ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1868+1869
บทที่ 1868 ตำนานลิขิตสวรรค์ 4
เหมือนจะเป็นหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรี
คนที่กำลังเขียนตำราอยู่คือบุรุษ ส่วนที่นอนตะแคงอยู่ข้างกายเขา เป็นสตรีที่กอดขาเขาไว้เหมือนหมีโคอาล่า
สตรีคล้ายว่าจะสะดุ้งตื่นขึ้นมา ยันตัวขึ้นมากึ่งหนึ่งอย่างเฉื่อยชา เงยหน้าถามเขา “ท่านจะคัดของพวกนี้ไปทำไมกัน ข้าไม่ให้ท่านคัดแล้ว…”
ยื่นมือไปฉวยสิ่งที่เขาเขียน ถูกเขายุดมือของเธอไว้ “เด็กดี อย่าได้ก่อกวน”
เขาก้มลงจุมพิตหน้าเธอคราหนึ่ง “ว่าง่ายหน่อยเถิด อย่าโวยวาย”
สตรีนางนั้นลูบหน้าผาก “ข้าจะเป็นเด็กดื้อ ข้าจะโวยวาย!” พลางยื้อแย่งของในมือเขาต่อ
ถูกเขากดไว้จนล้มคว่ำลงไป เขากดเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างก็เก็บสิ่งที่ตนเขียน จากนั้นก็โยนเธอลงบนเตียง “ดื้อดึงถึงเพียงนี้ คอยดูเถิดข้าจะสั่งสอนเจ้าชุดใหญ่เลย…”
“ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์? ท่านเทพศักดิ์สิทธิ์ขอรับ?” มู่เฟิงเห็นนางถือตำราเล่มนั้นไว้สายตาว่างเปล่า ค่อนข้างฉงน จึงเอ่ยเรียกนาง
กู้ซีจิ่วได้สติกลับมา ที่ยืนอยู่เบื้องหน้าคือมู่เฟิง ไหนเลยจะมีบุรุษสตรีคู่นั้น?
เหมือนภาพหลอนเช่นเดียวกับที่ผ่านมา เธอยังคงมองเห็นรูปโฉมของบุรุษสตรีคู่นั้นไม่ชัดเจนอยู่ดี เพียงแต่ในใจกลับปวดร้าวขึ้นมาอย่างน่าประหลาด มีความรู้สึกชั่ววูบว่าอยากจะร้องไห้ออกมา
เธอรู้ว่าตัวเองสูญเสียความทรงจำไปส่วนหนึ่ง พวกมู่เฟิงก็สูญเสียความทรงจำบางส่วนไปเช่นกัน เดิมทีเธอไม่ได้รู้สึกอะไร ยามนี้จู่ๆ กลับรู้สึกว่าความทรงจำที่สูญหายไปเหล่านี้คือกุญแจสำคัญ…
หรือบุรุษสตรีคู่นั้นจะเป็นตัวเธอกับเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อน?
ช่วงเวลาที่เธอมายังโลกนี้ไม่นับว่านานนัก เพียงสิบกว่าปีเท่านั้น ก่อนที่จะเป็นตัวเธอ ก็น่าจะมีเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนอยู่กระมัง?
เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนคือผู้ใด?
เหตุใดพอเธอเอ่ยถามคนทั่วไป ถึงไม่มีใครรู้เลยว่ามีเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนอยู่ด้วย?
คนในจิตใต้สำนึกที่ตนต้องการตามหาจะใช่เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนหรือไม่?!
แต่ว่าชายหญิงในภาพลวงตานั้นดูรักใคร่กันยิ่งนัก ผู้หญิงคนนั้นก็มีท่าทางปานวิหคน้อยที่อิงแอบแนบซบคนยิ่งนัก…
กู้ซีจิ่วยกมือลูบใบหน้าตัวเอง รู้สึกอยู่ลึกๆ ว่าตนไม่ได้มีนิสัยชอบอิงแอบแนบซบคนปานวิหคน้อยเช่นนั้น หากว่าเธอรักใครสักคน เกรงว่าจะเป็นประเภทที่เคารพให้เกียรติกันและกันกระมัง? ประคับประคองกันและกัน ตอนที่เธออยู่กับหลงซือเย่ในปีนั้นก็เป็นประเภทนี้เช่นกัน เธอจินตนาการท่าทางของตนยามออดอ้อนออเซาะชายคนหนึ่งไม่ออกเลย…
เธอทุบจุดไท่หยาง ทำไมตัวเองต้องความจำเสื่อมด้วยนะ?!
เห็นกันอยู่ชัดๆ ว่าเธอรังเกียจอาการความจำเสื่อมยิ่งนัก!
หรือว่าสมองตนจะถูกเผาจนเสียหายในแดนเพลิงพุทธะแห่งนั้นไปแล้ว?
ด้วยเหตุนี้เธอจึงครุ่นคิดเล็กน้อย หยิบอาภรณ์หนังคุนชุดนั้นออกมาจากมิติเก็บของ แต่หลังจากหยิบออกมาเธอก็นิ่งทื่อไปอีกครั้ง ในความทรงจำของเธอมันเป็นชุดเข้ารูปตัวหนึ่ง แต่ยามนี้เมื่อหยิบออกมากลับกลายเป็นหนังคุนกองหนึ่ง ซ้ำยังถูกกรีดตัดเป็นชิ้นๆ ด้วย ราวกับถูกคนเลาะฝีตะเข็บทั้งหมดออก
เธอพลิกหนังคุนในมืออยู่หลายรอบ ในสมองมีความคิดหนึ่งที่คล้ายว่าพร้อมจะผุดออกมาได้ทุกเมื่อ ทว่ากลับคว้ากุมไว้ไม่ได้…
เธอทึ่มทื่อเหม่อลอยอยู่ตรงนั้น ค่อยๆ จัดระเบียบความคิด
เธอยังเป็นคนที่ปราดเปรื่องยิ่งนัก นำสิ่งที่เธอได้ยินยลพบพานในหลายวันมานี้มาเชื่อมโยงเข้าด้วยค่อยๆ ขบคิด จู่ๆ ข้อสันนิษฐานที่อาจหาญยิ่งนักข้อหนึ่งก็ผุดขึ้นในสมองเธอ ‘หรือว่าหลังจากที่เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนล่วงลับดับขันธ์ไป ร่องรอยการมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ของเขาก็ถูกลบทิ้งไปทั้งหมดด้วย?!’
จากนั้นก็มองหนังคุนในมืออีกครั้ง อาภรณ์หนังคุนผืนนี้เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนตัดเย็บขึ้นเพื่อเธอโดยเฉพาะใช่ไหม?!
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้ หัวใจเธอเต้นกระหน่ำขึ้นมา คล้ายว่าในที่สุดก็คลายปมด้ายในอกได้ ค้นพบเบาะแสบางอย่างแล้ว
เธอจึงใคร่ครวญไปตามเบาะแสนี้ต่อไป ถ้าเป็นแบบนี้จริง เช่นนั้นเมื่อเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนดับขันธ์ไปแล้วจะได้ขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนหรือไม่?! ที่ตนหมกมุ่นอยากจะขึ้นสู่ดินแดนเบื้องบนก็เพื่อตามหาเขาใช่ไหม?
————————————————————————-
–
บทที่ 1869 ช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยแท้!
ยิ่งคิดก็ยิ่งมีความเป็นไปได้!
หากว่าภาพหลอนที่ตนเห็นเป็นความจริง ดูจากเหตุการณ์นั้นตนน่าจะแต่งงานกับเขาแล้ว หากว่าแต่งงานแล้ว เช่นนั้นตนต้องไม่บริสุทธิ์แล้วแน่นอน…
เธอตัดสินใจในทันใด เข้าไปตรวจสอบร่างกายตนในห้องนอน ผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็แต่งตัวให้เรียบร้อย ในใจไม่ทราบเช่นกันว่ายินดีหรือผิดหวัง
เธอยังบริสุทธิ์อยู่!
หรือว่าข้อสันนิษฐานของตนจะผิดพลาดไป?
หรือจะกล่าวว่าเธอกับเขารักกันด้วยจิตใจบริสุทธิ์ ยังไม่เคยแนบชิดกันจนไปถึงขั้นนั้น?
แต่ว่าชายหญิงที่เห็นในภาพหลอนสนิทแนบชิดกันยิ่งนัก…
สารพัดความคิดที่เธอสะสางไม่ได้ จึงหยิบหยกนภาที่ถูกเธอผนึกจิตสำนึกไว้ขึ้นมาวางบนโต๊ะ คลายผนึกให้มัน เอ่ยถามมันอย่างตรงไปตรงมา “ข้ากับเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนมีความสัมพันธ์กันอย่างไร?”
หยกนภาพูดจาตะกุกตะกัก ‘ทะ…เทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนอันใด?’ เจ้านายรู้เรื่องเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนแล้วหรือ? เป็นไปไม่ได้กระมัง?! ลิขิตสวรรค์ลบความทรงจำของทุกสรรพสิ่งไปแล้ว เป็นไปได้อย่างไรที่นางจะจดจำขึ้นไม่ได้?
กู้ซีจิ่วผิดหวัง ถอนหายใจออกมา “ที่แท้เจ้าก็ไม่รู้เหมือนกัน…” เธอนั่งอยู่หน้าโต๊ะ มองหนังคุนผืนนั้นอย่างเหม่อลอย
หยกนภาไม่พูดอะไร
กู้ซีจิ่วคล้ายจะรำพึงรำพันกับตัวเอง และคล้ายจะพูดให้หยกนภาฟัง “ข้ารู้สึกว่าข้าน่าจะมีความเกี่ยวข้องกับเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนอยู่บ้าง ข้ามักจะเกิดภาพหลอน มีหนึ่งหญิงหนึ่งชายอยู่ด้วยกัน ท่าทางรักใคร่กันยิ่งนัก พฤติกรรมที่พวกเขาอยู่ร่วมกันเหมือนกันแต่งงานกันแล้ว สนิทสนมแนบชิดยิ่ง…ข้ารู้สึกว่าชายหญิงคู่นั้นคือข้ากับเขา แต่ข้าตรวจสอบร่างกายตัวเองดูแล้ว ข้ายังบริสุทธิ์อยู่…”
หยกนภาอ้าปากหวอ มันนึกไม่ถึงเลยว่าสวรรค์จะลบล้างร่องรอยของตี้ฝูอีไปจนหมดสิ้นเช่นนี้! แม้แต่เรื่องนี้ก็ลบทิ้งไปด้วย
ประหลาด ในเมื่อลบทิ้งไปอย่างหมดจดถึงเพียงนี้ เหตุใดเจ้านายยังเกิดภาพหลอนอยู่เล่า?
หรือเจ้านายจะหมกมุ่นในตัวตี้ฝูอีอย่างมากมายมหาศาล ถึงขนาดที่ว่าอยู่ใรสถานการณ์เช่นนี้แล้วก็ยังเกิดภาพหลอนได้?!
อนิจจา ตี้ฝูอีดับขันธ์ไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว เขาไม่ได้อยู่ที่ดินแดนเบื้องบน…
โชคดีที่กู้ซีจิ่วเสียความทรงจำไปแล้ว หากว่าความทรงจำของนางยังอยู่ครบถ้วน แล้วได้รับข่าวที่โหดร้ายเช่นนี้ที่ดินแดนเบื้องบน จะส่งผลกระทบต่อนางอย่างร้ายแรงปานใดกันนะ?!
ขณะที่หยกนภากำลังใจลอยอยู่ จู่ๆ กู้ซีจิ่วก็เอ่ยถามมันอีกประโยคหนึ่ง “เสี่ยวชาง หวงถูที่เจ้าถามถึงคือเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนใช่ไหม? เจ้าตอบข้ามาตามจริงนะ!”
ความซวยมาเยือนหยกนภาแล้ว…
ไม่อาจโป้ปดต่อเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ หยกนภาจึงไม่รู้ว่าควรตอบอย่างไรดีไปชั่วขณะ ผ่านไปพักหนึ่งถึงเอ่ยตอบว่า ‘น่า…น่าจะกระมัง’
“เช่นนั้นสิ่งที่เรียกว่าสหายของเจ้าบ่งชี้ถึงผู้ใด? เจ้าถามแทนผู้ใด?” กู้ซีจิ่วบีบต้อนไปทีละก้าวๆ
หยกนภานิ่งงัน จู่ๆ มันก็สำนึกเสียใจขึ้นมาแล้วที่ให้เจ้านายถามเรื่องของหวงถูแทนตนตอนที่อยู่ดินแดนเบื้องบน ยามนี้ถูกเจ้านายไล่ต้อนอย่างกระชั้นชิด มันรับมือไม่ไหวจริงๆ!
สายตาของกู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างมันทันที “เสี่ยวชาง เจ้ายังจำเรื่องของเทพศักดิ์สิทธิ์องค์ก่อนได้ใช่ไหม?!”
‘ข้า…’ สวรรค์โปรดประทานอัสนีให้ผ่าลงมาสักสายเถิด มันก็อยากความจำเสื่อมเหมือนกัน!
ไม่อาจมุสาโป้ปดกับเทพศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เรื่องที่เกี่ยวพันต่อลิขิตสวรรค์มันก็ไม่อาจพูดได้เช่นกัน
ช่างกลืนไม่เข้าคายไม่ออกโดยแท้!
มันก็เป็นแค่หยกที่น่าสงสารชิ้นหนึ่ง…
ทำไมต้องไล่ต้อนมันขนาดนี้ด้วย…
“เจ้ายังจำได้!” ครั้งนี้กู้ซีจิ่วแน่ใจแล้ว!
เจ้านี่กินปูนร้อนท้องเหลือเกิน…
หยกนภาขดตัวจนกลมดิกอยู่ตรงนั้น มันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!
กู้ซีจิ่วหยิบมันขึ้นมา “พูดมา ข้ากับเขาเป็นอย่างไรกันแน่? พูดมาตามจริง!”
หยกนภาตัดสินใจเอ่ยไปว่า ‘เจ้านาย เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงลิขิตสวรรค์ ข้าบอกไม่ได้จริงๆ เพียงแต่ ข้าอยากเกลี้ยกล่อมท่านสักประโยค มองไปยังเบื้องหน้าเถิด อนาคตของท่านยังอีกยาวไกลนัก เหตุใดต้องยึดติดกับอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วด้วยเล่า? ถึงอย่างไรอดีตเหล่านั้นก็หวนกลับมาไม่ได้อีกแล้ว!’
—————————————