ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1736+1737
บทที่ 1736 ลงทัณฑ์ 3
“พี่…พี่เขย…ท่าน…เหตุใดท่านถึงทำกับข้าแบบนี้? ข้า…ข้าก็แค่อยากทำลายรูปสลักไม้เท่านั้น กู้ซีจิ่วยังมีชีวิตอยู่ กลับมาสร้างศาลบูชาอันใด นาง…นางไหนเลยจะคู่ควร? พี่เขยท่านล้วนไม่มี…”
พี่เขย?! ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นพี่เขยขององค์หญิงเงือกผู้นี้รึ?!
เรื่องนี้สำหรับประชาชนธรรมดาแล้ว เป็นข่าวใหญ่สะท้านสะเทือนโดยแท้ ฝูงชนต่างเจ้ามองข้าข้ามองเจ้า ตกตะลึงกันถ้วนหน้า
หลานเหยากวงแทบอยากจะอุดปากน้องสาวของตนไว้ทันที! เขาตวาดขึ้นมา “จิ้งอี๋ หุบปาก! ซีจิ่วก็เป็นพี่สาวของพวกเราเหมือนกัน! นาง…”
“นางไม่ใช่” จู่ๆ ตี้ฝูอีเก็เอ่ยขึ้น ตัดบทหลานเหยากวง
หลานเหยากวงมองตี้ฝูอีอย่างประหลาดใจ “พี่หวง ท่านบอกมิใช่หรือว่ากู้ซีจิ่ว…คือดวงจิตหนึ่งของพี่หญิงจิ้งเคอที่กลับชาติมาเกิด…”
“นางไม่เกี่ยวข้องกับหลานจิ้งเลยแม้แต่น้อย” น้ำเสียงตี้ฝูอีราบเรียบ “นางเป็นแค่นางมาตั้งแต่ต้น มิใช่ใครอื่นเลย หลานจิ้งเคอแตกดับไปแล้ว เช่นเดียวกับชาวเงือกตนอื่น เมื่อแตกดับก็คือแตกดับไปอย่างแท้จริง ดวงวิญญาณแตกสลายทันที ไม่อาจกลับชาติมาเกิดได้อีก…”
หลานเหยากวงหน้าซีดเผือดแล้ว เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง “ได้อย่างไร…จะเป็นไปได้อย่างไร? พี่หวง เมื่อก่อนมิใช่ท่านกล่าวไว้ว่า…”
“ยามที่หลานจิ้งจะล่วงลับไปยังคงห่วงใยน้องชายน้องสาวอย่างพวกเจ้า เกรงว่าพวกเจ้าจะเสียใจจนเกินเหตุจนกระทำเรื่องโง่เขลาอันใดออกมา จึงขอร้องให้เปิ่นจุนกุเรื่องนี้ขึ้นโป้ปดหลอกลวงพวกเจ้า ให้พวกเจ้าได้มีห่วงคะนึง…” น้ำเสียงตี้ฝูอีเยือกเย็นดั่งหยก
หลานเหยากวงยังคงไม่ยอมรับ “แต่…”
“ไม่มีแต่อะไรทั้งนั้น เหยากวง ปีนั้นพี่สาวเจ้าทำศึกเพื่อเปิ่นจุนจนสิ้นชีพ ยามนั้นเนื่องจากเปิ่นจุนรับปากนางว่าจะดูแลพวกเจ้าพี่น้องจนเติบใหญ่ก็ย่อมต้องทำตามที่รับปาก ดังนั้นจึงช่วยเจ้าสะสางธุรการงานของเผ่าเงือกเสมอมา ช่วยปราบจลาจลให้เจ้าได้ขึ้นครองตำแหน่งประมุขเผ่าเงือก ทำให้เผ่าเงือกได้เป็นมหาอำนาจในท้องสมุทรมากว่าห้าพันปี บุญคุณของพี่หญิงเจ้าเปิ่นจุนได้ชำระคืนจนหมดสิ้นไปนานแล้ว”
หลานเหยากวงนิ่งงัน
ใช่แล้ว เทพศักดิ์สิทธิ์คอยค้ำจุนพวกเขาอย่างลับๆ มาหลายพันปีแล้ว ทำให้เผ่าเงือกเข็มแข็งขึ้นมากกว่าในอดีต ช่วยเขาปราบปรามจลาจลไปนับครั้งไม่ถ้วนแล้ว
ต่อให้หลานจิ้งเคอพี่สาวของเขาเคยมีบุญคุณต่อท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ บุญคุณนี้ก็ใช้คืนจนสิ้นไปนานแล้ว! เผ่าเงือกต่างหากที่ติดค้างท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…
หลานเหยากวงก็เป็นบุคคลปราดเปรื่องเช่นกัน ใคร่ครวญดูเล็กน้อย ก็เข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่แล้ว
เรื่องของกู้ซีจิ่วน่าจะเป็นเพราะเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องการให้เผ่าเงือกทุ่มเทกายใจดูแลให้ ดังนั้นจึงบอกว่านางเป็นพี่หญิงจิ้งเคอกลับชาติมาเกิด…
เขาถอยหลังไปก้าวหนึ่ง สายตาร่อนลงบนร่างของเทพศักดิ์สิทธิ์ ทอดถอนใจพลางเอ่ยว่า “พี่หวง อันที่จริง…อันที่จริงแล้วยามนั้นต่อให้ท่านไม่บอกว่ากู้ซีจิ่วเป็นพี่หญิงของข้ากลับชาติมาเกิด ขอเพียงท่านสั่งการลงมา เหยากวงก็จะทุ่มเทกายใจดูแลรักษาให้อยู่แล้ว ไม่มีทางสะเพร่าเลินเล่อ”
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย “เรื่องนี้…ขออภัยด้วย”
เดิมทีมันเป็นความเห็นแก่ตัวของเขา อยากให้กู้ซีจิ่วฟื้นขึ้นมาพร้อมกับกำลังสนับสนุนของเผ่าเงือกที่ทรงพลัง…
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าจะทำให้เรื่องวาดหวังไว้ผิดพลาดไปหมด เรื่องนี้กลายเป็นแผลใจที่ใหญ่ที่สุดของกู้ซีจิ่ว ด้วยเหตุนี้จึงทำให้นางโศกหมองเศร้าตรม ตกตายไปพร้อมกับโม่เจ้าอย่างไม่เสียดายชีวิตเพื่อเติมเต็มความปรารถนาให้เขา…
ยามนี้ถึงแม้เขาจะพลักพรากจากนางไปชั่วนิรันดร์แล้ว นางอาจจะไม่ทราบเรื่องราวทุกอย่างที่เขากระทำเลยด้วยซ้ำ แต่ในไม่ช้าก็เร็วนางจะคืนชีพหวนกลับสู่โลกนี้ เขาจะถือโอกาสตอนที่ตนยังมีชีวิตอยู่ สะสางปัญหาวุ่นวายเหล่านี้ให้กระจ่างเพื่อนาง
ด้วยความสามารถของนาง วันหน้าต้องการรวมแผ่นดินนี้ให้เป็นหนึ่ง กลายเป็นยอดคนอันดับหนึ่งของแผ่นดินนี้ ก็ยังไม่แน่ว่าจะต้องพึ่งพาอาศัยขุมกำลังของเผ่าเงือกเสมอไป
ถอยออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากันใหม่ ต่อให้นางจำเป็นต้องอาศัยขุมกำลังของเผ่าเงือก นางก็มีกลเม็ดและวิธีการของตัวนางเอง ไม่จำเป็นต้องสวมรอยเป็นประมุขเผ่าเงือกอย่างเดียว
หลานเหยากวงใคร่ครวญเล็กน้อย เข้าใจแล้วเช่นกัน อารมณ์ของเขาค่อนข้างซับซ้อน เรื่องนี้เห็นกันอยู่ชัดเจนว่าเทพศักดิ์สิทธิ์ต้องการใช้ประโยชน์เผ่าเงือก เพียงแต่การใช้ประโยชน์เล็กน้อยนี้เมื่อเทียบกับความช่วยเหลือของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่มอบให้เผ่าเงือกแล้ว โดยรวมแล้วไม่นับเป็นอันใดได้เลย
————————————————————————–
บทที่ 1737 ลงทัณฑ์ 4
สายตาของเขาร่อนลงบนร่างของตี้ฝูอี อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “พี่หวง เหตุใดท่านถึงพูดเรื่องนี้ออกมาในยามนี้” หากว่าปิดบังเอาไว้ตลอดไป เขาไม่มีทางจะนึกสงสัยขึ้นมาได้
ตี้ฝูอีหลุบตาลง เอ่ยเรียบๆ ว่า “นางไม่ชมชอบ ต้องมอบคำอธิบายให้แก่นาง”
หลานเหยากวงยิ้มขมขื่น กู้ซีจิ่วไม่ชมชอบเป็นประมุขเผ่าเงือกอันใดเสมอมาจริงๆ อีกทั้งตั้งแต่ต้นจนจบนางก็ไม่เคยยอมรับเลย…
สายตาเขาตกลงบนรูปสลักไม้นั้นอย่างไม่อาจควบคุมได้ ลายเส้นมีชีวิตชีวาสมจริงและมีฝีมีดที่เฉียบคม มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือการสลักของผู้ใด
คนที่ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ชมชอบอย่างแท้จริงมีเพียงแม่นางกู้ผู้นี้กระมัง?
พี่สาวของเขา…
ในใจของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เป็นเพียงสหายที่เคยร่วมรบเคียงบ่าเคียงไหล่คนหนึ่งเท่านั้น
อันที่จริงตอนเขายังเด็กก็เคยได้ยินพี่หญิงบอกไว้เป็นนัยๆ เช่นกัน บอกว่ากับท่านเทพศักดิ์สิทธิ์หวงถูเป็นเพียงสหายกันเท่านั้น ไม่มีความสัมพันธ์อื่นใด ตอนนั้นเขายังเด็กเกินไป ยังไม่เข้าใจเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ ยามนี้ในที่สุดก็เข้าใจแล้ว!
เขาสูดหายใจเบาๆ “พี่หวงมีความรักต่อแม่นางกู้ผู้นี้อย่างลึกซึ้งโดยแท้…เพียงแต่ข้ามีเรื่องหนึ่งที่ยังไม่กระจ่าง ในเมื่อพี่หวงชมชอบเพียงแม่นางกู้ เหตุใดต้องทำให้นางเข้าใจผิดเรื่องตนกับพี่หญิงของข้าด้วยเล่า? ซ้ำยังถอนหมั้นกับนางอีก…”
ตี้ฝูอีตอบอย่างเฉยชา “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า” เรื่องราวเกี่ยวพันถึงลิขิตสวรรค์ ตี้ฝูอีย่อมไม่สามารถอธิบายต่อหลานเหยากวงได้
หลานเหยากวงส่ายหน้านิดๆ ขณะที่กำลังจะกล่าวอะไรอีก หลานจิ้งอี๋ที่เงียบงันมาตลอดกลับแผดเสียงขึ้นมา “ข้าว่าแล้วเชียว กู้ซีจิ่วจะใช่พี่หญิงของพวกเราได้อย่างไรกัน?! นางเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง จะเทียบชั้นกับพี่หญิงของข้าได้อย่างไร ไม่คู่ควรเลย…”
วาจาท่อนหลังของนางยังไม่เอ่ยจนจบ ตี้ฝูอีก็ซัดลำแสงสีรุ้งสายหนึ่งเข้าใส่!
ลำแสงสีรุ้งนั้นดุจปราการ พริบตาเดียวก็ห่อหุ้มหลานจิ้งอี๋ไว้ด้านในแล้ว…
หลานจิ้งอี๋ที่อยู่ในแสงสีรุ้งกรีดร้องปานหมูถูกเชือด สีหน้าของหลานเหยากวงพลันแปรเปลี่ยน ก้าวเข้าไปหมายจะยับยั้ง ตี้ฝูอีเอ่ยอย่างเยียบเย็นว่า “เหยากวง ถ้าเจ้าปกป้องนางอีก เปิ่นจุนจะริบพลังยุทธ์ทั้งหมดบนร่างนางคืนมา!”
หัวใจของหลานเหยากวงหนาวสะท้าน ไม่กล้าพูดอะไรแล้ว
หลานจิ้งอี๋มีโรคประจำตัวตั้งแต่ยังเล็ก เลือดตกยางออกไม่ได้ เคยเฉียดตายมาหลายครั้งแล้ว เป็นตี้ฝูอีที่ช่วยชีวิตนางกลับมา
แต่หลานจิ้งอี๋ผู้นี้เป็นตัวปัญหาที่ไม่เกรงฟ้าเกรงดินเลยผู้หนึ่ง หนก่อนทะเลาะต่อยตีกับผู้อื่น เลือดตกยางออกอีกครั้ง เดิมทีจะถึงที่ตายแล้ว เป็นตี้ฝูอีที่ช่วยพลิกผันสถานการณ์ นำไขกระดูกสวรรค์ของสานุศิษย์สวรรค์มามอบให้นาง ทำให้นางหายขาดจากโรคประจำตัวนี้ และทำให้พลังยุทธ์ของนางยกระดับขึ้นขนานใหญ่
หากว่าตี้ฝูอีริบพลังยุทธ์ทั้งหมดบนร่างหลานจิ้งอี๋กลับไปในยามนี้ เช่นนั้นหลานจิ้งอี๋ต้องตายอย่างแน่นอน!
น้องสาวคนนี้ของตน…ความสามารถในการก่อเรื่องมากมีแต่ความสามารถในการทำเรื่องดีๆ ไม่มีปรากฏ สมควรต้องมอบบทเรียนครั้งใหญ่ให้นางแล้ว!
ผ่านไปครู่หนึ่ง แสงสีรุ้งสลายไป หลานจิ้งอี๋ชักกระตุกอยู่บนพื้นเสมือนมัจฉาขาดวารี เกล็ดบนร่างลดลงไปถึงหนึ่งในสาม!
ความเจ็บปวดจากการถูกขอดเกล็ดนั้นเลวร้ายเสียกว่าถูกถอดกระดูก หลานจิ้งอี๋เหงื่อท่วมร่าง หยาดเหงื่อกลายเป็นไข่มุกกลิ้งอยู่บนพื้น
สีนางของนางซีดขาวราวกระดาษ สั่นสะท้านปานสายพิณอยู่บนพื้น ในที่สุดสายตาที่มองดูตี้ฝูอีก็เปี่ยมด้วยความประหวั่นพรันพรึงแล้ว…
ตี้ฝูอีกล่าวอย่างเยียบเย็น “หลานจิ้งอี๋ เห็นแก่พี่สาวของเจ้า เปิ่นจุนจะไว้ชีวิตเจ้าชั่วคราว! หากว่าเปิ่นจุนได้ยินเจ้าจาบจ้วงหมิ่นแคลนกู้ซีจิ่วอีกแม้แต่น้อย เปิ่นจุนจะไปเอาชีวิตเจ้าทันที! เหยากวง พานางกลับทะเลเสีย ถ้าไม่มีคำสั่งจากเปิ่นจุน ห้ามนางขึ้นมาบนบกอีก!”
หลานเหยากวงย่อมไม่คิดจะรั้งอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว รีบพาหลานจิ้งอี๋จากไปอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์วุ่นวายนี้จึงปิดฉากลงเช่นนี้แล
ด้วยเรื่องนี้ ประชาชนทั้งหลายจึงทราบถึงน้ำหนักความสำคัญของกู้ซีจิ่วในใจท่านเทพศักดิ์สิทธิ์กันทั่วหน้าแล้ว ไม่มีผู้ใดกล้าจาบจ้วงล่วงเกินนางอีก ธูปสักการะบูชาในศาลบูชาของนางก็ยิ่งเพิ่มพูนรุ่งโรจน์ขึ้นไปอีก แน่นอนว่านี่เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภายหลัง
————————————————————————–