ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1788+1789
บทที่ 1788 ท่านมองข้าแบบนี้ทำไม?
กู้ซีจิ่ววางตี้ฝูอีลงบนเตียง ตี้ฝูอีก็ปล่อยให้เธอจับวางอย่างว่าง่าย แววยิ้มหัวในดวงตาฉายชัดเจน
กู้ซีจิ่วถูกเขามองจนใบหน้าเห่อร้อน ฟุบร่างอยู่ข้างกายเขา ใช้มือบีบแก้มเขา “ท่านมองข้าแบบนี้ทำไม?”
แก้มของท่านเทพศักดิ์สิทธิ์เชียวนะ หยิกไปก็ไม่เสียเปล่า
ผิวพรรณของเขาเนียนเด้งยิ่งนัก ให้สัมผัสดีอย่างยิ่ง
เธอบีบอยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าไม่หายอยาก จึงบีบอยู่อีกครู่หนึ่ง แล้วก็บีบต่ออีกครู่หนึ่ง
แววตาตี้ฝูอีวูบไหวเล็กน้อย กุมมือข้างหนึ่งของนางไว้ ดึงนางเข้าหาร่างตน กู้ซีจิ่วจึงถลาเข้าสู่อ้อมอก
เธออยู่บนเขาอยู่ล่าง ร่างเกยทับ ดวงตาประสานกัน
ตี้ฝูอีกุมมือข้างนั้นของนางที่บีบแก้มเขาไว้ หัวเราะเบาๆ “ประหม่าหรือ?”
กู้ซีจิ่วใจเต้นแวบหนึ่ง ทำปากแข็ง “ประหม่าอะไรกัน?”
ตี้ฝูอีจุมพิตปลากนิ้วของนาง ไล่จุมพิตปลายนิ้วของนางไปทีละๆ นิ้วรอบหนึ่ง ถึงได้เอ่ยขึ้นอีก “เช่นนั้นเจ้าก็เกี้ยวพาผิดวิธีเสียแล้ว…”
ไหนเลยจะมีการเกี้ยวพาด้วยการบีบหน้า?
ปลายนิ้วคันยุบยิบ คล้ายมีตะขอเล็กๆ สะกิดอยู่ในใจ…
เขานอนอยู่ตรงนั้น อาภรณ์ปลดอ้าออกกึ่งหนึ่งแล้ว เผยเรือนร่างรำไร ดวงตาที่เจือแววยิ้มหัวคู่นั้นดั่งมีระลอกคลื่นกระเพื่อมอยู่ แฝงความเฉื่อยชาและเสน่ห์เย้ายวนที่มอมเมาจิตใจคนได้ ท่าทางเหมือนกระต่ายขาวตัวน้อยไร้พิษภัยที่ปล่อยให้คนผลักล้มได้ชัดๆ ทว่าสัญชาตญาณของกู้ซีจิ่วกลับสัมผัสได้ว่าเขาอันตราย คนผู้นี้ไม่สามารถปกปิดความดุดันกร้าวแกร่งของเขาไว้ได้เลยจริงๆ…
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่ากู้ซีจิ่วคิดจะเกี้ยวพาเขา ผลคือถูกเขาเกี้ยวพาจนจิตใจสั่นไหว ร่างกายอ่อนยวบ
เธอคร่อมอยู่บนร่างเขา นิ้วมือเขาเริ่มเคลื่อนไปตามร่างกายเธอ…
ถึงแม้เธอจะย้ายร่างแล้ว แต่จุดไวสัมผัสบนร่างไม่ได้เปลี่ยนไป อีกทั้งถูกเขาล่วงรู้จนทะลุปรุโปร่งแล้ว ดังนั้นเขาจึงปลุกอารมณ์เธอได้ง่ายดายยิ่งนัก ลมหายใจถี่กระชั้น
ไม่อาจเป็นฝ่ายถูกระทำเช่นนี้ได้! ไม่อาจถูกเขากินเช่นนี้ได้!
กู้ซีจิ่วฮึดขึ้นมา ดังนั้นเธอจึงชักมือตัวเองกลับ และดึงมือที่ซุกซนของเขาออกไปจากในอาภรณ์ตน “ห้ามขยับ”
ลมหายใจของเขาก็หอบถี่แล้วเช่นกัน ทว่าหัวเราะออกมาเบาๆ วางสองมือไว้เหนือศีรษะด้วยตัวเอง “ได้ ข้าไม่ขยับ”
กู้ซีจิ่วก็ถอยออกไปแล้วเช่นกัน ไม่มองดวงตาที่ทำให้เธอใจเต้นแรงคู่นั้นของเขาอีก หันไปถอดเสื้อผ้าเขาออกเสียเลย
เขาเชื่อฟังยิ่งนัก ให้เขาชูมือเขาก็ชูมือ ให้เขาขยับเท้าเขาก็ขยับเท้า ว่าง่ายอย่างยิ่ง
ในไม่ช้า กู้ซีจิ่วก็เปลื้องผ้าเขาจนเปลือยเปล่าแล้ว…
ส่วนเสื้อผ้าบนร่างเธอก็ถูกเขาขยำขยี้จนยับย่น เคราะห์ดีที่ยังอยู่หุ้มอยู่บนร่างเธอ เขาเปลือยเปล่าล่อนจ้อน ส่วนเธอก็เผยเรือนร่างรำไรแล้ว…
ท่วงท่าที่ทับกันบนล่างเช่นนี้ทำให้กู้ซีจิ่วรู้สึกได้ชัดยิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อเขาปล่อยให้กระทำได้ตามใจชอบเช่นนี้ก็ยิ่งทำให้เธอใจเต้นแรงอย่างไม่ควบคุมตัวเองได้ มือน้อยๆ ของเธอลูบไล้ร่างกายเขาเบาๆ แผ่วหวิวปานขนนก…
ตี้ฝูอีที่มองเธออย่างเยือกเย็นเสมอมาถึงแม้จะยังคงนอนให้เธอทำตามอำเภอใจอยู่ตรงนั้น แต่ในดวงตากลับมีเปลวเพลิงคุโชนแล้ว ลมหายใจถี่กระชั้นขึ้นเรื่อยๆ…
แตกหักกันไปครึ่งปี เลิกรากันไปครึ่งปี อารมณ์พิศวาสในใจที่ถูกเขาสะกดกลั้นเอาไว้มาโดยตลอดพลุ่งพล่านขึ้นมา ยามนี้เมื่อได้รับการปลดปล่อยแล้ว สัญชาตญาณความเป็นชายทำให้เขาปรารถนาจะกระทำทันที
แต่นางยังคงทำราวกับเกาจุดคันนอกรองเท้าอยู่ ลูบไล้ร่างกายเขาไปมา แต่ไม่เข้าประเด็นสักที…
เดิมทีเขาคิดจะรอให้นางเล่นสนุกให้ครบชุด กลับคาดไม่ถึงว่าการเกี้ยวพาอย่างครบชุดนี้ของนางจะค่อนข้างนาน…
ในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว ยื่นแขนไปโอบกอดนาง ให้ร่างนางทาบทับลงมา หยัดกายขึ้นจุมพิตนาง เอ่ยริมหูด้วยน้ำเสียงแหบพร่าว่า “ซีจิ่ว เป็นครั้งแรกสำหรับร่างนี้ของเจ้า ข้ารู้สึกว่าให้ข้าเป็นคนทำจะดีกว่า…”
—————————————————————–
บทที่ 1789 มาตรว่าคนสองคนรักใคร่ปักใจกันมานาน ไยจะมิปรารถนาอยู่ร่วมกันทุกเมื่อเชื่อวันเล่า
กู้ซีจิ่วยังคงไม่ถอดใจอยู่บ้าง “ข้า..ข้าจะอยู่ข้างบน…”
“ได้ เมียข้าเจ้าอยู่ข้างบน…” ตี้ฝูอีคล้อยตาม
ถึงอย่างไรก็เป็นสามีภรรยากันมาถึงแปดปี ฝีมือในด้านนี้ของตี้ฝูอีจึงสูงส่งเหนือธรรมดา…
เงาร่างซ้อนเกยกัน ม่านเตียงไหวเพยิบ
เธออยู่ข้างบนตลอดจริงๆ แต่คนคุมเกมกลับเป็นเขา
ในช่วงที่ร่างกายของทั้งสองสอดประสานกัน หยาดน้ำซึมออกมาจากปลายหางตาของกู้ซีจิ่ว…
เขาหยุดการเคลื่อนไหวทันที โอบเอวของเธอไว้ “เจ็บหรือ?”
กู้ซีจิ่วก้มลงไปจูบเขาอย่างดุเดือด “ไม่ ก็แค่…ดีใจ…”
ความเจ็บปวดจากการถูกคร่าพรหมจรรย์ย่อมมีอยู่ แต่ตัวเธอในยามนี้ถึงอย่างไรก็เคยมีประสบการณ์แล้ว เมื่อเทียบกับครั้งแรกเมื่อครานั้นแล้วดีกว่ามากนัก
ยิ่งไปกว่านั้นคือเธอเป็นคนที่ทนเจ็บได้เสมอมา ความเจ็บเล็กน้อยนี้สำหรับเธอแล้วไม่นับว่าเป็นอันใดเลย ที่เธอน้ำตาไหลก็เป็นเพราะ…เป็นเพราะ…
เธอจูบเขาอย่างดูดดื่ม พัวพันเคล้าคลอกับเขาอย่างสุดชีวิต คล้ายว่าในการเคล้าคลอนี้เธอสามารถหยุดเวลาไว้ได้ ไม่ให้เวลาไหลผ่านไป ไม่วันนั้นที่ต้องพรากจากกันมาถึง…
เขาเป็นความปวดร้าวในทรวงของเธอไปชั่วนิรันดร์!
ทว่ากลับไม่คิดจะให้คำว่าพลัดพรากฉายอยู่ในดวงตาของกันและกัน มุมปากเธอเจือรอยยิ้ม พัวพันกับเขาอย่างถึงตายก็จะไม่ยอมปล่อย สัมผัสถึงทุกสิ่งทุกอย่างของกันและกันอย่างแท้จริง
….
มีประโยคหนึ่งกล่าวไว้ว่ายอดนักรักหนึ่งราตรีเจ็ดหน ทว่ามิใช่การประกอบกิจเจ็ดหนในหนึ่งคืน แต่เป็นการที่เขาส่งฝ่ายหญิงให้ถึงจุดสุดยอดได้ถึงเจ็ดครั้ง
เห็นได้ชัดว่าตี้ฝูอีเป็นยอดฝีมือคนหนึ่งท่ามกลางนั้น ท่ามกลางการขย่มโคลงเคลงเขาบีบคั้นให้เธอหลั่งน้ำตารอบแล้วรอบเล่า ทำให้เธอครวญครางออกมา
ส่วนเธอก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปย่างสมบูรณ์ ถึงแม้นี่จะไม่ใช่คืนเข้าหอ แต่ระหว่างคนทั้งสองก็นึกเพียงแต่จะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอีกฝ่าย
เคล้าคลอกันด้วยความรักลึกซึ้ง ร่างกายและวิญญาณสอดประสานกัน คล้ายว่ามีเพียงเช่นนี้พวกเขาถึงจะสามารถครอบครองอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ได้ ถึงจะไม่พรากจากกันไปอีก…
….
แสงตะวันส่องลอดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง
ตี้ฝูอีหลับไปแล้ว หลังจากกู้ซีจิ่วสิ้นชีพไปในครานั้น ช่วงที่ผ่านมานี้เขาไม่เคยนอนหลับเลย ยุ่งวุ่นวายสารพัดอยู่ตลอด ยามนี้ได้กอดนางในดวงใจไว้ในอ้อมแขนแล้ว ในที่สุดเขาก็สามารถพักผ่อนดีๆ ได้แล้ว
อันที่จริงกู้ซีจิ่วก็เหนื่อยเหมือนกัน แต่เธอไม่ได้หลับ เธอข่มตานอนไม่ลง…
เธอซุกอยู่ในอ้อมแขนของเขาอย่างว่าง่าย กลิ่นหอมเย็นอ่อนจางอันเป็นเอกลักษณ์บนร่างเขาอวลอยู่ที่ปลายจมูกเธอ ทำให้จิตใจของเธอสงบลง
เธอหนุนท่อนแขนเขา เส้นผมดำขลับแผ่สยายปรกหัวไหล่เขา แขนโอบรอบเอวเขา มองสีหน้ายามหลับใหลของเขาเงียบๆ หักใจแยกจากไม่ลง
เธอไม่รู้ว่าเวลาคนอื่นมีความรักจะเป็นยังไง แต่เธอบ้าคลั่งมากจริงๆ
มีคนบอกไว้ว่า ผู้หญิงคือกระดูกซี่โครงจากร่างผู้ชาย มีเพียงต้องตามหากันให้เจอ ถึงจะเติมเต็มได้สมบูรณ์
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเธอและตี้ฝูอีต่างเป็นกระดูกซี่โครงของกันและกัน ขาดใครไปล้วนเป็นหายนะทั้งสิ้น
เธอรักเขาจริงๆ เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอเป็นคนที่ค่อนข้างเห็นแก่ตัวคนหนึ่ง แต่สามารถสละทุกอย่างเพื่อเขาได้จริงๆ…
มาตรว่าคนสองคนรักใคร่ปักใจกันมานาน ไยจะมิปรารถนาอยู่ร่วมกันทุกเมื่อเชื่อวันเล่า
นี่เป็นถ้อยคำเลื่องชื่อ วิถีแห่งรักที่เธอยึดมั่น ถึงขั้นที่เคยกล่าวอยู่หลายหนว่า สนใจเพียงว่าเคยได้ครอง ไม่สนใจชั่วนิรันดร์
แต่เมื่อเธออยู่ร่วมกับเขาจริงๆ ถึงได้เข้าใจ ว่าเธอปรารถนาจะอยู่ร่วมกับเขาไปชั่วนิรันดร์ยิ่งนัก…
เธอยื่นมือออกไปมองดูนิ้วมือตน เมื่อครู่ยามที่ร่วมรักกันอย่างเร่าร้อนสุดขีด เขาได้สวมแหวนวงหนึ่งให้เธอ เป็นแหวนเพชรวงเดิมนั้น ตอนนี้ในที่สุดก็ได้กลับมาสู่นิ้วเธอแล้ว
เขาบอกว่าจะแต่งกับเธอ จะใช้ฐานะเทพศักดิ์สิทธิ์วิวาห์กับเธอ ให้คนทั่วหล้าได้ทราบกันถ้วนหน้าว่าเธอคือภรรยาของเขา
เรื่องวิวาห์เขากำลังเตรียมการ จะให้เธออกเรือนกับเขาอย่างสง่างามสมเกียรติ…
เมื่อได้รับคำสัตย์เช่นนี้จากเขาเธอย่อมดีใจมาก คาดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน
เธอหลงนึกว่าจะใช้เหตุผลว่าอายุขัยสั้นเกินไปไม่อยากถ่วงรั้งเธอ จะไม่แต่งกับเธอแล้วเสียอีก!
————————————