ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1692+1693
บทที่ 1692 แค่นี้ก็หลบหนีแล้ว?!
โม่เจ้ารีบถอยหลังไปข้างบ่อโลหิต แล้วอมยิ้ม “ซีจิ่ว ข้าออมมือให้เจ้ามาตลอด เจ้าคิดจะสังหารข้าจริงหรือ? เจ้าเห็นไหม แม้แต่สหายของเจ้า ข้ายังไม่กล้าสังหารเลย เพียงแต่เอาโลหิตของนางมาเล็กน้อย”
กู้ซีจิ่วเหลือบมองหลานไว่หูอย่างรวดเร็ว เข็มที่หน้าอกนางเล่มนั้นดูเหมือนเป็นอันตราย แต่ความจริงแล้วไม่ถึงตาย ขอเพียงรักษาให้ดี แม้แต่ผลข้างเคียงก็ไม่มีทางหลงเหลือไว้
หลังจากหลานไว้หู่เห็นการมาของกู้ซีจิ่วก็ตื่นเต้นดีใจ กลับมามีชีวิตชีวาไม่น้อย “ซีจิ่ว ไม่ต้องสนใจข้า!
มีเจ้ามารร้ายอยู่ตรงนี้ กู้ซีจิ่วไม่อาจเสียสมาธิได้ ย่อมไม่อาจปลดโซ่เล็กบนตัวนางก่อน…
นิ้วมือกู้ซีจิ่วดีดยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของหลานไว่หู “กลืนลงไป!”
หลานไว่หูเชื่อฟังเป็นอย่างมาก รีบกลืนยาลงไปทันที
โอสถนี้ของกู้ซีจิ่วย่อมเป็นโอสถวิเศษ ไม่เพียงแต่ยื้อชีวิตนี้ของนางไว้ได้ ยังมีสรรพคุณในการห้ามเลือดด้วย
เมื่อกินโอสถนี้แล้ว ต่อให้หลานไว่หูถูกห้อยไว้ ก็จะไม่เป็นอะไรในชั่วขณะหนึ่ง
“ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” นางเงือกชุ่มโชกโลหิตผู้นั้นส่งเสียงพึมพำ
กู้ซีจิ่วไม่สนใจนาง เธอจำได้แล้วว่านางเงือกผู้นี้ก็คือหลานจิ้งอี๋ เธอไม่ถือโอกาสลงกระบี่ไปที่นางก็นับว่าเห็นแก่หน้าตี้ฝูอีแล้ว ยังจะให้เธอยื่นมือเข้าไปช่วยได้อย่างไร?
อีกอย่างถึงแม้ร่างกายหลานจิ้งอี๋จะชุ่มโชกด้วยเลือด ทว่าบาดแผลเหล่านั้นล้วนเป็นบาดแผลภายนอก ไม่ถึงแก่ชีวิตสักนิด
นางหลอกลวงจิ้งจอกน้อยอย่างโหดร้าย ให้นางทนทุกข์ทรมานเช่นนี้ก็สมน้ำหน้าแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นโม่เจ้ายังคงจ้องมองดั่งพยัคฆ์พร้อมตะครุบเหยื่ออยู่ตรงนี้ เธอจะมีเวลาว่างที่ไหนไปทำแผลให้นางได้?
และในช่วงเวลาที่เธอดีดยาลูกกลอนให้จิ้งจอกน้อย โม่เจ้าพลันถอยหลังดีดตัวขึ้นไป แขนเสื้อพลันกางออก ลำแสงห้าสีแผ่กระจายดุจตาข่าย ปกคลุมกู้ซีจิ่วไว้ “เสี่ยวซีจิ่ว ครั้งนี้เจ้าอยู่ที่นี่เถิด!”
ลำแสงห้าสีนั้นส่องประกายเจิดจ้า กู้ซีจิ่วไม่กล้าเลินเล่อ นิ้วมือทำมุทราอย่างรวดเร็ว ซัดออกไปทางด้านนอก!
เธอกลัวระลอกแสงห้าสีของโม่เจ้าจะลามไปถึงจิ้งจอกน้อย ดังนั้นจึงซัดฝ่ามือออกไปอย่างสุดแรง ฝ่ามือพลันร้อนระอุ ลำแสงเจ็ดสีหมุนวนออกไป พุ่งตรงไปที่ลำแสงห้าสีนั้น…
เสียง “เปรี้ยง” ดังกึกก้อง ลำแสงทั้งสองปะทะกัน เลือดลมในทรวงอกกู้ซีจิ่วกระเพื่อมเป็นระลอก ทว่าโม่เจ้ากลับถอยไปด้านหลังติดต่อกันหลายก้าว สายตาฉายความประหลาดใจ “ไม่นึกเลยว่าจะเป็นเจ้า!”
“อะไรกัน?” กู้ซีจิ่วไม่สนใจซัดออกไปอีกหนึ่งฝ่ามือ!
และเกือบจะในเวลาเดียวกัน ทางด้านประตูใหญ่มีเสียงโครมครามดังสนั่น เห็นได้ชัดว่ามีคนบุกรุกแล้ว…
โม่เจ้าพลันหน้าถอดสี จู่ๆ ร่างกายก็อาศัยพลังฝ่ามือของกู้ซีจิ่วทะยานออกไปด้านหลัง ลงไปในบ่อโลหิตเสียงดังจ๋อม ไม่มีแม้แต่น้ำที่สาดกระเซ็น หายตัวไปในทันที
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
แค่นี้ก็หลบหนีแล้ว?!
กู้ซีจิ่วพุ่งทะยานตามไป คิดจะลองกระโดดลงไปในบ่อโลหิตดูบ้าง
“ไม่นะ!” หลานไว่หูตะโกนเสียงดัง “โลหิตในบ่อมีพิษ!”
กู้ซีจิ่วชะงักฝีเท้า และเกือบจะในเวลาเดียวกัน ร่างของคนอาภรณ์ขาวผู้หนึ่งวูบไหวเข้ามา นั่นก็คือตี้ฝูอี
นึกไม่ถึงว่าเขาจะจัดการสิบคนนั้นได้ภายในห้านาทีแล้วบุกเข้ามา!
ยากนักที่อาภรณ์ขาวของเขาจะเปรอะเปื้อนคราบเลือด เกศาเงินก็ยุ่งเหยิงนิดหน่อย เขากวาดสายตามองภายในห้องอย่างรวดเร็ว แล้วหยุดลงบนร่างของกู้ซีจิ่ว
กู้ซีจิ่วสูดหายใจเข้า บอกเล่าใจความสำคัญอย่างรวดเร็ว “โม่เจ้ายึดครองสังขารหรงเจียหลัว เขากระโดดบ่อโลหิตหนีไปแล้ว!”
ตี้ฝูอียกมือขึ้นโยนของสิ่งหนึ่งลงไปในบ่อโลหิต ของสิ่งนั้นหลอมละลายแล้วหายไปในพริบตา
โลหิตนี้มีพิษและมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง โม่เจ้ากระโดดลงไปเช่นนี้ หลบหนีไปด้วยความตื่นตระหนก? หรือเขามีเกราะป้องกันพิเศษจึงถือโอกาสหนีไปในบ่อโลหิตนี้?
————————————————————————-
บทที่ 1693 กู้ซีจิ่วหายตัวไป 1
“พี่หวง ช่วย…ช่วยข้าด้วย…” ลมหายใจหลานจิ้งอี๋แผ่วเบา ยื่นมือออกมาทางตี้ฝูอี
นางยังเปลือยเปล่าครึ่งตัว ทั้งคละคลุ้งคาวเลือดทั้งหอมหวานงดงาม
ตี้ฝูอีเพียงกวาดตามองแวบหนึ่งแล้วจึงละสายตาออก โบกมือโยนเสื้อคลุมตัวหนึ่งคลุมตัวนางไว้
“สถานที่แห่งนี้ไม่เหมาะจะรั้งอยู่นาน รีบออกไปเถอะ!”
เขายกแขนเสื้อขึ้นอีกครั้ง ปล่อยระลอกวารีสายหนึ่งออกมาห่อหุ้มร่างหลานจิ้งอี๋ไว้ก่อน และป้อนโอสถให้นางเม็ดหนึ่ง จากนั้นให้นางอยู่ในเขตแดนทรงกลม ห้อยต่องแต่งอยู่ข้างกายเขา
เมื่อจัดการสิ่งเหล่านี้เรียบร้อย เขามองกู้ซีจิ่วอีกแวบหนึ่ง กู้ซีจิ่วเริ่มปลดโซ่เส้นเล็กสี่เส้นบนตัวหลานไว่หูแล้ว เธอก็เป็นผู้เชี่ยวชาญวิชาแก้กลไก หากต้องการจะปลดโซ่เหล่านี้ก็ไม่นับว่ายากเย็น
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอลำบากใจก็คือ เนื่องจากโซ่ติดอยู่ที่กระดูกสะบักไหล่ของหลานไว่หู หากคิดจะช่วยนางลงมาจำต้องดึงโซ่เล็กนั้นออกจากไหล่ของนาง
จิ้งจอกน้อยกลัวความเจ็ปวด การดึงสิ่งนี้ออกก็เทียบเท่ากับการทรมานนางอย่างโหดร้าย
กู้ซีจิ่วทนมองดูดวงหน้าน้อยๆ ที่เจ็บปวดจนซีดขาวของหลานไว่หูไม่ได้…
“อย่าใจอ่อนเยี่ยงอิสตรี!” ตี้ฝูอีเอ่ยปาก “คิดจะช่วยนางก็จำเป็นต้องดึงโซ่เหล็กออก!”
กู้ซีจิ่วชะงักงันไปเล็กน้อย ราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เธอควานหายาจำพวกยาชาในถุงมิติเก็บของมา…
ทว่าบังเอิญครั้งนี้เธอไม่ได้นำยาประเภทนี้ติดถุงมิติเก็บของมาด้วย หาไม่เจอสักเม็ด จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปทางตี้ฝูอี “ท่านมียาลูกกลอนบรรเทาปวดหรือไม่?”
ตี้ฝูอีขมวดคิ้วเล็กน้อย ในขณะที่กำลังจะเอ่ยปาก หลานจิ้งอี๋ที่ห้อยอยู่ข้างกายเขาก็ร้องไห้ขึ้นมา “เจ็บจังเลย! พี่หวง ข้าเจ็บจังเลย…”
ตี้ฝูอีไม่พูดจาอันใด ดีดยาลูกกลอนสีฟ้าสดเม็ดหนึ่งไปภายในเขตแดนนั้นทันที
หลานจิ้งอี๋กลืนลงไปอย่างสั่นเทา
กู้ซีจิ่วจำได้ นั่นก็คือยาลูกกลอนบรรเทาปวดที่ตี้ฝูอีคิดค้นขึ้นมาเอง มีประสิทธิภาพดีเยี่ยมยิ่งกว่ายาชาของแพทย์แผนปัจจุบันเสียอีก
หากจิ้งจอกน้อยได้กินยานี้เม็ดหนึ่งก่อนดึงโซ่นี้ออกก็จะไม่เจ็บปวดขนาดนั้นแล้ว
เธอมองเขา รอให้เขาแบ่งให้เธอเม็ดหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าตี้ฝูอีเหลือบมองเธอแวบหนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมย “เหลือแค่เม็ดนั้นแล้ว”
กู้ซีจิ่วไร้ซึ่งวาจา
เธอมองหลานจิ้งอี๋ หลังจากหลานจิ้งอี๋กลืนยาลูกกลอนเม็ดนั้นลงไปก็ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ยามนี้กำลังเบิกตาทั้งคู่จ้องมองเธอ นัยน์ตานั้นแฝงความรู้สึกได้ใจอยู่รางๆ…
กู้ซีจิ่วละสายตาในทันที ไม่อยากมองนางอีกต่อไป
นางกลับยังแสร้งทำเป็นใสซื่อไร้เดียงสา “พี่หวง ข้าดีขึ้นมากแล้ว ยาของท่านได้ผลดีจริงๆ…”
ตี้ฝูอีบอกนาง “รีบนั่งสมาธิ ฝึกฝนโดยใช้วรยุทธ์เทพบรรพกาลที่ข้าสอนให้เจ้า…”
“อา ได้…” หลานจิ้งอี๋ว่านอนสอนง่ายเหมือนเด็กผู้หญิงต่อหน้าเขา มองไปที่กู้ซีจิ่วอีกครั้ง แล้วจึงเริ่มฝึกฝนทันที
หางเงือกโค้งงอกึ่งหนึ่ง สองมือประนม หลับตาลง ไม่นานรอบกายนางก็ปรากฏแสงสีฟ้าจางๆ เสริมส่งกับลำแสงสีขาวที่ตี้ฝูอีห่อหุ้มร่างกายนางไว้…
กู้ซีจิ่วขบเม้มริมฝีปากจนซีดขาว เวลานี้เธอก็ไม่อาจลังเลใจอีกต่อไป ปลดโซ่เส้นเล็กบนร่างของหลานไว่หูทันใด…
กู้ซีจิ่วพยายามเบามืออย่างที่สุด ทว่าหลานไว่หูยังคงเจ็บปวดจนใบหน้าซีดขาว หยาดเหงื่อเย็นเฉียบผุดพราว
ทว่านางยังคงเฉลียวฉลาดนัก ฟันขาวกัดริมฝีปากแน่น พยายามไม่ให้ตัวเองส่งเสียงใดๆ ริมฝีปากถูกกัดจนโลหิตไหล
เมื่อเรื่องราวไม่เกี่ยวข้องกับตนย่อมนิ่งสงบได้ แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับตนแล้วจะสับสนวุ่นวาย
เนื่องจากเรื่องนี้เกี่ยวพันถึงจิ้งจอกน้อย ถึงแม้กู้ซีจิ่วรู้ดีว่าควรทำอย่างไร ก็ยังคงใจอ่อนอยู่บ้าง
“เร็วหน่อย ผู้ทำการใหญ่กลัวคนใจอ่อนเป็นที่สุด พวกเรายังต้องรีบออกไป…” ตี้ฝูอีเร่งรัดนาง
กู้ซีจิ่วเดือดดาลในใจ พูดหักหน้าเขาไปหนึ่งประโยค “ท่านช่วยคนที่อยากช่วยได้แล้ว ท่านไปก่อนได้เลย!”
————————————————————————