ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1756+1757
บทที่ 1756 คู่สวรรค์สรรสร้าง 4
กู้ซีจิ่วไม่ใส่ใจ “ท่านน่าจะคาดหวังให้ว่าที่ภรรยาของท่านชอบสิ ไม่ใช่คนผ่านทางมาอย่างข้า”
สายตาของหลงโม่เหยียนมองตรงมาที่เธอ “ซีจิ่ว ข้าหาจ้งเซิงพบแล้ว!”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง “หือ?”
หลงโม่เหยียนมองดูเธอ “ซีจิ่ว จนถึงยามนี้แล้วเจ้ายังคิดจะปิดบังอีกหรือ?”
ไม่นึกเลยว่าเขาจะมองออกแล้ว!
กู้ซีจิ่วเลิกคิ้ว ทว่าไม่ได้ปฏิเสธอีก “หลงซื่อจื่อ ขออภัยด้วย เมื่อก่อนข้าปกปิดฐานะจริงๆ จ้งเซิงเป็นตัวตนปลอมของข้า เพียงแต่ยามนั้นข้าบังเอิญรู้จักท่านอย่างผิวเผินเท่านั้น มิได้มีไมตรีลึกซึ้ง…”
ช่วยไม่ได้ที่เขามาชอบเธอ ทว่าเธอจำเป็นต้องตอบสนองด้วยหรือ?
ตัวเธอในยามนั้นทุกข์ตรมด้วยความรัก ย่อมไม่คิดจะให้ดอกท้อเน่าเสียดอกใดได้แตะต้องร่างอีก
วาจานี้ของกู้ซีจิ่วชัดเจนยิ่งนัก เธอเห็นเขาเป็นเพียงคนรู้จักทั่วไป ไม่ได้มีความรู้สึกในเชิงนั้นต่อเขาเลย
ดวงตาหลงโม่เหยียนมีแววหม่นหมองพาดผ่านแวบหนึ่ง เขาโบกมือคราหนึ่ง บนพื้นปรากฏเตาดินเผาเล็กๆ ใบหนึ่งขึ้นมา บนเตาใบน้อยมีกาต้มน้ำใบหนึ่ง ในกามีน้ำเดือดปุดๆ และบนโต๊ะไม้ไผ่ก็มีชุดกาน้ำชาวางอยู่…
จากท่าทางนี้ของเขาคงกำลังจะชงชากระมัง ท่วงท่าดั่งเมฆาเคลื่อนคล้อยสายธารรินไหล มีความคล้ายคลึงกับตี้ฝูอีอยู่สองสามส่วน
กู้ซีจิ่วค่อนข้างไม่มีความอดทน “หลงซื่อจื่อ ท่านบอกว่ามีเรื่องที่เกี่ยวกับท่านทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายจะบอกข้าใช่ไหม?”
นิ้วมือของหลงโม่เหยียนชะงักไปเล็กน้อย เขาย่อมมองออกว่าเธอร้อนใจ เพียงแต่ไม่พูดอะไร รินชาให้เธอถ้วยหนึ่ง ถอนหายใจแล้วเอ่ยขึ้น “ซีจิ่ว เจ้าใจร้อนเกินไปแล้ว มาเถอะ ดื่มชาถ้วยนี้ให้ชุ่มคอก่อน”
นี่มันผู้ป่วยวิกฤตพบเจอหมอที่เฉื่อยชาโดยแท้!
กู้ซีจิ่วเหลือบมองถ้วยชาแวบหนึ่ง หยิบขึ้นมา ไอชาลอยกรุ่น ผสมผสานเข้ากับกลิ่นไผ่รอบข้าง ทำให้จิตใจของคนสงบลงได้
น่าเสียดายที่ตอนนี้เธอสงบไม่ลง…
“ซีจิ่ว เจ้าเชื่อในลิขิตสวรรค์หรือไม่?” จู่ๆ หลงโม่เหยียนก็เอ่ยถามขึ้นมา
“เชื่อแล้วอย่างไรไม่เชื่อแล้วอย่างไร?” กู้ซีจิ่วถามกลับ คล้ายว่าเธอจะคอแห้งอยู่บ้าง จึงจิบชาอึกหนึ่ง
หลงโม่เหยียนมองเธอ “ซีจิ่ว เจ้ารู้ไหม ครั้งแรกที่ได้พบเจ้าหัวใจข้าเต้นถี่รัว หลายปีมานี้สืบเสาะหาตัวเจ้ามาโดยตลอด เพื่อตามหาเจ้าแล้ว ข้าถึงขั้นปฏิเสธลิขิตที่สวรรค์จัดเตรียมไว้…”
นี่เขาสารภาพรักอยู่หรือ?
กู้ซีจิ่วดื่มชาเข้าไปอีกอึก “บางทีท่านควรจะยอมรับลิขิตที่สวรรค์จัดเตรียมเสีย…” ถึงอย่างไรนางในโชคชะตาของเขาก็ไม่ใช่เธอ…
หลงโม่เหยียนยิ้มแวบหนึ่ง “ใช่แล้ว ข้าสมควรยอมรับลิขิตที่สวรรค์จัดเตรียมเสีย เกือบจะทำให้บุพเพสันนิวาสอันดีงามหลุดลอยไปเสียแล้ว ภายหลังในที่สุดข้าก็รู้แจ้งแล้ว ดังนั้นข้าจึงมาที่นี่ เฝ้ารออยู่ที่นี่ตลอด รอให้นางในโชคชะตาของข้าปรากฏตัวขึ้น…”
กู้ซีจิ่วกลับลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ยิ้มน้อยๆ “นางในโชคชะตาของท่านอยู่ในหุบเขาแห่งนี้หรือ?”
แววตาของหลงโม่เหยียนเหม่อมองออกไปไกล “ใช่แล้ว อยุ่ในหุบเขาแห่งนี้ นางถูกขังไว้ที่นี่ เนื่องจากฝ่าฝืนลิขิตสวรรค์ ถูกกักขังให้รับโทษทัณฑ์อยู่ที่นี่ ว่ากันตามเหตุผลแล้ว นางควรจะเป็นอิสระจากการจองจำได้ในอีกสามสิบแปดปีให้หลัง แต่แม่นางผู้นี้กลับเป็นกรณีพิเศษในกรณีพิเศษอีกที หลุดพ้นจากการจองจำได้ก่อนกำหนด…”
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นิ้วมือบีบถ้วยชาแน่น เธอย่อมฟังความนัยจากวาจาของหลงโม่เหยียนออก หัวใจพลันจมดิ่ง!
ตอนที่เธอถูกขังไว้ เสียงจอมจู้จี้นั่นก็บอกว่าเธอจะถูกขังไว้สามสิบแปดเหมือนกัน…
ซ้ำยังบอกว่าเป็นลิขิตสวรรค์อันใดนั่นด้วย!
ยามนี้ไม่น่าเชื่อว่าหลงโม่เหยียนก็จะเอ่ยเช่นนี้เหมือนกัน…
เธอหยักมุมปากนิดๆ แววเฉียบคมวาบผ่านดวงตา “หลงซื่อจื่อ ท่านเป็นใครกันแน่?”
“เนื้อคู่ตามโชคชะตาของเจ้า” หลงโม่เหยียนยิ้มน้อยๆ รอยยิ้มอ่อนโยน แฝงกำลังกล้าแกร่งที่ไม่อาจปฏิเสธได้ง่ายๆ “ซีจิ่ว พวกเราเป็นคู่ครองที่สวรรค์ลิขิต ตามคำกล่าวของแดนมนุษย์คือ ข้าถูกลิขิตให้เป็นคู่ครองของเจ้า จะอยู่ร่วมกับเจ้าไปชั่วนิรันดร์”
——————————————————————-
บทที่ 1757 วาสนารักสวรรค์ลิขิต
กู้ซีจิ่วตกตะลึง!
สวรรค์ไม่เพียงแต่กักขังเธอไว้ที่นี่เท่านั้น ยังจัดสรรว่าที่สามีไว้ให้เธอด้วยหรือ?
ล้อเล่นแบบนี้ไม่ขำเลยนะ!
เธอยิ้ม เพ่งพิศเขาเขาหัวจรดเท้าแวบหนึ่ง แววตาคมกริบ “เจ้ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับคนที่ขังข้าไว้?!”
หรือว่าจะเป็นเขาที่เล่นเล่ห์กับเธอมาโดยตลอด?!
แต่ว่าเขตแดนที่กักขังเธออย่างน้อยก็ต้องเป็นผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นสิบขึ้นไปถึงจะสำแดงออกมาได้ แต่หลงโม่เหยียนที่ตรงหน้าผู้นี้พลังยุทธ์สูงสุดคือขั้นเก้า…
หลงโม่เหยียนถอนหายใจเบาๆ “ซีจิ่ว เจ้าเข้าใจข้าผิดแล้ว ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคนที่ขังเจ้าไว้เลย ข้าแค่มารออยู่ที่นี่ตามบัญชาของสวรรค์…ข้านึกว่าจะต้องอยู่ที่นี่ไปอีกสามสิบแปดปี ไม่นึกเลยว่า…”
“ข้าไม่เชื่อในลิขิตสวรรค์!” กู้ซีจิ่วตัดบทเขา บิดมุมปากเล็กน้อย “ดังนั้นข้ากับเจ้าไร้วาสนาต่อกัน และเจ้าก็ไม่ใช่เนื้อคู่ที่ชะตาลิขิตของข้า หลงซื่อจื่อ ข้ายังมีธุระต่อ คุยเป็นเพื่อนเจ้าไม่ได้แล้ว ขออำลา!”
เธอไม่เชื่อลิขิตสวรรค์อะไรทั้งนั้น!
ลิขิตสวรรค์บ้านเจ้าสิ!
หัวใจของเธอเล็กยิ่งนัก บรรจุคนได้เพียงคนเดียว และยอมรับได้เพียงคนผู้นั้น!
และตอนนี้คนเดียวที่เธออยากเจอก็มีเพียงคนผู้นั้น อยากพบหน้าเขาจนแทบคลั่งแล้ว…
ส่วนคนอื่น ล้วนเป็นเมฆาเลื่อนลอยทั้งสิ้น
เธอไม่อยากจะพูดจุกจิกกับเขาให้มากความ จึงลุกขึ้นหมายจะใช้วิชาเคลื่อนย้าย ถูกหลงโม่เหยียนยุดแขนเสื้อเขาไว้ “ซีจิ่ว เจ้าไม่สนใจประวัติความเป็นมาของข้าหรือ?”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วโชนแสงแวบหนึ่ง สะบัดข้อมือทันที หลงโม่เหยียนรู้สึกเพียงว่าฝ่ามือพลันชาหนึบ แขนเสื้อในมือถูกดึงออกไป
ยามที่เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง มองเห็นว่ากู้ซีจิ่วกำลังมองเขาอย่างยิ้มมิเชิงยิ้มอยู่ เม้มริมฝีปากจิ้มลิ้มนิดๆ ทว่าแววตากลับคมกริบอย่างยิ่ง “ไม่สนใจ!”
หลงโม่เหยียนถูกตอกหน้าจนนิ่งไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจเล็กน้อย “เช่นนั้นเจ้าฟังข้าให้จบก่อนได้ไหม?”
“ข้าพูดไปแล้ว ข้าไม่สนใจลิขิตสวรรค์วิถีสวรรค์อันใดทั้งนั้น” กู้ซีจิ่วคร้านจะพูดจาไร้สาระกับเขาแล้ว พลันหมุนกายใช้วิชาเคลื่อนย้าย
‘ตุบ!’ เธอชนเข้ากับต้นไผ่ต้นหนึ่ง ต้นไผ่ต้นนั้นถูกเธอชนจนสั่นสะเทือน แทบจะหักโค่นแล้ว
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว วิชาเคลื่อนย้ายของเธอขัดข้องเหรอ?!
ไม่สิ ดงไผ่นี้มีปัญหาแล้ว!
กู้ซีจิ่วค่อยๆ หันกลับมา มองไปที่หลงโม่เหยียน “เจ้าเล่นเล่ห์ใช่ไหม?!”
ดูไม่ออกเลยว่าหลงโม่เหยียนจะสร้างเขตแดนที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ได้!
หลงโม่เหยียนยืนมองเธออยู่ที่เดิม “ซีจิ่ว เจ้าฟังข้าให้จบก่อนได้ไหม?”
กู้ซีจิ่วยกมุมปากขึ้นนิด “ได้ เจ้าพูดมาสิ!”
เธอก็ไม่ได้เดินกลับไปเช่นกัน เพียงเอนหลังพิงลงบนลำไผ่ต้นหนึ่ง พลางเด็ดใบไผ่สองสามใบมาเล่น
หลงโม่เหยียนมองดูนิ้วมือเรียวงามของนางพลิกหมุนใบไม้เหล่านั้น ตาพร่าอยู่บ้าง ถอนหายใจเบาๆ คราหนึ่ง “ซีจิ่ว ข้ามาจากดินแดนเบื้องบน”
ดวงหน้าเฉิดฉันของกู้ซีจิ่วราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง “มาจากที่เดียวกับเซียนหญิงลี่หวางงั้นหรือ?”
หลงโม่เหยียนชะงักไปเล็กน้อย ตามธรรมดาแล้วเมื่อมนุษย์ได้ยินว่าเป็นคนจากดินแดนเบื้องบนก็จะกราบไหว้ทำความเคารพตามสัญชาตญาณ รู้สึกว่าอีกฝ่ายสูงส่งเกินเอื้อม แต่หลังจากลี่หวางลงมาก่อเรื่องวุ่นวายครั้งหนึ่ง ชื่อเสียงของคนจากดินแดนเบื้องบนก็เลวร้ายเสียหายอย่างยิ่ง ผู้คนในแผ่นดินนี้ไม่ถูกชะตากับคนจากดินแดนเบื้องบนแล้ว…
“ซีจิ่ว ข้าต่างจากนาง ความจริงแล้วนางทำผิดพลาด ถูกดินแดนเบื้องบนเนรเทศลงมา ทว่าข้าเป็นคนที่ลงมาตามบัญชา น่าเสียดายที่ก่อนหน้านี้ข้าถูกผนึกพลังวิญญาณเอาไว้ และถูกผนึกความทรงจำไว้ด้วย คิดมาตลอดว่าตัวเองเป็นเพียงท่านโหวลอยชายธรรมดาๆ ตราบจนเก้าปีก่อนถึงได้ตื่นรู้ขึ้นมา ทราบถึงภารกิจของตน ซีจิ่ว เมื่อก่อนข้าไม่รู้ความจึงคลาดจากเจ้าไป โชคดีที่ข้าไม่นับว่ารู้ตัวสายเกินไป ที่แท้แม่นางที่ข้าเฝ้าคะนึงหาก็เป็นภรรยาที่ชะตาลิขิตไว้ของข้า…”
เขาค่อยๆ ก้าวเข้ามาใกล้กู้ซีจิ่ว “ซีจิ่ว ข้ารู้ว่าเจ้ามีผู้อื่นอยู่ในใจ แต่ถึงอย่างไรคนผู้นั้นก็มิใช่เนื้อคู่ตามชะตาลิขิตของเจ้า ช่วงเวลาที่อยู่เป็นเพื่อนเจ้าได้มีจำกัด เหตุใดเจ้ายังดื้อรั้นงมงายอยู่อีกเล่า?”
——————————————————————