ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1708+1709
บทที่ 1708 เห็นได้ชัดว่านางต้องการตายตกไปพร้อมกับเขา
ว่ากันด้วยเหตุผล พลังวิญญาณของนางไม่มีทางถึงขั้นนี้ นางใช้มันออกมาได้อย่างไร?
เขาหลบหลีกไปมาริมฝั่งธารน้ำพลางคิดคำนวณ
ทว่าข้อสงสัยของเขาถูกลิขิตให้ไม่มีทางแก้ กู้ซีจิ่วก็ไม่มีทางอธิบายให้เขาฟัง
กู้ซีจิ่วไล่บี้ทุกย่างก้าว กระบวนท่าแปลกประหลาดมากมายปรากฏขึ้นอย่างไม่ขาดสายทำให้โม่เจ้าต้องเปลืองแรงจัดการมากขึ้น
ตอนแรกเขายังไม่อยากใช้พละกำลังทั้งหมด ทว่าหลังจากที่ประมือกับกู้ซีจิ่วสิบกว่ากระบวนท่า เขารู้แล้วว่าเขาจำเป็นต้องใช้พละกำลังทั้งหมด! มิเช่นนั้นไม่เพียงแต่เขาจะจับนางไม่ได้ ในทางกลับกันยังจะถูกนางทำร้ายเอาได้!
ท่าทีของเขาเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา ในที่สุดก็ใช้พละกำลังทั้งหมด ยิ่งดุเดือดและมีเล่ห์เหลี่ยมมากขึ้นเรื่อยๆ!
ทั้งสองต่อสู้กันริมธารน้ำใต้ดินของรอยแยกน้ำแข็งเช่นนี้
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม และผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม…
ธารน้ำแข็งละลายแล้วแข็งตัว แข็งตัวแล้วก็ละลาย เสาน้ำแข็งริมฝั่งได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่องจากการต่อสู้ของทั้งสองฝ่าย กลายเป็ยผุยผงไปในพริบตา กำแพงน้ำแข็งทั้งสี่ทิศค่อยๆ พังทลาย ภูเขาน้ำแข็งด้านบนก็พลิกคว่ำ…
สภาพภูมิประเทศของที่แห่งนี้เกิดการเปลี่ยนแปลงใหญ่หลวงโดยไม่รู้ตัว ประหนึ่งมาถึงสนามรบน้ำแข็ง
ถึงแม้สภาพภูมิประเทศจะแปรเปลี่ยน ทว่าเขตแดนที่ทั้งสองสร้างขึ้นไม่ได้ถูกทำลาย…
กู้ซีจิ่วใช้วิชาเคลื่อนย้ายในพริบตาไม่ได้เมื่ออยู่ในนี้ และโม่เจ้าก็ไม่มีทางหลบหนีออกจากที่แห่งนี้ไปได้อีก
ความจริงเขาอยากหลบหนีตั้งนานแล้ว!
วรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วในตอนนี้ไม่เพียงแต่แปลกประหลาด อีกทั้งยังโหดเหี้ยม ล้วนเป็นกระบวนท่าที่ไม่คิดชีวิต บาดเจ็บด้วยกันทั้งสองฝ่าย!
รอบกายนางห่อหุ้มด้วยลำแสงสีรุ้งชั้นหนึ่ง กระบี่โลหิตของเขาฟาดฟันด้านบน นอกจากจะทำให้นางสั่นไหวและกระอักเลือดเล็กน้อยแล้ว ก็ไม่อาจทำร้ายให้นางบาดเจ็บหรือทำให้นางสูญเสียพละกำลังการต่อสู้ได้เลย
ตราบใดที่ทำให้เขาบาดเจ็บได้ระหว่างการต่อสู้ นางไม่สนใจปราณกระบี่ที่กระทบถูกหน้าอกหรือหน้าผากแม้แต่น้อย แส้อ่อนพร้อมด้วยลำแสงสีรุ้งฟาดลงไปบนร่างของโม่เจ้าอยู่บ่อยครั้ง ทำให้บนร่างกายของเขามีรอยแผลเพิ่มขึ้นไม่น้อย
หากเป็นแค่รอยแผลก็ช่างเถิด ทว่าบนรอยแผลนั้นเหมือนมีเคล็ดวิชาอันใด ทำให้ไอมารบนร่างเขาแตกซ่าน เจ็บปวดเข้ากระดูก เจ็บปวดกว่าบาดแผลทั่วไปในอดีตกว่าสิบเท่า
เห็นได้ชัดว่านางต้องการตายตกไปพร้อมกับเขา แต่โม่เจ้าไม่อยากจบชีวิตอยู่ที่นี่ ดังนั้น เขาเคยลองใช้วิธีหลบหนีมากมายระหว่างการต่อสู้ จะอย่างไรล้วนถูกลำแสงสีรุ้งหลายสายขัดขวางทั้งนั้น
เห็นได้ชัดว่ากู้ซีจิ่วก็ติดตั้งเขตแดนอะไรไว้ที่นี่เช่นกัน ทำให้เขาหลบหนีออกไปไม่ได้!
จนกระทั่งต่อมา เขาค่อนข้างตื่นตระหนก ตะโกนเสียงดัง “กู้ซีจิ่ว เจ้าใช้วิธีภูตผีอะไรที่นี่?”
กู้ซีจิ่วบาดเจ็บเล็กน้อย มีโลหิตไหลออกจากมุมปาก ริมผีปากหยักยิ้มบางๆ ดวงตากลมโตดำขาวตัดกันอย่างชัดเจนเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน “วิธีที่ทำให้เจ้าออกไปไหนไม่ได้อีก! โม่เจ้า นอกจากเจ้าจะสังหารข้าแล้ว มิเช่นนั้น ก็ไม่มีทางออกไปจากที่นี่ได้ชั่วนิรันดร์!”
โม่เจ้านิ่งอึ้ง
หลังจากที่เขาลองใช้วิธีต่างๆ มากมายติดต่อกันก็ยังหลบหนีออกไปไม่ได้ นัยน์ตาฉายแววโหดร้าย “ได้ เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าเสีย!”
เขาเก็บความคิดที่จะหลบหนีไว้ แล้วโจมตีกู้ซีจิ่วอย่างบ้าคลั่งประหนึ่งลมพายุพัดโหมกระหน่ำ…
บางทียัยเด็กนี่อาจกินโอสถบางอย่างที่ทำให้พลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทว่าการใช้โอสถเร่งเพิ่มพลังวิญญาณเช่นนี้คงอยู่ได้ไม่นาน ก็เหมือนกับการใช้วิชามารสวรรค์สลายร่าง ถึงแม้จะทำให้พลังวิญญาณสูงขึ้นได้หลายเท่า ทว่าจะคงอยู่ได้มากสุดสองชั่วยามแล้วก็จะอ่อนแอ…
ถึงตอนนั้นเขาค่อยเตรียมโอสถให้นางอย่างดี! เวลาล่วงเลยผ่านไป ผ่านไปตามการต่อสู้พลิกเหินไปมาของคนทั้งสอง
ทว่าสิ่งที่ทำให้โม่เจ้าผิดหวังก็คือ เวลาล่วงเลยผ่านไปสองชั่วยามกว่า อีกฝ่ายกลับยังคงไม่มีทีท่าว่าจะเหนื่อยล้าสักนิด
ในทางกลับกัน ลำแสงสีรุ้งบนร่างนางกลับยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น!
ไม่เพียงแต่ลำแสงสีรุ้งบนร่างนางที่ยอดเยี่ยม
———————————————————————-
บทที่ 1709 นางถึงขนาดไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดด้วยซ้ำ!
แม้แต่บนพื้นที่ต่อสู้ก็ละลานไปด้วยลำแสงสีรุ้งที่กำลังส่องแสงแววระยับ ทำให้แสงเจิดจ้าแยงตาโม่เจ้า…
บนร่างกายเขามีบาดแผลมากมาย วิญญาณอาฆาตของกระบี่โลหิตในฝ่ามือถูกลำแสงสีรุ้งนั้นสาดส่องอยู่ตลอดเวลา จนอ่อนแอลงเรื่อยๆ
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่มีชีวิตต่อไปจริงๆ แล้ว!
อันที่จริงเขาสงสัยอยู่บ้าง เหตุใดกู้ซีจิ่วจึงไม่ติดต่อสหายให้มาช่วยกันจับตัวเขา แต่กลับมาเสี่ยงอันตรายเพียงลำพัง จู่ๆ ตอนนี้เขาก็เข้าใจแล้ว วรยุทธ์แปลกประหลาดเช่นนี้ของกู้ซีจิ่วหากใช้ออกไปแล้วจะเป็นอันตรายจริงๆ!
นางมั่นใจว่าจะเอาชนะเขาได้!
การเกิดใหม่ของโม่เจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย เขาย่อมไม่ต้องการพิสูจน์ตัวเองที่นี่เช่นนี้ เขาคิดจะเผยความจริงบางอย่าง ทำให้นางเหม่อลอยได้ภายใต้จิตใจที่สั่นไหว ทว่าการโจมตีของกู้ซีจิ่วยิ่งรวดเร็วขึ้นทุกที จนท้ายที่สุดราวกับสายฝนโปรยปรายบนบานหน้าต่าง อย่าว่าแต่จะบอกความจริงอะไรเลย แม้แต่จะเปิดปากยังยากเย็นยิ่งนัก! เขาก็ไม่อาจเสียสมาธิได้!
มิเช่นนั้นเกรงว่าเขาเพิ่งเปิดปากพูดได้ไม่กี่คำ คนก็ถูกแส้อ่อนของนางบิดเป็นสิบห้าสิบหกส่วน ประกอบกันไม่ติดอีกต่อไป
ทั้งสองทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดไว้ที่การต่อสู้เสี่ยงชีวิตนี้ ไม่มีผู้ใดได้ยินเสียงที่เหมือนดังส่งผ่านมาจากนอกเขตแดน ถึงขนาดที่มีคนส่งเสียงตะโกน
เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนตามมา ต้องการที่จะทำลายเขตแดนที่กู้ซีจิ่วสร้างขึ้นมา ทว่าเสียแรงเปล่า เขตแดนนั้นแข็งแกร่งดังป้อมปราการ…
…
เป็นครั้งแรกในขีวิตที่ตี้ฝูอีรีบร้อนอย่างบ้าคลั่ง!
เขารู้สึกตื่นตระหนก เขาปรับระดับความเร็วให้เร็วที่สุดระหว่างทาง แต่กลับยังคงรู้สึกว่าช้าเกินไป!
ไกลเกินไปแล้ว! สถานที่ที่ทั้งสองคนอยู่ไกลเกินไปแล้ว!
ตี้ฝูอีอย่างไรก็นึกไม่ถึงว่าพวกกู้ซีจิ่วจะไปไกลถึงสถานที่แห่งนั้น
ทั้งสองคนนั้นหายตัวไปเพียงแค่สามวัน ทว่ากลับไปถึงสถานที่ซึ่งมีธารน้ำแข็งห่างไกลออกไปนับหมื่นลี้แล้ว
กู้ซีจิ่วมีคุณบัติร่างกายหนาวเย็น ตรงนั้นที่นางไล่ล่าไปไม่เป็นผลดีกับนางเลย และนางก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของโม่เจ้า ต่อให้ตี้ฝูอีพยายามอย่างสุดกำลัง รีบตามไปที่นั่นก็ต้องใช้เวลาสามชั่วยามขึ้นไป…
สามชั่วยามนี้เพียงพอที่จะเกิดเรื่องราวไม่ดีบางอย่างขึ้นได้บ้าง…
เนื่องจากร้อนใจจนเกินไป ระหว่างทางย่างก้าวของเขาไม่มั่นคง เคยชนเข้ากับต้นไม้ เคยชนเข้ากับยอดเขา…
แน่นอนว่าระหว่างทางที่ไล่ตามมา เขายังใช้ป้ายหยกติดต่อนางเป็นครั้งคราว ทว่าไม่ได้รับการตอบกลับจากนางเลย
ดูเหมือนนางตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่าจะต่อสู้กับโม่เจ้าให้ถึงที่สุด และไม่ต้องการติดต่อผู้ใด…
นางถึงขนาดไม่ได้ร้องขอความช่วยเหลือจากผู้ใดด้วยซ้ำ!
กู้ซีจิ่ว นี่นางจงใจรนหาที่ตายใช่ไหม?
กู้ซีจิ่ว อย่าทำเรื่องโง่ๆ…
ต่อให้เจ้าต่อสู้ด้วยพลังวิญญาณทั้งหมดของเจ้าก็เอาชนะโม่เจ้าไม่ได้! ทำได้แค่เพียงเอาชีวิตนั้นของตัวเองไปเสี่ยง…
ในที่สุดเขาก็ตามมาถึงแผ่นน้ำแข็งที่ห่างไกลและเวิ้งว้างผืนนั้น ในที่สุดก็ตามหาสถานที่ที่แสดงบนผังโหราศาสตร์พบ
จากที่ห่างไกล เขามองเห็นลำแสงสีรุ้งกลางอากาศดุจแสงเหนือเจิดจรัสพร่างพราวปรากฏขึ้น มองเห็นลำแสงสีแดงปะปนกับลำแสงห้าสีและลำแสงสีรุ้งกระทบกัน…
เสียงดังโครมครามสะท้านฟ้าสะเทือนดินตามมากับแสงส่องสว่างพร่างพราว ผืนดินสั่นสะเทือนเป็นระลอก
ชั้นน้ำแข็งจำนวนมากปรากฏรอยแยก ภูเขาน้ำแข็งมากมายถล่มตามไป…
นั่นคือสงครามเป็นตายบรรพกาลครั้งหนึ่ง เคราะห์ดีที่การต่อสู้ครั้งนี้เกิดขึ้นบนแผ่นน้ำแข็งที่ไม่มีผู้คน หากเกิดขึ้นในเขตที่มีผู้คนหนาแน่น เกรงว่าการต่อสู้ครั้งนี้จะทำลายล้างทั้งเมือง
ยามตี้ฝูอีกำลังมองลำแสงสีรุ้งเจิดจรัสนั้น สีหน้าพลันแปรเปลี่ยนเป็นซีดขาว
เขารู้จักวรยุทธ์ของกู้ซีจิ่วเป็นอย่างดี รู้ว่าด้วยพลังวิญญาณของนางปล่อยลำแสงสีรุ้งออกมาได้จริง ทว่าไม่มีทางปล่อยลำแสงสีรุ้งที่รุนแรงขนาดนี้เจิดจ้าขนาดนี้ได้!
นอกเสียจากว่าจู่ๆ พลังวิญญาณของนางจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า! ถึงจะมีผลลัพธ์เช่นนี้ได้
พลังวิญญาณใดๆ ก็ไม่มีทางเพิ่มขึ้นได้รวดเร็วขนาดนี้
————————————————————————————-