ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1804+1805
บทที่ 1804 ข้าไม่มีความทรงจำในส่วนนี้เลย
อีกฝ่ายเป็นชายหรือเป็นหญิง? ดับขันธ์ไปอย่างไรหรือ?” เธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวของเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนเลย
ตี้ฝูอีผงะไปครู่หนึ่ง ขมวดคิ้วนิดๆ ส่ายหน้าพลางเอ่ยตอบ “ข้าไม่มีความทรงจำในส่วนนี้เลย…”
“หือ?” กู้ซีจิ่วประหลาดใจ
ตี้ฝังอีมุ่นคิ้วใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยว่า “จากความทรงจำข้าฟื้นขึ้นมาในถิ่นทุรกันดาร ผู้คนบนโลกนี้ยังมิได้เป็นเช่นนี้ กระจัดกระจายกันออกไป ต่อมาตัวข้าบุกตะลุยไปทั่วหล้า ค่อยๆ มีพลังอำนาจของตัวเอง กลายเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์…”
ที่แท้เขาก็ถือกำเนิดจากฟ้าดิน…
ก็ถูกแล้ว เขาอยู่มาเกือบหมื่นปีแล้ว ในประวัติศาสตร์เมื่อหมื่นปีก่อนดูเหมือนจะเป็นยุคมนุษย์ดึกดำบรรพ์…
อีกอย่างเมื่อลองย้อนหลังกลับไปเมื่อหมื่นปีก่อน ไม่แน่ว่าอาจถดถอยไปเป็นมนุษย์ลิง…
“กล่าวเช่นนี้คือข้าเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์รุ่นที่สองงั้นหรือ?” กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอรู้สึกอยู่เสมอว่ามีบางจุดที่ไม่ค่อยถูกต้อง ทว่าบอกไม่ได้ว่าไม่ถูกต้องตรงไหน
ตี้ฝูอีลูบผมเธอ ไม่พูดอะไร
กู้ซีจิ่วเงียบไปพักหนึ่ง เอ่ยถามอีกครั้ง “แล้วท่านติดต่อกับสวรรค์อย่างไร?”
ตี้ฝูอีถอนหายใจแล้วตอบว่า “ดูดาวคำนวณชะตา บางครั้งก็มีเสียงแว่วดังขึ้นในสมองของข้า บอกว่าข้าควรทำอะไร เพียงแต่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก จู้จี้อย่างยิ่ง ข้าจึงทำสิ่งที่ตรงกันข้ามเสีย ด้วยเหตุนี้เสียงนั้นจึงไม่ติดต่อมาหาข้าง่ายๆ”
กู้ซีจิ่วนึกถึงเสียงที่แว่วขึ้นในสมองของตนเป็นครั้งคราว ดูเหมือนจะเป็นผู้ถ่ายทอดลิขิตสวรรค์กระมัง?
อันที่จริงสิ่งที่เรียกว่าลิขิตสวรรค์ก็เหมือนกับดวงชะตา มีกฎเกณฑ์ตายตัวที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด…
จู่ๆ ดูเหมือนเธอจะนึกอะไรขึ้นมาได้ “ท่านว่าลิขิตสวรรค์จะใช่กฎเกณฑ์ที่ดินแดนเบื้องบนบัญญัติขึ้นสำหรับโลกเบื้องล่างหรือไม่?”
ตี้ฝูอีทอดถอนใจแล้วเอ่ยตอบ “ได้ยินมาว่าคนของดินแดนเบื้องบนก็ต้องปฏิบัติตามลิขิตสวรรค์เช่นกัน…”
กู้ซีจิ่วกำหมัดแล้ว “เช่นนั้นผู้ที่กำหนดลิขิตสวรรค์ขึ้นจะต้องเป็นไอ้สารเลวคนหนึ่งแน่นอน! ไม่สนใจความรู้สึกของผู้อื่นเลย…”
ตี้ฝูอีหลุดขำออกมา เขาไม่ได้พูดอะไรอีก
อันที่จริงลิขิตสวรรค์ก็ไม่ได้ผิดไปเสียทั้งหมดหรอก มีสิ่งที่กล่าวไว้ว่าไร้กฎเกณฑ์สิ้นระเบียบ หากว่าไร้ซึ่งกฎเกณฑ์ทั้งปวง โลกนี้คงเละเทะวุ่นวายไปนานแล้ว…
ต่อให้เป็นตัวเขาเอง ก็บัญญัติกฎเกณฑ์มากมายให้แก่โลกใบนี้เช่นกัน สิ่งที่กล่าวกันว่าบ้านมีกฎบ้าน เมืองมีกฎเมืองก็เป็นเช่นนี้ มีแต่ต้องเป็นเช่นนี้ โลกใบนี้ถึงจะก้าวหน้าไปอย่างมั่นคงได้
แน่นอนว่าเมื่อกฎเกณฑ์ที่ไม่ดีเหล่านั้นยับยั้งความเจริญก้าวหน้าของสรรพสิ่ง ย่อมถูกปรับปรุงและถูกคัดทิ้งไปตามธรรมชาติ…
กู้ซีจิ่วคล้ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้อีก มองดูเขาแล้วเอ่ยว่า “ใช่แล้ว เรื่องศิษย์ของเทียนจี้เยวี่ยสรุปแล้วเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ข่าวลือของแผ่นดินนี้คือทูตสวรรค์ฝ่ายซ้ายพรากคนรักของผู้อื่นไป แยกคู่รักออกจากกัน…”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง ถอนหายใจออกมา “ซีจิ่ว นี่ก็สิ่งที่ข้าต้องสอนให้เจ้าเช่นกัน สิ่งที่เรียกว่าสานุศิษย์สวรรค์ไม่ได้รับอนุญาตให้แต่งงานครองคู่ อีกทั้งสานุศิษย์สวรรค์ทุกคนก็จำเป็นต้องประสบเคราะห์รักด่านหนึ่ง เช่นนี้ถึงจะกลายเป็นสานุศิษย์สวรรค์อย่างแท้จริง”
กู้ซีจิ่วตะลึงงัน “เพราะเหตุใด?”
“นี่คือสิ่งที่ติดตามมากับดวงชะตาของพวกเขา เมื่อพวกเขากลายเป็นสานุศิษย์สวรรค์จะได้รับเกียรติในฐานะผู้ทรงอำนาจ แต่ก็ต้องแบกรับภาระหน้าที่รวมถึงความยากลำบากที่พวกเขาควรจะมีด้วย”
“ดังนั้นท่านเลยจงใจสร้างความขัดแย้งแก่พวกเขา สร้างเคราะห์รักให้งั้นหรือ?” กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อสักเท่าไหร่
ตี้ฝูอีส่ายหน้า “ข้าไม่จำเป็นต้องสร้างขึ้นเลย ความจริงแล้วข้าไม่ได้ก้าวก่าย เรื่องของเทียนจี้เยวี่ยกับศิษย์ของเขาเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย”
กู้ซีจิ่วมองเขาโดยไม่พูดอะไร ตี้ฝูอีกล่าวต่อไป “ศิษย์ของเขาคือเคราะห์รักในชะตาของเขา เดิมทีไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลย แต่สตรีนางนั้นกลับเป็นคนของลัทธิมาร ปลอมเป็นเด็กสาวมาอยู่ข้างกายเขา”
—————————————————————–
บทที่ 1805 พละกำลังอันน่าพรันพรึงเช่นนี้ของเขาคืออะไรกัน?!
“แต่สตรีนางนั้นกลับเป็นคนของลัทธิมาร ปลอมเป็นเด็กสาวมาอยู่ข้างกายเขา เจตนาจะก่อความขัดแย้งระหว่างทูตสวรรค์ซ้ายขวา ยามนั้นนางสนิทสนมต้องใจอยู่กับเทียนจี้เยวี่ยชัดๆ แล้วยังลอบยั่วยวนข้าอีก…ทว่าถูกข้ามองออก ข้าเคยเตือนเทียนจี้เยวี่ยแล้ว ให้เขาระวังไว้ จนปัญญาที่เทียนจี้เยวี่ยถูกนางจูงจมูกไปแล้ว คล้อยตามนางทุกอย่าง ข้าจึงทำได้เพียงใช้แผนซ้อนแผน แสร้งติดบ่วงของสตรีนางนั้น หลอกล่อให้เทียนจี้เยวี่ยหึงหวงอย่างหนัก เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม ข้าก็ทำให้สตรีนางนั้นเผยร่างเดิมออกมาต่อหน้าเทียนจี้เยวี่ย และเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา จากนั้นก็กำจัดนางทิ้ง…นับตั้งแต่นั้นมาเทียนจี้เยวี่ยก็ไร้ความรู้สึกต่อสตรี แต่ก็ยังคั่งแค้นขุ่นเคืองข้าอยู่ตลอด คิดหาทางเอาคืนข้าเป็นประจำ ตัวข้าก็ว่างๆ เบื่อๆ อยู่พอดี หลายปีมานี้จึงทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับเขา อันที่จริงแล้วการเป็นศัตรูจะหล่อหลอมฝึกฝนเขาได้ง่ายกว่าการเป็นมิตรเสียอีก เดิมทีพรสวรรค์ของเทียนจี้เยวี่ยสู้อีกสามคนที่เหลือไม่ได้เลย แต่พอประมือกับข้าอยู่หลายปี วรยุทธ์ของเขาก็ก้าวหน้าขึ้นเร็วยิ่ง…ตอนนี้ทิ้งห่างอีกสามคนไปไกลแล้ว ไม่สิ ยังเอาชนะข้าไม่ได้”
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ตี้ฝูอี เจ้าช่างมีความเบื่อมากมายเหลือเกินนะ! ช่างว่างมากเหลือเกิน!
ที่เขาระหว่างเขากับศิษย์ของเทียนจี้เยวี่ยก็เป็นคดีความเช่นนี้นี่เอง….
ผู้อื่นไม่ทราบความภายใน หลงนึกไปว่าตี้ฝูอีแย่งชิงคนรักของเทียนจี้เยวี่ย ดังนั้นทั้งสองคนถึงได้บาดหมางกันเช่นนี้ ก่อเป็นมิตรภาพอันลึกซึ้งของบุรุษ…
เธอวาดวงกลมบนแผ่นออกของตี้ฝูอีอย่างไร้เจตนา “ตี้ฝูอี อันที่จริงแล้วคนอย่างท่านอย่างชั่วร้ายนัก ไม่นับว่าเป็นคนดีเลย”
นิ้วอ่อนนุ่มของนางจิ้มอยู่บนอกเขาจนคันยุบยิบ แววตาของตี้ฝูอีดำดิ่งลงไป หัวเราะเบาๆ แล้วเอ่ย “โง่งม! ผู้ที่สามารถนั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ จะเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์พร้อมได้อย่างไรเล่า? เด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา!”
ความจริงแล้วกู้ซีจิ่วก็ทราบเช่นกัน สามารถเข่นฆ่าฝ่าออกมาจากฝูงหมาป่าหิวโซได้ ขึ้นนั่งบนตำแหน่งสูงสุดได้ ย่อมิใช่การใช้วิธีการที่ขาวสะอาดไปเสียทั้งหมด…
เจ้าคนผู้นี้กระทำการโดยไม่เลือกวิธีเลยจริงๆ ขอเพียงสุดท้ายแล้วบรรลุเป้าหมายก็พอ
เธอหลุบตาใคร่ครวญอยู่ตรงนั้น นิ้วมือยังคงวาดวงกลมลงบนร่างเขาอย่างไม่รู้ตัวเช่นเดิม ผ่านไปครู่หนึ่ง นิ้วมือเธอก็ถูกจับไว้ น้ำเสียงเขาแหบพร่านิดๆ “เด็กน้อย เจ้ากำลังเล่นกับไฟ!”
“หา?” กู้ซีจิ่วมองเขาอย่างงุนงง
อย่างไรก็ตาม ปฏิกิริยาตอบสนองของเธอกลับมารวดเร็วยิ่ง เนื่องจากเธอสัมผัสได้ว่าปฏิกิริยาของคนที่อยู่ใต้ร่างช่างซื่อตรงเป็นที่สุด…
เธอกระแอมคราหนึ่ง กำลังจะกลิ้งลงจากตัวเขา ทว่าถูกเขาโอบรัดเอาไว้ ฝ่ามือของเขาโอบท้ายทอยเธอแล้วรั้งให้ต่ำลงมา จากนั้นก็จุมพิตเธอ เอ่ยเสียงต่ำว่า “เด็กน้อย ในเมื่อเจ้ายังไม่เหนื่อย เช่นนั้นพวกเราก็มาทำศึกกันอีกสักรอบเถอะ…”
ไม่ใช่กระมัง?! ยังจะทำอีกหรือ?! พละกำลังอันน่าพรันพรึงเช่นนี้ของเขาคืออะไรกัน?!
กู้ซีจิ่วรีบผลักเขาออก “ไม่เอา ข้าเหนื่อยแล้ว ข้าจะนอน!”
ตี้ฝูอีกลับไม่ปล่อยเธอไป “ไม่เป็นไร ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องขยับก็ได้ ทุกอย่างให้เป็นหน้าที่ข้าเอง”
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่หรือว่าข้าเหนื่อย ข้าขอบอกท่านเลยนะ พละกำลังของท่านจะล้นเหลือเกินไปแล้ว!” ขยันถึงเพียงนี้ จะเป็นไฟสิ้นเชื้อเอาได้ง่ายๆ…
ยามนี้สิ่งที่เขาต้องทำคือรักษาพลัง รักษากำลังเอาไว้
ตี้ฝูอีขบปลายจมูกของเธอเบาๆ “เช่นนั้น…ครั้งนี้ให้เจ้าอยู่ด้านบน ให้เจ้าควบคุมทุกอย่างดีไหม?”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
ตี้ฝูอีไม่ได้ปรึกษากับเธออีกต่อไป เริ่มบรรเลงบทรักแล้ว…
เดิมทีกู้ซีจิ่วนึกไว้ว่าคืนเข้าหอเช่นนี้แค่พอเป็นพิธีก็พอแล้ว ไม่นึกเลยว่าจะได้ใช้ช่วงเวลาอันล้ำค่าดั่งทองจนคุ้มจริงๆ…
สำเริงสำราญกันแทบจะทั้งคืน
หลังจากที่เขาตักตวงจนอิ่มหนำอีกครั้งก็ดึกโขแล้ว เธอไม่ได้พูดคุยอะไรกับเขาอีก เหนื่อยจนหลับไปทันที ฟุบอยู่ในอ้อมแขนเขาราวกับหมูน้อย ผลักเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น
————————————————————