ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1826+1827
บทที่ 1826 ท่านอยู่ที่ไหน 2
เธอเปิดดูทีละแผ่นๆ อย่างไม่เชื่อสายตา ยิ่งมองดูก็ยิ่งมืดมน…
ทุกอย่างว่างเปล่า!
ทั้งหมดล้วนเป็นความว่างเปล่า!
แผ่นหนึ่งมีตัวอักษรอยู่ แต่ยังคงเป็นตัวอักษรที่เธอเขียนเล่น ไม่ใช่ตัวอักษรของเขา!
มู่เฟิงมองเห็นหยาดเหงื่อเย็นเยียบไหลออกจากหน้าผากนาง จึงกล่าวอย่างเป็นกังวล “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ท่านพักผ่อนสักหน่อยเถิด? ท่านคงอยู่ในเขตหวงห้ามนานเกินไป จึงเกิดภาพลวงตาบางอย่าง…”
คนที่มีชีวิตอยู่คนหนึ่งกลับบอกว่าไม่มี อีกทั้งเป็นเพียงภาพลวงตาในความคิดของผู้อื่น!
ซ้ำคนผู้นี้ยังเคยเป็นข้ารับใช้ที่จงรักภักดีที่สุดของตี้ฝูอี!
ตี้ฝูอีกำลังเล่นกลอะไรอยู่กันแน่?
ตี้ฝูอี…
ตี้ฝูอี…
ชื่อนี้เคยพลุ่งพล่านในใจเธอดุจน้ำมันเดือด จะลืมเลือนไปได้อย่างไร?! คนเหล่านี้ลืมเขาไปได้อย่างไร?! คนผู้หนึ่งที่โดดเด่นแข็งแกร่งขนาดนั้น…
เธอรู้สึกประหนึ่งก้าวเข้าสู่ห้วงฝันร้ายอันยิ่งใหญ่ อีกทั้งยังเป็นฝันที่ไม่ว่าอย่างไรก็ตื่นขึ้นมาไม่ได้
มีเสียงตูมตามดังขึ้นในหัวเธอ หัวใจดิ่งลึกและลึกลงไปอีก ราวกับจะดำดิ่งลงไปยังห้วงอเวจีหนาวเหน็บที่ไร้ซึ่งก้นบึ้ง
เธอดึงคอเสื้อของมู่เฟิงโดยพลัน “เจ้าไปกับข้า!”
เธอไม่รีรอให้มู่เฟิงพูดจาอันใด พลันเคลื่อนย้ายในพริบตาไปยังห้องหนังสือของตี้ฝูอี…
ที่นั่นมีม้วนตำราที่ตี้ฝูอีเขียนด้วยตัวเองมากมายนับไม่ถ้วน ล้วนเป็นเอกลักษณ์และมีเพียงหนึ่งเดียว เป็นวิชาเทพศักดิ์สิทธิ์และกลเม็ดที่ตี้ฝูอีจะส่งต่อให้กับเธอ ตี้ฝูอีคงไม่ทำลายแม้แต่สิ่งของเหล่านั้นกระมัง?!
กู้ซีจิ่วเข้ามาในห้องหนังสือของตี้ฝูอีไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ตี้ฝูอีมักจะสอนวิชาความรู้ต่างๆ ให้เธอ ณ ที่แห่งนี้
และตอนนั้นสิ่งที่เธอชอบทำมากที่สุดก็คือนั่งบนตัก อยู่ในอ้อมกอดเขาอย่างไม่เกรงใจ ดอมดมกลิ่มอายหอมหวนบนเรือนกายเขา ร่ำเรียนวิชาเหล่านั้นที่เขาสอนสั่ง…
บัดนี้เก้าอี้ตัวที่เขามักจะนั่งยังคงอยู่ บนโต๊ะมีม้วนตำราวางทับซ้อนกันอยู่กองหนึ่ง บนนั้นมีตัวอักษร!
กู้ซีจิ่วแทบจะกระโจนเข้าไป หยิบออกมาม้วนหนึ่งทันที สายตาของเธอพร่ามัวอยู่บ้าง ทว่าก็เปิดออกดูอย่างรวดเร็ว มีตัวอักษร! และยังมีตัวอักษรเขียนเต็มไปหมด!
“มู่เฟิง เจ้าดูสิ นี่คือลายมือเขา! ของเหล่านี้ล้วนเป็นม้วนตำราที่เขาเขียนขึ้น…” เธอพยายามนิ่งสงบ แต่น้ำเสียงยังสั่นเครืออยู่เล็กน้อย
มู่เฟิงมองม้วนตำราในมือนางและพลันตกตะลึง “ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ ม้วนตำราเหล่านี้…ท่านสั่งให้พวกข้าคัดลอกไม่ใช่หรือขอรับ?”
อะไรนะ?!
ม้วนตำราในมือกู้ซีจิ่วแทบร่วงหล่นพื้น!
เธอสูดลมหายใจ นวดคลึงดวงตาแล้วเพ่งพิศอย่างถี่ถ้วน พบว่าตัวอักษรด้านบนไม่ใช่ลายมือของตี้ฝูอีจริงๆ แต่เป็นลายมือของมู่เฟิง…
เธอหยิบออกมาดูอีกหลายม้วนอย่างไม่เชื่อตาตัวเอง ผลก็คือลายมือบนม้วนตำราเหล่านี้เป็นลายมือของพวกสี่ทูต ไม่มีลายมือของตี้ฝูอีแม้แต่เล่มเดียว!
เธอโซเซเล็กน้อย ก่อนนั่งลงบนเก้าอี้ตัวนั้น ความขมขื่นร้อนรุ่มในทรวงเอ่อล้นขึ้นมาเป็นระลอก เอ่อล้นเสียจนเจ็บปวดดวงตา
มือและเท้าอ่อนยวบ ในสมองก็ว่างเปล่า ทั้งตัวเสมือนก้าวสู่นรกอเวจี เบื้องหน้ามืดมัวเป็นระยะ
เธออยากจะปีนขึ้นมา ทว่าไม่มีมือคู่นั้นที่ฉุดรั้งเธออีกต่อไปแล้ว…
ตี้ฝูอี! ตี้ฝูอี…
เขาทอดทิ้งเธอไปแล้ว!
เขาไม่ต้องการเธอแล้ว…
ความฝันนั้นคือความจริง…
เขาดับขันธ์แล้ว!
ทั้งที่ยังไม่ถึงเวลา! ทั้งที่ยังมีเวลาอีกหกวัน เหตุใดจึงได้ดับขันธ์ก่อนกำหนด?
สมุนไพรที่เธอเก็บมาด้วยความลำบากยากเข็ญก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว…
เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้?!
นี่เป็นแผนการของตี้ฝูอีใช่หรือไม่ เขากลัวว่าเธอจะเศร้าโศกเสียใจในวันสุดท้าย ไม่อยากให้เธอเผชิญหน้าการดับขันธ์ของเขา จึงได้ซ่อนตัวไว้?
ดวงตาดุจเปลวเพลิงคู่นั้นร่อนลงบนร่างของมู่เฟิง “เขาซ่อนตัวแล้วกระมัง?! เจ้าไปบอกเขา ข้าเก็บสมุนไพรมาให้เขาแล้ว ข้าตามหาเห็ดมรรคาม่วงพบแล้ว! เจ้าให้เขาออกมา ออกมา!”
———————————————————————–
บทที่ 1827 ท่านอยู่ที่ไหน 3
มู่เฟิงงุนงง…
เธอไม่คิดจะพูดจาไร้สาระกับเขาต่อแล้ว เคลื่อนย้ายออกไปด้านนอกอีกครั้ง ตะโกนก้องไปทั่วเรือน “ตี้ฝูอี ท่านออกมานะ! ข้าเก็บสมุนไพรมาได้แล้ว! ท่านมีทางรอดแล้ว อย่าก่อเรื่องเลย ท่านออกมาเถอะ ท่านออกมา…”
เธอใช้พลังวิญญาณตะเบ็งเสียงออกมา ทำให้แว่วไปได้ไกลยิ่งนัก สามารถได้ยินกันทั่ววังมรกต
เชื่อว่าขอเพียงตี้ฝูอียังอยู่ในวังมรกตแห่งนี้ ไม่ว่าจะหลบซ่อนอยู่ซอกหลืบมุมใดก็ล้วนได้ยินทั้งสิ้น…
เมื่อตะโกนจบเธอก็กลั้นใจคอยอยู่หนึ่งเค่อเต็มๆ
แต่ว่า…เขาไม่ได้ปรากฏตัวเลย…
เธอยืนอยู่ตรงนั้นอย่างโง่งม สายลมพัดต้องอาภรณ์เธอจนปลิวสะบัด สายลมอบอุ่นยิ่งนัก ทว่าเธอกลับรู้สึกหนาว! หนาวเข้าไปถึงกระดูก!
ตี้ฝูอีไม่มา เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ไล่ตามมาแล้ว “เจ้านาย!”
เมื่อกู้ซีจิ่วเห็นเจ้าสองตัวนี้ สายตาพลันส่องประกาย ราวกับคว้าเสี้ยวความหวังเอาไว้ได้ “หอยยักษ์ เปิดฝาออก! เห็ดมรรคาม่วงของข้าล่ะ?!”
เจ้าหอยยักเปิดฝาออกเสียงดังฟึ่บ เผยให้เห็นเห็ดมรรคาม่วงเต็มเปลือก “เจ้านาย อยู่นี่แล้ว”
กู้ซีจิ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “หอยยักษ์ เจ้าคงจำได้กระมังว่าข้าจะเอาเห็ดมรรคาม่วงเหล่านี้มาให้ผู้ใด?”
เธอเคยคุยกับเจ้าหอยยักษ์ไว้นานแล้วว่าจะนำเห็ดมรรคาม่วงเหล่านี้มาให้ตี้ฝูอีเพื่อช่วยชีวิตเขา เจ้าหอยยักษ์และลู่อู๋ล้วนทราบกันดี…
เจ้าหอยยักษ์ผงะไป “เจ้านาย เห็ดมรรคาม่วงเหล่านี้…ท่านจะเอามาหลอมโอสถกระมัง?”
“แล้วข้าจะหลอมโอสถเพื่อช่วยผู้ใด?”
“ช่วย…” เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋มองหน้ากันเหลอหลา “กล่าวกันว่าถ้านำสิ่งนี้มาหลอมโอสถจะทำให้เป็นอมตะ ไม่ได้ยินเลยนะว่าเจ้านายคิดจะช่วยผู้ใด…”
กู้ซีจิ่วใจหายวาบ “เจ้าหอยยักษ์ เจ้าอย่าบอกข้านะ ว่าเจ้าก็จำตี้ฝูอีไม่ได้แล้ว!”
เจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋สบตากันแวบหนึ่ง ส่ายหน้าอย่างพร้อมเพรียง เจ้าหอยยักษ์ถามเสียงอ่อย “เจ้านาย ตี้ฝูอีคือผู้ใดหรือ?”
เบื้องหน้ากู้ซีจิ่วพลันมืดมิด!
เสมือนพลัดหล่นจากหน้าผาสูงหมื่นจั้ง…
เธอทึ่มทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็พรวดพราดออกไปอย่างไม่พูดอะไรสักคำ!
“เจ้านาย!”
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์…”
เสียงเรียกของเจ้าหอยยักษ์กับมู่เฟิงแว่วอยู่ด้านหลัง ทว่ากู้ซีจิ่วกลับไม่หันกลับไป มุ่งตรงไปยังหอดูดาว
ตี้ฝูอี ท่านอย่าทำให้ข้าตกใจสิ…
ถึงข้าจะดูเข้มแข็งแต่ก็สะกดกลั้นความตระหนกไว้ไม่ได้จริงๆ ข้ากลัว! ข้ากลัวจริงๆ นะ…
….
ยามที่เธอวิ่งไปถึงหน้าประตูหอดูดาว ฝีเท้าก็ผ่อนช้าลง
เธอไม่กล้าเข้าไป…
ถ้าเข้าไปแล้วเธอจะได้เห็นความจริงที่แท้จริง แต่ว่าความจริงนั้นจะโหดร้ายเกินไปหรือไม่?
เมื่อมนุษย์เราเผชิญกับภัยพิบัติร้ายแรง โดยเฉพาะในวินาทีได้รับรู้ว่าคนที่รักถึงแก่กรรมไปกะทันหัน จิตใต้สำนึกจะต้องการหลบเลี่ยงไป ไม่อยากเผชิญหน้า
เธอก้าวไปด้านหน้าทีละก้าว ฝ่าเท้าเสมือนหนักพันจิน
เธอไม่ใช่คนชอบหลีกหนีปัญหา ไม่ว่าจะประสบพบพานสิ่งใดเธอล้วนเผชิญหน้าตรงๆ เสมอมา แต่ว่าตอนนี้เธอกลัว…
ลังเลอยู่ถึงสามสี่นาทีเต็ม มองขั้นบันไดใต้ฝ่าเท้า ไม่กล้าก้าวขึ้นไปชั่วขณะ
หลายวันมานี้ตี้ฝูอีเคยพาเธอก้าวขึ้นบันไดเหล่านี้นับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ทุกครั้งล้วนเป็นเขาที่ลากมือเธอเดิน แต่ตอนนี้ไม่มีใครมาคอยฉุดดึงมือเธออีกแล้ว…
ต่อให้เธอกลัวแค่ไหนก็ต้องเข้าไปด้วยตัวเอง!
ผ่านไปครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ตัดสินใจพุ่งเข้าไปทันที! จากนั้นเธอได้เห็นท้องนภาดาษดารา จากนั้นเธอก็ค่อยๆนั่งลงบนพื้น…
ดวงดาวส่องสกาวเต็มท้องฟ้า หากอยู่ในสายตาของผู้ที่ไม่รู้ศาสตร์วิชา ดวงดาวเต็มฟากฟ้านี้ก็ไม่ได้ลดน้อยลงไปเลยสักดวง นภายังคงเป็นนภาดาษดาราผืนนั้น แต่เห็นได้ชัดว่าดาวใหญ่ดวงนั้นที่เธอหวงแหนที่สุดหายไปแล้ว!
บนท้องฟ้ามีดาวสีรุ้งที่เจิดจรัสอยู่เคียงข้างกันอยู่สองดวงชัดๆ แต่ตอนนี้บนท้องฟ้ากลับเหลืออยู่เพียงดวงเดียวเปล่าเปลี่ยว ดวงดาวที่เป็นตัวแทนของตี้ฝูอีหายไปแล้ว!
ร่วงหล่นไปแล้ว!
ร่วงหล่นไปแล้วจริงๆ!
——————————————-