ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1750+1751
บทที่ 1750 มีวิธีฟื้นฟูมันหรือไม่?
“จะมีตัวแทนเทพศักดิ์สิทธิ์ปรากฏตัวขึ้น ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าไปรับช่วงต่อจากเขา”
กู้ซีจิ่วมึนงง “ตัว…ตัวแทนเทพศักดิ์สิทธิ์?!” ตำแหน่งนี้ก็มีตัวแทนได้หรือ?
เสียงนั้นไม่พูดไม่จา
กู้ซีจิ่วฝืนสูดหายใจเฮือกหนึ่ง “เช่นนั้นเรื่องที่เขาต้องถ่ายทอดให้แก่ตัวแทนเทพศักดิ์สิทธิ์ก็ยังมีอยู่มากมายก่ายกอง คงใช้เวลาหลายปีกระมัง? ข้าคิดว่าอย่างน้อยก็น่าจะสิบกว่าปีขึ้นไป…สิบปีกระมัง?”
เสียงนั้นทอดถอนใจ คล้ายว่าหักใจบอกความจริงไม่ได้ยิ่งนัก
กู้ซีจิ่วร้อนรนแล้ว “เช่นใดเจ้าจึงอมพะนำถึงเพียงนี้? ใจกว้างสู้มนุษย์ธรรมดาไม่ได้ด้วยซ้ำ! ในเมื่อข้าเป็นว่าที่เทพศักดิ์สิทธิ์ ต่อให้เป็นลิขิตสวรรค์ก็มีสิทธิ์ได้รู้!”
เสียงนั้นเงียบงัน
ว่ากันตามเหตุผลแล้ว ยามนี้บอกนางไปก็ไม่นับว่าเป็นแพร่งพรายลิขิตสวรรค์แล้ว…
เสียงนั้นเยียบเย็นลง เอ่ยอย่างราบเรียบไร้อารมณ์ “ไม่ถึงครึ่งปี…เจ้าลืมเขาไปวะเถอะ! จะดีกว่าสำหรับเจ้า”
เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันมืดมิด ราวกับร่วงหล่นจากผาสูงหมื่นจั้ง…
เธอแทบบ้าแล้ว!
….
หลงซือเย่มองซากศพตรงหน้าที่เห็นได้ชัดว่าแข็งทื่อไปแล้ว เดือดดาลเป็นอย่างยิ่ง!
ศพนี้คือร่างของกู้ซีจิ่ว เป็นตี้ฝูอีที่นำมา คนผู้นี้พาซากศพตะลอนแสดงความรักอย่างประเจิดประเจ้ออยู่ทุกวันก็แล้วไปเถิด ยามนี้สุดท้ายก็เล่นซากศพนี้จนพังแล้ว จึงคิดจะมาหาเขาสินะ?
ตัวเขาหลงซือเย่สามารถเยียวยารักษาช่วยชีวิตได้ก็จริง แต่สำหรับซากศพที่ตายจนแข็งกระด้างไปเช่นนี้แล้ว เขาจะสามารถทำอะไรได้เล่า?
เขาเงยหน้ามองตี้ฝูอี ตี้ฝูอีสวมหน้ากากไว้มองไม่เห็นสีหน้า เพียงดวงตาที่มืดมิดลึกล้ำดั่งมหาสมุทร ในนั้นแฝงระลอกความหวังอันน้อยนิดเอาไว้ ราวกับหลงซือเย่เป็นฟางช่วยชีวิตเส้นสุดท้ายแล้ว “มีวิธีฟื้นฟูมันหรือไม่?”
น้ำเสียงหลงซือเย่เยียบเย็น “หากว่าร่างนี้ถูกใส่ไว้ในโลงแก้วผลึกตั้งแต่แรก ใช้วิชาลับเก็บรักษาไว้ บางทีอาจดุจมีชีวิตอยู่ไปได้ตลอด แต่ตอนนี้…หากว่าไม่ผิดไปจากการคาดคะเนของข้า มันจะเน่าเปื่อยสลายไปภายในสามวัน!”
ตี้ฝูอีได้รับความกระทบกระเทือนอย่างเห็นได้ชัด ถอยหลังไปก้าวหนึ่ง มองซากศพนั้นอย่างทึ่มทื่อเหม่อลอย
อันที่จริงเขาใช้วิชาลับเก็บรักษาร่างเดิมนี้ไว้มาโดยตลอด ทำให้ร่างเดิมนี้รักษาความมีชีวิตชีวาไว้ได้เสมือนเจ้าหญิงนิทรา เขายังรอคอยให้กู้ซีจิ่วฟื้นคืนชีพขึ้นมาในร่างเดิมนี้ในภายภาคหน้าอยู่…
กลับนึกไม่ถึงเลยว่าร่างเดิมนี้จู่ๆ ก็เริ่มเสื่อมถอย เขาใช้วิชาคาถาสารพัดอย่างแล้วล้วนไม่สามารถยับยั้งการเสื่อมสลายของมันได้เลย ความมีชีวิตชีวาของร่างนี้เริ่มถดถอยลง ค่อยๆ กลายเป็นซากศพที่แท้จริงร่างหนึ่ง…
ที่สำคัญกว่านั้นคือ เดิมทีหลายวันก่อนเขายังสัมผัสถึงการคงอยู่ของกู้ซีจิ่วอย่างรางๆ ได้อยู่เลย แต่หลายวันมานี้จู่ๆ ก็สัมผัสถึงไม่ได้เลยสักนิดแล้ว!
หากมิใช่เพราะหยกนภาบอกว่ากู้ซีจิ่วจะคืนชีพขึ้นมาภายในสี่สิบห้าสิบปีให้หลัง ตี้ฝูอีก็แทบจะหมดหวังอย่างแท้จริงไปแล้ว!
ที่แท้แม้แต่ร่างเดิมของนางเขาก็รักษาเอาไว้ไม่ได้…
หลงซือเย่ก็อึดอัดใจยิ่งนักเช่นกัน ช่วงที่ผ่านมานี้ใช้ชีวิตอย่างอยู่มิสู้ตาย แทบจะไม่มีความหมายในการใช้ชีวิตต่อแล้ว ยามนี้เมื่อได้เห็นตี้ฝูอีหอบซากศพนี้มาเยือนถึงประตู อารมณ์จึงร่วงดิ่งลงไปสุดขีดแล้ว!
และไม่สนใจแล้วว่าอีกฝ่ายจะเป็นท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ที่สูงส่งเหนือปวงชนหรือไม่ เยาะเย้ยถากถางไปยกหนึ่ง ระบายเพลิงโทสะและความคับข้องในใจออกมาจนหมด
ตี้ฝูอีฟังอยู่เงียบๆ ไม่ส่งเสียง นั่งอยู่ตรงนั้นไม่โต้กลับเลยสักประโยคเดียว
หลงซือเย่ด่าไปด่ามาก็รู้สึกว่าไม่มีประโยชน์แล้ว ต่อให้เขาด่าอีกฝ่ายจนตายแล้วอย่างไรเล่า? ยังไงซีจิ่วก็ไม่กลับมาแล้วอยู่ดี!
เขามองซากศพร่างนั้น สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่งแล้วกล่าวว่า “กลบฝังให้นางได้อยู่อย่างสงบเถอะ! ที่โลกนั้นของพวกเราให้ความสำคัญกับการกลบฝังคนตายให้อยู่อย่างสงบ”
อันที่จริงหยกนภาก็ฉงนใจยิ่งนักเช่นกัน เพียงแต่ยามนี้มันไม่กล้าพูดเหลวอันใดเลยสักประโยค การสร้างราชรถแก้วผลึกและศาลบูชาล้วนเป็นความคิดของมัน ไม่นึกเลยว่ายุ่งวุ่นวายอยู่นานสองนาน ไม่เพียงแต่จะคืนชีพให้เจ้านายไม่ได้เท่านั้น แม้แต่ซากศพก็รักษาเอาไว้ไม่ได้แล้ว…
—————————————————————–
บทที่ 1751 คงมิใช่ว่าตี้ฝูอีโป้ปดเขากระมัง?!
ตี้ฝูอีนั่งใจลอยอยู่ตรงนั้นพักหนึ่ง ถึงได้เอ่ยตอบอย่างเรียบๆ “ได้! ข้าจะฝังมันอย่างดี เพียงแต่ หลงซือเย่ โทษทัณฑ์ของเจ้าก็สมควรรับโทษได้แล้ว ตอนนี้เข้าสู่แดนเพลิงลับแลเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามครึ่งเสียเถอะ เจ้าต้องยืดหยัดไว้ให้ข้า! หลังจากออกมาแล้วข้ายังมีข่าวที่เกี่ยวกับซีจิ่วจะบอกเจ้าอยู่ เจ้าต้องอยากฟังแน่!”
เขาขายได้ถูกจุดยิ่งนัก เดิมทีหลงซือเย่หมดอาลัยตายอยากในชีวิตไปแล้ว มีความคิดว่าจะเข้าไปสิ้นชีพในแดนเพลิงลับแลอยู่จริงๆ เมื่อเขาได้ฟังเช่นนี้ หัวใจพลันถูกปลุกเร้าขึ้นมา ปรารถนาจะทราบในทันที!
แต่เขารู้ว่าคนอย่างตี้ฝูอีถ้าเขาไม่อยากพูด ต่อให้เจ้าถือค้อนมาง้างก็ง้างปากให้พูดไม่ได้อยู่ดี จึงไม่ถามเสียเลย กัดฟันเข้าไปรับโทษในแดนเพลิงลับแล
การรับโทษที่นั่นเสมือนถูกบังคับเลาะเอากระดูกออกมา เพลิงนั้นลุกไหม้ขึ้นภายในร่างกาย เผาผลาญชีพจรทุกสายของเขาไปทีละชุ่นๆ
ตัวคนดั่งถูกโยนเข้าไปในเตาหลอมเหล็กแล้วหลอมใหม่อีกครั้ง ทุกอณูเซลล์ล้วนผ่านการหลอมกลั่นอย่างหนักหนาทั้งสิ้น…
ถูกเคี่ยวกรำอย่างแสนสาหัสยามที่ออกมาได้ เขาก็ถูกเผาผลาญไปกว่าครึ่งชีวิตแล้ว แทบจะยืนไม่อยู่แล้ว
ที่เขาคาดไม่ถึงคือ ตี้ฝูอีรอคอยอยู่ด้านนอกตลอด เมื่อเห็นเขาออกมา ยังเพิ่งพิศเขาตั้งแต่หัวจรดเท้ารอบหนึ่งด้วย จากนั้นก็จับชีพจรให้เขาด้วยตัวเอง
เป็นครั้งแรกที่หลงซือเย่ได้รับการปฏิบัติด้วยเช่นนี้ เขาประหลาดใจอยู่บ้าง ขมวดคิ้วเอ่ยถาม “สรุปแล้วเจ้า…”
ตี้ฝูอีปล่อยมือจากเขา กล่าวอย่างเฉยเมย “ในที่สุดก็ไม่มีเสี้ยววิญญาณของหลงฟั่นหลงเหลืออยู่ในร่างเจ้าแล้ว!”
หลงซือเย่ตกตะลึง ในร่างเขามีเสี้ยววิญญาณของหลงฟั่นอยู่มาโดยตลอดหรือ? ทำไมเขาถึงไม่รู้เลย?!
“ดวงวิญญาณของเขาแข็งแกร่งกว่าเจ้า หากมิใช่เพราะข้าใช้พลังวิญญาณผนึกเขาไว้ให้เจ้ามาโดยตลอด เจ้านึกว่าจะรอดจากการถูกเขากลืนกินได้รึ? เปลวไฟในแดนเพลิงลับแลเป็นเพลิงแท้กสิณ เป็นสถานที่ยอดเยี่ยมในการเผาผลาญเสี้ยววิญญาณ ก่อนหน้านี้ข้าไม่ได้เอ่ยเตือนเจ้าด้วยเกรงว่าจะถูกเสี้ยววิญญาณของหลงฟั่นในร่างเจ้าจะทราบเอาได้ เขาไม่ทราบถึงสรรพคุณของแดนเพลิงลับแล”
เมื่อตี้ฝูอีกล่าวจบก็โยนขวดโอสถสองสามใบให้หลงซือเย่ “ยาลูกกลอนในขวดสีฟ้าจะช่วยรักษาอาการบาดเจ็บจากแดนเพลิงลับแลของเจ้าได้ ยาลูกกลอนในขวดสีแดงกับสีเขียวจะช่วยเจ้าฟื้นฟูสู่สภาพเดิม ขอเพียงเจ้าพักฟื้นอย่างเหมาะสม อีกหนึ่งปีให้หลังก็จะกลับสู่ขั้นเก้าเหมือนเดิม…”
หลงซือเย่ถือขวดโอสถสองสามใบนั้นไว้ตกตะลึงอยู่บ้าง เพียงแต่เขายังไม่ลืมเรื่องที่อยากจะทราบมาโดยตลอด “เจ้ากล่าวไว้ว่าจะบอกข่าวของซีจิ่วแก่ข้า…ข่าวอะไร?”
“นางฟื้นคืนชีพได้ ดังนั้นเจ้าก็ต้องแข็งแกร่งขึ้นด้วย!” เมื่อตี้ฝูอีกล่าวประโยคนี้จบก็พาสังขารนั้นจากไปทันที
หัวใจของหลงซือเย่แทบจะกระดอนออกมาแล้ว!
ซีจิ่วฟื้นคืนชีพได้งั้นหรือ? จริงหรือเท็จ? เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าดวงวิญญาณเธอแตกสลายไปแล้ว…
คงมิใช่ว่าตี้ฝูอีโป้ปดเขากระมัง?!
ไม่ถูกสิ ถึงแม้ตี้ฝูอีผู้นี้จะกระทำการไร้ขีดจำกัดล่าง แต่ไม่เคยนำเรื่องใหญ่มาหลอกลวงผู้อื่นเลย เช่นนั้นก็น่าจะเป็นความจริง
อา ซีจิ่วฟื้นคืนชีพได้!
เช่นนั้นเขาจะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้! ต้องแข็งแกร่งขึ้นถึงจะสามารถช่วยเหลือเธอในยามที่เธอลำบากได้!
เช่นนั้นเขาจะต้องมุมานะแล้ว!
หลงซือเย่รู้สึกเหมือนถูกฉีดด้วยเลือดไก่ เลือดลมเดือดพล่านขึ้นมาทันที!
เขาเดินวนรอบห้องอย่างไม่คำนึงถึงความเจ็บปวดเลย แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีคำถามสำคัญอีกข้อที่ยังไม่ได้ถาม กู้ซีจิ่วฟื้นคืนชีพได้ แต่ว่าตอนไหนกันล่ะ?!
ตี้ฝูอีจากไปแล้ว ยามนี้ต่อให้เขาอยากตามหาตัวเขาเพื่อสอบถามก็ทำไม่ได้แล้ว
เขาเดินอยู่ในห้อง วนไปวนมาจนศิษย์คนโตของเขาหวั่นวิตกขึ้นมา เอ่ยขึ้นอย่างอดไว้ไม่อยู่ “อาจารย์ ท่านบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ พักฟื้นให้ดีก่อนดีไหมขอรับ?”
ก่อนหน้านี้ตี้ฝูอีป่าวประกาศว่าหลงซือเย่ต้องไปรับโทษในแดนเพลิงลับแลต่อหน้าเหล่าศิษย์ของสำนักถามสวรรค์ และถูกส่งเข้าสู่แดนเพลิงลับแลท่ามกลางสายตาของบรรดาศิษย์ ดังนั้นศิษย์ของเขาจึงกังวลยิ่งนักเป็นธรรมดาว่าร่างกายของเขาจะรับไม่ไหวเอา…
ตอนนี้ตี้ฝูอีจากไปแล้ว ศิษย์คนโตของเขาจึงเข้ามาปรนนิบัติดูแล
—————————————————————