ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1947+1948
บทที่ 1947 ยิ่งติดงอมแงม
เมื่อจ้องมองหินผลึกก้อนนี้ไปสักพักก็รู้สึกมึนงงจริงๆ กู้ซีจิ่วรีบละสายตาหันไปคุยกับหัวหน้าท่านนั้น
เธอปากหวาน ลอกเลียนแบบนิสัยของเหล่าฝู หลอกล่อใช้ประโยชน์จากหัวหน้าผู้นั้นอย่างสุขุมเยือกเย็น ระหว่างที่พูดคุยกัน กู้ซีจิ่วจงใจหยิบเกมโดมิโนหยกชุดหนึ่งออกมา บอกว่าพบสิ่งนี้ที่ตลาดด้านนอก มีคนสอนวิธีการเล่นให้เธอ อยากจะลองเล่นกับหัวหน้าดูสักตา
ดินแดนนี้ไม่มีเกมโดมิโน อย่างน้อยที่สุดทุกคนในที่นี้ไม่มีใครเคยพบเห็น
หัวหน้าผู้นั้นฟังเธอพูดถึงกฏกติกาแล้วรู้สึกประหลาดใจ จึงเรียกลูกน้องอีกสองคนมา ทั้งสี่คนร่วมเล่นเกมด้วยกัน
ผู้อารักขาที่นี่ทั้งหมดมีแปดคน ล้วนอยู่ในขั้นเสินจวิน อันที่จริงการอารักขาค่ายกลหินผลึกอยู่ทุกวันก็เป็นเรื่องน่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก
หัวหน้าผู้นั้นคิดว่าไม่เป็นอะไร ดังนั้นจึงให้คนที่เหลืออีกสี่คนคอยอารักขาค่ายกลหินผลึก เขากับลูกน้องอีกสามคนเล่นเกมโดมิโนด้วยกัน
เป็นเช่นนี้เรื่อยไปจนยิ่งมีฝีมือมากขึ้นเรื่อยๆ แน่นอนว่าก็ยิ่งติดงอมแงมเช่นกัน
ทุกคนก็อดไม่ได้ที่จะตะโกนโหวกเหวก ดึงดูดลูกน้องคนอื่นอีกสี่คนให้เข้ามาดู
แรกเริ่มหัวหน้าผู้นั้นยังคงตื่นตัวยิ่งนัก คอยมองค่ายกลหินผลึกเป็นครั้งคราว ซ้ำยังต่อว่าคนอื่นอีกสี่คนที่มามุงดูอีกด้วย ให้พวกเขาไสหัวกลับไปอารักขาค่ายกลต่อ
ทว่าต่อมาเขาเล่นจนติดงอมแงม ทำเป็นปิดตาข้างหนึ่งเมื่อมีลูกน้องคนอื่นมามุงดู ท้ายที่สุดทุกคนต่างมารวมตัวกันเป็นวงกลม มีทั้งคนเล่นและคนดู บรรยากาศครึกครื้นเป็นอย่างยิ่ง…
กู้ซีจิ่วรู้สึกว่าเริ่มได้ที่แล้ว จึงยกนิ้วมือขึ้นเล็กน้อยขณะเล่นเกมโดมิโน
แล้วนับถอยหลังในใจ “สามสิบ ยี่สิบเก้า ยี่สิบแปด…”
เมื่อนับถึงเลขตัวสุดท้าย ‘หนึ่ง’ เธอก็พ่นคำว่า “ล้ม!” เบาๆ
และการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันก็เกิดขึ้นในพริบตา หัวหน้าผู้นั้นหัวเราะเริงร่าตอนเพิ่งชนะได้ตาหนึ่ง จู่ๆ เบื้องหน้าพลันพร่ามัว ล้มลงพื้นเสียงดังตึง
คนอื่นก็เป็นเช่นเดียวกัน บางคนกำลังจับตัวโดมิโน ยังไม่ทันได้เห็นแต้มอย่างชัดเจนก็ล้มตึงลงไปเสียแล้ว
กู้ซีจิ่วมองดูคนทั้งวงที่ล้มระนาวลงไป ริมฝีปากโค้งยิ้มบางๆ
ถึงแม้เธอไม่มีพลังวิญญาณ ทว่าวิชาพิษของเธอก็เลิศล้ำยิ่งนัก!
เนื่องจากโดยปกติเธอจะซัดคนจนร้องเรียกบิดามารดาได้อย่างง่ายดาย เธอจึงไม่ได้ใช้วิชาพิษมานานแล้ว
ยามนี้ได้ลองใช้มันสักหน่อยก็ไม่เลวเหมือนกัน ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก!
เธอใช้พลังวิญญาณไม่ได้ ดังนั้น เธอในตอนนี้จึงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของผู้ใดทั้งนั้น เมื่อเธอวางยาก็ต้องทำให้พวกเขาล้มลงไปพร้อมกันเท่านั้น หากมีใครคนใดคนหนึ่งตื่นตัว วินาทีต่อมาเธออาจจะถูกจับได้ กลายเป็นล้มเหลวในขั้นสุดท้าย!
พิษชนิดนี้จะมีผลมากที่สุดก็ต่อเมื่อคนไม่มีความระแวดระวัง ดังนั้นเธอจึงใช้วิธีการเล่นเกมโดมิโนเพื่อกำจัดความระแวดระวังของพวกเขาก่อน เมื่อพวกเขาติดงอมแงมและไม่ได้เตรียมการป้องกันอย่างแท้จริงจึงค่อยๆ วางยา ถึงทำสำเร็จได้ในคราเดียว!
ทว่า หัวหน้าผู้นั้นก็นับว่ามีความสามารถมากจริงๆ ถึงแม้ร่างกายเขาจะอ่อนปวกเปียกอยู่บนพื้นทว่าไม่ได้สลบไป แววตาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟของเขากำลังจ้องมองกู้ซีจิ่ว ริมฝีปากกระตุกเล็กน้อยเหมือนต้องการจะตะโกนถามบางอย่าง ทว่าลิ้นกลับคล้ายไม่เป็นของตัวเอง เขาได้แต่ทำเสียงหวีดหวีวในลำคอสองครา ไม่รู้เลยจริงๆ ว่าเขาพูดอะไร
กู้ซีจิ่วคร้านที่จะสนใจเขา ปลิดชีพเขาในทันที!
เธอไม่สนใจอีกหกคนที่เหลือ เพราะเธอรู้ว่าอย่างไรพวกเขาก็ไม่รอด
เมื่อสักครู่กู้ซีจิ่วได้ข้อมูลบางอย่างจากการพูดคุยกับคนเหล่านี้ตอนเล่นเกมโดมิโน
มนุษย์ครึ่งสัตว์เหล่านี้ล้วนเป็นคนที่โหดเหี้ยมเลวทรามมาก ตอนอยู่ด้านนอก ก็สังหารคนวางเพลิง ก่อกรรมทำเข็ญ ไม่รู้ว่ามือของพวกเขาแปดเปื้อนโลหิตของคนมากมายตั้งเท่าใด
พวกเขาเคยเป็นคนของลัทธิมาร หลบหนีออกมาเนื่องจากไม่ปฏิบัติตามกฏเกณฑ์ของราชามารหนิงเสวี่ยโม่ ต่อมาก็มาอยู่กับเจ้าวังน้อยผู้นี้
———————————————————————-
บทที่ 1948 ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่
เจ้าวังน้อยใช้โอสถหลายชนิดกับพวกเขา ทำให้ร่างของพวกเขาเกิดการกลายพันธุ์ ถึงได้กลายเป็นมนุษย์ครึ่งสัตว์เช่นนี้…
เมื่อพวกเขาฝึกฝนจนถึงระดับนี้แล้ว ยามที่อยู่ภายนอก พวกเขาจะเก็บซ่อนร่างสัตว์เอาไว้ ทำตัวเหมือนคนปกติทั่วไป
ฟังจากคำพูดของพวกเขา เจ้าวังน้อยผู้นี้นำเด็กมาหลอมโอสถสามครั้งแล้ว ทว่าล้วนแต่ล้มเหลวในขั้นสุดท้ายทั้งสิ้น
ทุกครั้งจะใช้เด็กทั้งหมดสิบแปดคน กล่าวอีกอย่างคือสังเวยชีวิตเด็กน้อยไปแล้วห้าสิบสี่คน…
นี่คือเหตุผลว่าทำไมเจ้าวังน้อยถึงเชื่อฟังคุณชายฝูอี เขามีวิธีทำให้ขั้นสุดท้ายสำเร็จ ถึงได้ปฏิบัติต่อเขาอย่างสุภาพเช่นนี้
ระหว่างที่พูดคุยกัน กู้ซีจิ่วก็ได้รู้ว่าคนเหล่านี้ไม่ทราบจริงๆ ว่าตัวการใหญ่คือผู้ใด ข่าวที่เธออยากรู้ไม่ต่างไปจากที่หลอกถามระหว่างสนทนากันก่อนหน้านี้เท่าไหร่
กู้ซีจิ่วย่อมจัดการพวกเขาอย่างไม่เกรงใจอีกต่อไป ส่งพวกเขาไปเยือนปรโลกเสีย!
เมื่อเธอจัดการคนพวกนี้เรียบร้อย ก็ไม่โอ้เอ้ชักช้าอีกต่อไป ทะยานกายขึ้นมา ตรงเข้าใกล้เขาหินผลึกทันที ก่อนยื่นมือไปแก้กลไกตรงนั้น รอจนเส้นทางขึ้นสู่ด้านบนปรากฏออกมา ถึงได้ก้าวปีนขึ้นไป…
ที่นี่ไม่สามารถใช้วิชาตัวเบาพุ่งทะยานขึ้นไปทันทีได้ เนื่องจากถ้าเหยียบบันไดไม่ครบทุกขั้น จะทำให้สัญญาณเตือนภัยบนเขาหินผลึกดังขึ้น…
ในไม่ช้า เธอก็ขึ้นมาถึงส่วนยอดแล้ว จากนั้นกระโจนไปที่ร่างมังกรดำ ก้าวกระโดดไปยังส่วนหัวของมังกรดำ
กลไกสำหรับปิดหินผลึกสีแดงนั้นอยู่ตรงเขามังกร ขอเพียงเธอกดแผ่นเกล็ดชิ้นหนึ่งที่อยู่ตรงเขามังกรได้ก็จะปิดกลไกหินผลึกสีแดงนั้นได้แล้ว พลังยุทธ์ของเธอจะฟื้นฟูกลับมาทันที เมื่อถึงเวลานั้นค่อยใช้พลังวิญญาณทำลายหินผลึกสีแดงให้สิ้นซากก็ยังไม่สาย…
เธอเพิ่งจะเข้าใกล้ส่วนหัวของมังกรดำ จู่ๆ ก็รู้สึกได้ว่ารอบข้างมืดมนเยียบเย็นขึ้นมากะทันหัน น้ำเสียงยะเยือกดังขึ้น “นังตัวดี ที่แท้เจ้าก็อยู่ที่นี่!”
ลำแสงสีแดงสายหนึ่งพุ่งเข้าใส่กู้ซีจิ่ว!
กู้ซีจิ่วใจหายวาบ กระโดดพลิกกายกลางอากาศคราหนึ่ง ลำแสงสีแดงสายนั้นเฉียดผ่านฝ่าเท้าของเธอไป กระแทกใส่กำแพงอย่างจัง
เกิดเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหว กำแพงนั้นถูกกระแทกจนเกิดเป็นตาน้ำสายหนึ่ง ของเหลวสีเขียวนับไม่ถ้วนหลั่งรินออกมาเสมือนจะฉีดพ่นใส่กู้ซีจิ่ว!
กู้ซีจิ่วไม่ทันได้ใคร่ครวญ ใช้วิชาตัวเบาอันล้ำเลิศหลบหลีกอยู่บนหลังของมังกรดำอย่างต่อเนื่อง ทักษะการต่อสู้ของเธอน่าตกตะลึงพอแล้ว ก็ยังถูกของเหลวสีเขียวนับไม่ถ้วนไล่ตามปานกระสุนปืนใหญ่…
เห็นได้ชัดว่าของเหลวสีเขียวเหล่านั้นมีพิษ ยามที่หยดลงบนพื้นจะปรากฏควันสีเขียวที่ฉุนเสียดจมูก
เส้นทางไปสู่เศียรมังกรถูกของเหลวสีเขียวที่เกาะตัวกันอย่างหนาแน่นตัดขาด ส่วนหนทางกลับก็ถูกเจ้าวังน้อยที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นขวางกั้นอยู่!
เจ้าวังน้อยผู้นี้มองกู้ซีจิ่วถูกของเหลวสีเขียวไล่ต้อนให้มุ่งหน้ามาทางตน นัยน์ตาฉายแววอำมหิตแวบหนึ่ง!
นางเดาออกแล้วว่ามนุษย์ครึ่งสัตว์ที่อยู่เบื้องหน้าก็คือเริ่นจ้งเซิงที่นางควานหาตัวไปทั่ววังพฤกษาแล้วก็ยังไม่พบ!
“นังสารเลวเริ่นจ้งเซิง คราวนี้ถ้าข้าหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ ไม่ได้ก็จะไม่เป็นเจ้าวังน้อยแล้ว! เจ้าวังอย่างข้าจะทำให้เจ้ากลายเป็นวิญญาณอาฆาต ให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติจะอยู่ก็ไม่ได้ จะตายก็ไม่ดี!”
ดาบโลหิตเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือนาง ตัวดาบเป็นสีโลหิต แต่คมดาบกลับเป็นสีฟ้าอ่อน ส่องประกายยะเยือกปานลิ้นพิษ
ทันทีที่ดาบเล่มนี้ปรากฏขึ้นในมือนาง ก็มีเสียงโหยหวนคล้ายภูตผีร่ำไห้แว่วออกมาจากตัวดาบ ทำให้คนฟังแล้วเสียวฟันแปลบ!
บรรยากาศรอบข้างที่เดิมทีสงบเงียบราวกับถูกมือที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งปลุกปั่นก่อกวน เกิดลมกรรโชกหนาวยะเยือกขึ้นมาในชั่วพริบตา ปะทะใบหน้าพริ้มเพราของกู้ซีจิ่วจนรู้สึกเจ็บ…
สีหน้ากู้ซีจิ่วแปรเปลี่ยนเล็กน้อย ไม่น่าเชื่อว่าพลังวิญญาณของเจ้าวังผู้นี้จะบรรลุขั้นจินเซียนกับอีกแปดส่วนแล้ว! ขาดอีกเพียงส่วนเดียว พลังวิญญาณก็จะทะลวงสู่ขั้นซ่างเซียนได้!
กู้ซีจิ่วที่ใช้พลังวิญญาณไม่ได้ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับนางเช่นนี้ เป็นการนำไข่ไปกระทบหินอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
——————————-