้นปี 7
ต้องกล่าวเลยว่า สังขารนี้ดีกว่าสังขารที่หลงซือเย่สร้างขึ้นก่อนหน้านี้มากนัก เทียบเคียงกับร่างนั้นที่หลงฟั่นสร้างขึ้นหนก่อนได้เลย ถึงขั้นที่ยอดเยี่ยมกว่าด้วยซ้ำ
พลังวิญญาณดั้งเดิมของร่างนี้คือขั้นแปด! นับว่าเป็นตัวตนที่ขัดต่อสวรรค์ยิ่งนักเช่นกัน
กู้ซีจิ่วมอง ‘ตัวเอง’ ที่อยู่ในโลง มุมปากเผยรอยยิ้มขื่นขมแวบหนึ่ง เดิมทีดวงวิญญาณเธอก็ถือกำเนิดจากร่างโคลนนิ่ง บางทีร่างโคลนนิ่งสิถึงจะเป็นแหล่งพำนักที่แท้จริงของเธอ…
เธอเอ่ยถามหลงซือเย่ “ถ้าหากฉันอยากย้ายเข้าสู่ร่างโคลนนิ่งนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ จะสำเร็จอย่างง่ายดายหรือเปล่า?”
หลงซือเย่ตกตะลึง ไม่พูดไม่จาอะไรคว้าข้อมือเธอมาจับชีพจรให้ทันที ผ่านไปสักพักถึงคลายมือออก “ร่างนี้ของเธอยอดเยี่ยมมากอยู่แล้ว ไม่มีปัญหาเลยสักนิด ทำไมถึงคิดจะเปลี่ยนร่างอีกล่ะ?” เธอนึกว่าการเปลี่ยนร่างเหมือนการเปลี่ยนเสื้อผ้าหรือไง?
กู้ซีจิ่วหลุบตาลง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตนมีความคิดบ้าดีเดือดเช่นนี้ได้อย่างไร คิดจะทำตัวเป็นเหลยเฟิง ส่งมอบสังขารนี้ออกไปอีกครั้ง มอบให้หลานจิ้งเคอนางในดวงใจของตี้ฝูอี…
เขาคาดหวังให้หลานจิ้งเคอฟื้นคืนชีพมาโดยตลอดมิใช่หรือ? โกรธเคืองที่เธอยึดครองร่างของหลานจิ้งเคอเสมอมาใช่หรือไม่? เช่นนั้นเธอก็จะมอบให้!
สังขารนี้ถึงแม้จะเป็นร่างเดิมของคุณหนูแห่งจวนแม่ทัพ แต่ก็เป็นตี้ฝูอีที่ใช้ความพยายามอย่างมหาศาลถึงทำให้มันที่หลับใหลอยู่สามารถฝึกฝนจนบรรลุขั้นสิบได้ อีกทั้งร่างนี้เดิมทีก็เคยหมั้นหมายกับตี้ฝูอี…
เมื่อคิดเช่นนี้แล้วร่างนี้เดิมทีก็มีความเกี่ยวพันกับตี้ฝูอีอย่างล้ำลึกยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็จะมอบให้ไปเสียเลย!
ในเมื่อคิดจะตัด เช่นนั้นก็ต้องสะบั้นให้หมดจด!
เธอคืนร่างดั้งเดิมนี้ให้เขา กลับสู่ร่างโคลนนิ่ง นับจากวันนี้ไปเธอก็ไม่ติดค้างเขาอีกแล้ว! ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาอีกแม้สักเศษเสี้ยว!
บางทีหลังจากเปลี่ยนร่างแล้ว เธออาจจะก้าวออกมาจากบ่วงรักครั้งนี้อย่างสมบูรณ์ได้ เป็นตัวเองคนใหม่อย่างสมบูรณ์!
เธอไม่อยากอธิบายลูกคิดรางแก้วเหล่านี้ให้หลงซือเย่ทราบ เพียงมองเขาอย่างจริงจัง “สรุปแล้วย้ายได้ไหม?”
หลงซือเย่ปวดหัวแล้ว ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “ถ้าจะย้ายย่อมย้ายได้ เพียงแต่ตอนนี้เธอบรรลุขั้นสิบแล้ว แต่พลังวิญญาณของร่างนี้แค่ขั้นแปดเท่านั้น ถ้าหากเธอย้ายร่างพลังยุทธ์จะถดถอยลงมาก…”
“ไม่เป็นไร ฉันมุมานะฝึกฝนอีกครั้งได้”
หลงซือเย่ส่ายหน้า “นี่ใช่เรื่องที่มุมานะฝึกฝนแล้วก็สามารถบรรลุได้ง่ายๆ…”
กู้ซีจิ่วสามารถบรรลุขั้นสิบได้ตั้งแต่อายุยังน้อย นอกจากพรสวรรค์อันสูงส่งยิ่งนักของตัวเธอแล้ว ยังมีปัจจัยภายนอกอีกมากมายที่ไม่สามารถลอกเลียนแบบได้
ยกตัวอย่างเช่นเขตหวงห้ามที่มีพลังวิญญาณล้นหลามยิ่งนักแห่งนั้นเอย การบำเพ็ญร่วมคู่กับตี้ฝูอีเอย โอสถวิญญาณที่ตี้ฝูอีหามาให้เธอเอย เคล็ดวิชาแนวทางต่างๆ ที่ตี้ฝูอีถ่ายทอดให้เธอเอย…
เมื่อนำปัจจัยเหล่านี้มารวมกัน ถึงทำให้ภายในระยะเวลาสั้นๆ เพียงแปดปี เธอสามารถบรรลุจากขั้นแปดไปยังขั้นสิบได้ กลายเป็นตัวตนที่ผิดต่อกฏเกณฑ์ของสวรรค์
อย่างตัวเขารวมถึงสานุศิษย์สวรรค์คนอื่นๆ ได้รับทรัพยากรที่ดีที่สุด แนวทางการฝึกฝนที่ยอดเยี่ยมที่สุด กว่าจะบรรลุขั้นเก้าก็ยังใช้เวลาตั้งหลายสิบปี
กู้ซีจิ่วฉลาดเฉลียวนั้นเป็นความจริง แต่หากว่าเธอย้ายเข้าร่างโคลนนิ่งอีกครั้ง อย่าว่าแต่บรรลุขั้นสิบเลย แม้กระทั่งขั้นเก้าก็คงต้องใช้เวลายี่สิบสามสิบปี ส่วนการบรรลุขั้นสิบ นั่นก็ขึ้นอยู่กับลิขิตสวรรค์แล้ว บางทีอาจต้องใช้เวลาหลายร้อยปี หรือไม่ชั่วชีวิตนี้ก็ไม่อาจบรรลุขั้นนี้เลย
“ซีจิ่ว ร่างเดิมยอดเยี่ยมที่สุดแล้วจริงๆ หากไม่มีเหตุสุดวิสัย ก็อย่าเปลี่ยนเลย เธอในตอนนี้บรรลุขั้นสิบเป็นอมตะแล้ว คงโฉมเยาว์วัยไปชั่วนิรันดร์ หลังจากเปลี่ยนร่างแล้วต่อให้เธอฝึกฝนจนบรรลุขั้นเก้า อย่างมากก็มีชีวิตได้แค่พันปี…” หลงซือเย่ตักเตือนด้วยความหวังดี
เป็นอมตะงั้นหรือ?
มุมปากกู้ซีจิ่วหยักขึ้นเล็กน้อย เธอไม่สนใจไยดีชีวิตอมตะเลย! อายุขัยพันปีก็เพียงพอสำหรับเธอแล้ว!
“ครูฝึกหลง ฉันไม่สนใจชีวิตอมตะ แค่อยากได้ร่างกายที่เป็นกรรมสิทธิ์ของตัวเองอย่างสมบูรณ์ หากว่าสามารถย้ายได้ ฉันก็อยากจะย้ายเข้าไปในระยะเวลาอันใกล้นี้”
————————————————————————————-
บทที่ 1629 ทุกคนตามหาเจ้ากันหมด
ตอนนี้ร่างเดิมของนี้ของเธอมีความทรงจำบางส่วนของหลานจิ้งเคอ เธอไม่ต้องการความทรงจำนี้! ไม่อยากใช้ร่างเดียวกับนางในดวงใจของเขา! เช่นนี้จะทำให้เธอคิดว่าตนคือตัวแทนของหลานจิ้งเคออยู่ตลอดเวลา…
หลงซือเย่เกลี้ยกล่อมต่อไป แทบจะพูดผลดีผลเสียทั้งหมดออกมาจนสิ้นแล้ว จนปัญญาที่กู้ซีจิ่วตัดสินใจแน่วแน่แล้ว สุดท้ายหลงซือเย่ก็หมดหนทาง ตกปากรับคำเรื่องการเปลี่ยนร่างให้เธอ เพียงแต่เนื่องจากดวงวิญญาณของกู้ซีจิ่วค่อนข้างพิเศษ การย้ายร่างบ่อยๆ เช่นนี้จะทำให้วิญญาณเธอบาดเจ็บได้ง่ายๆ ทำให้ดวงวิญญาณเธอแตกสลาย เพื่อความปลอดภัย ตอนเปลี่ยนร่างต้องใช้สมุนไพรชนิดหนึ่งมาปลุกเสก สมุนไพรชนิดนี้หายากยิ่งนัก เติบโตบนภูเขาไฟ หลายปีถึงจะออกผลสักลูก ทุกครั้งจะมีระยะออกผลเพียงสั่นๆ ไม่กี่วัน อีกทั้งหลังจากปลิดผลไม้ลงมาแล้ว ต้องใช้ภายในหนึ่งเดือนถึงจะได้ผล จำเป็นต้องใช้ผลที่สดใหม่
ที่ค่อนข้างน่ายินดีคือ อีกหนึ่งเดือนให้หลังจะเป็นระยะออกผลของสมุนไพรชนิดนี้ เมื่อถึงเวลาหลงซือเย่จะไปเก็บเกี่ยวมาด้วยตัวเอง หลังจากกลับมาก็จะทำการย้ายร่างให้กู้ซีจิ่ว
ทั้งสองกำหนดวันที่จะทำการย้ายร่างเรียบร้อยแล้ว กู้ซีจิ่วจึงกลับไปที่จวนทูตสวรรค์พิทักษ์แผ่นดินของตน
เธอไม่ได้วางแผนว่าจะบอกเรื่องนี้แก่ตี้ฝูอีล่วงหน้า จะรอหลังจากเธอย้ายร่างสำเร็จแล้ว ค่อยนำร่างเดิมไปมอบให้จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็นับว่าเสร็จสิ้นแล้ว
เธอไม่กลับมาเลยทั้งคืนทำให้คนในบ้านร้อนรนใจ พวกกู้เซี่ยเทียนตระเวนออกตามหาไปทั่ว เมื่อเห็นเธอกลับมาล้วนถอนหายใจอย่างโล่งอกกันถ้วนหน้า
กู้เซี่ยเทียนเอ่ยขึ้นว่า “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าไปไหนมา? ทุกคนตามหาเจ้ากันหมด เมื่อคืนข้าถึงกับแล่นไปจวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายมารอบหนึ่ง ผลคือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายก็ไม่อยู่เช่นกัน ข้ารับใช้ของเขาบอกว่าเขาไม่ได้กลับไปเลย…”
ไม่ได้กลับไปเลยงั้นหรือ? ในฝันเมื่อคืนเธอเห็นเขารับรองแขกที่ศาลาสดับคลื่นในจวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายชัดๆ…
ความฝันของคนอื่นอาจเป็นแค่ความฝัน แต่ความฝันของเธอกลับไม่ใช่แค่ความฝันอยู่บ่อยครั้ง แต่เป็นการถอดวิญญาณไปที่นั่น ดังนั้นทุกอย่างที่ประสบพบเห็นจึงเป็นความจริงทั้งสิ้น
เหตุผลที่คนของจวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายบอกว่าเขาไม่ได้กลับไป น่าจะเป็นเพราะเขาไม่อยากให้กู้เซี่ยเทียนไปวุ่นวายอีกเท่านั้น ถึงอย่างไรทุกกริยาวาจาของเขาก็แสดงออกอยู่ตลอดว่าเขาเห็นเธอเป็นเพียงคนแปลกหน้า…
“ท่านพ่อ ข้ากับเขาไม่เกี่ยวข้องอะไรกันแล้ว ภายหน้าจะเกิดเหตุอะไรขึ้นกับข้า ท่านก็อย่าได้ไปที่จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอีก” สีหน้ากู้ซีจิ่วเคร่งขรึม
วันหน้าต่อให้เธอต้องตายก็จะไม่ไปที่จวนทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายอีกเด็ดขาด ย่อมไม่ต้องการให้คนในครอบครัวตนแล่นไปที่นั่นให้โดนดูถูกอีก
กู้เซี่ยเทียนเห็นเธอพูดอย่างเคร่งขรึมจริงจัง ย่อมไม่กล้าฝ่าฝืน พยักหน้าตอบรับ เขายังพะวงเรื่องที่กู้ซีจิ่วหายไปทั้งคืน กู้ซีจิ่วตอบไปประโยคหนึ่ง ‘ข้าไปดื่มสุราที่สำนักถามสวรรค์มา ดื่มมากไปหน่อย จึงพักที่นั่นหนึ่งคืน’
อันที่จริงกู้เซี่ยเทียนกังวลเรื่องวิวาห์ของบุตรสาวมาโดยตลอด เมื่อได้ยินกู้ซีจิ่วเอ่ยเช่นนี้ เขาก็ใจเต้นแวบหนึ่ง
ความจริงแล้วเจ้าสำนักถามสวรรค์กับบุตรสาวก็สมกันยิ่งนัก หนุ่มหล่อสาวงาม…
เดิมทีเขาคิดจะหยั่งเชิงจากสุ้มเสียงของบุตรสาวดูอีก แต่เมื่อเห็นว่าสีหน้านางไม่ค่อยดี ท่าทางชัดเจนว่าไม่อยากพูดมากแล้ว จึงแล้วไปเสีย
วันหน้าถ้าได้พบหลงซือเย่คงต้องลองหยั่งเชิงดูเสียหน่อย
ความจริงแล้วเมื่อเทียบกับตี้ฝูอีที่ลึกลับซับซ้อนแล้ว กู้เซี่ยเทียนถูกจริตกับหลงซือเย่ที่สุขุมเยือกเย็นมีความสามารถมากกว่า
ตี้ฝูอีดั่งมหาสมุทร ระลอกคลื่นผันผวน สภาพอากาศปรวนแปร ทว่าไม่รู้เลยว่าจะถูกคลื่นยักษ์ซัดคนให้จมลึกลงไปอย่างสิ้นเชิงในยามใด!
ส่วนหลงซือเย่กลับเป็นดั่งขุนเขาใหญ่ เงียบขรึมพูดน้อย ไม่ซับซ้อนซ่อนเงื่อนถึงเพียงนั้น มอบความรู้สึกน่าพึ่งพายิ่งนักให้แก่ผู้คน และมีความรักลึกซึ้งต่อบุตรสาวของเขามาโดยตลอด หากว่าบุตรสาวได้ออกเรือนกับเขา ย่อมต้องถูกเขารักถนอมเทียมฟ้า
สำหรับสตรี ต่อให้มีความสามารถสักเพียงใดก็ยังสมควรจะหาสามีชาติตระกูลดีอยู่ สามีภรรยาร้องรับสอดประสานชั่วชีวิตถึงจะสมบูรณ์พร้อม นี่เป็นแนวคิดแต่ไหนแต่ไรมาของกู้เซี่ยเทียน สำหรับตัวเขาในยามนี้สิ่งสำคัญลำดับแรกก็คือการหาคู่ครองที่ดีให้บุตรสาว
————————————————————————————-