ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 1959+1960
บทที่ 1959 มิเช่นนั้นเขาคงต้องตกที่นั่งลำบากแล้ว…
ยามนี้กู้ซีจิ่วยังกระโจนเข้าไปอีก…
นางจะเกิดอุบัติเหตุขึ้นเหมือนกันหรือไม่?!
อวี่หังเจินเหรินมองโพรงนั้นด้วยสายตาซับซ้อน ที่แท้เด็กสาวผู้นี้เป็นทารกอัจฉริยะมาจากที่ใดกันแน่? เก่งกาจอย่างน่าเหลือเชื่อได้ถึงเพียงนี้!
เขาไม่กังวลว่ากู้ซีจิ่วจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เด็กสาวผู้นี้กระทำการรอบคอบ ชิงหลัวศิษย์ของตนไม่มีทางเทียบกับนางได้เลย นางลงไปน่าจะไปตามหายาถอนพิษได้…
หนนี้อวี่หังเจินเหรินพาคนมาด้วยไม่น้อย อัจฉริยะในสังกัดแทบทั้งหมดล้วนออกโรง
แถมเขายังติดต่อสหายคนอื่นๆ ไว้มากมายด้วย คนเหล่านั้นก็แห่แหนกันมาเช่นกัน
ยามที่พวกอวี่หังเจินเหรินกับกู้ซีจิ่วพูดคุยกันอยู่ที่นี่ คนเหล่านั้นก็กำลังทำการกวาดล้างอยู่ทั่ววังพฤกษา
มนุษย์ครึ่งสัตว์ที่ร้ายกาจที่สุดในวังเกิดทีก็ถูกเจ้าวังน้อยเรียกตัวมาที่นี่หมด แล้วถูกกู้ซีจิ่วกับเสินเนี่ยนโม่สังหาร
ถึงแม้ในวังพฤกษาแห่งนี้จะมีมนุษย์ครึ่งสัตว์อยู่มากมาย แต่หลังจากพบว่าสถานการณ์ผิดปกติ ส่วนใหญ่ก็หลบหนีไปหมดแล้ว ยังมีบางส่วนที่ปฏิกิริยาตอบสนองค่อนข้างช้าจึงถูกสกัดไว้ในวังพฤกษา หลังจากต่อสู้พัวพันกันอยู่ระยะหนึ่ง ก็ถูกเหล่าศิษย์อัจฉริยะของสำนักเหล่านั้นจับเป็นได้…
วังพฤกษาแห่งนี้มีเส้นทางเรือนพันเรือนหมื่น ราวกับถ้ำวงกตขนาดมโหฬาร ถ้าต้องการจะเก็บกวาดให้สิ้นซากก็ต้องสิ้นเปลืองเวลายิ่งนัก
ศิษย์สองคนของตนต้องพิษร้าย อวี่หังเจินเหรินค่อนข้างรักถนอมศิษย์ เกรงว่าพวกเขาจะเกิดเหตุฉุกเฉินขึ้น รีบเอ่ยกับเสินเนี่ยนโม่ว่า “เนี่ยนโม่ เจ้าพาพวกเขาแยกไปก่อนเถอะ ให้พวกเขาแช่น้ำเย็นตามที่จ้งเซิงสั่งการไว้ อาจารย์จะคอยนางอยู่ที่นี่”
เสินเนี่ยนโม่ส่ายหน้า “ท่านพาพวกเขาแยกไปก่อนเถอะขอรับ ศิษย์จะตามเข้าไปดู!” เขาพลันเขย่งกาย กระโดดเข้าอุโมงค์นั้นไปเช่นกัน
อวี่หังเจินเหรินตะลึงงัน
เขาพุ่งตามไปสองก้าว “เนี่ยนโม่!” เด็กคนนี้จะประสบเหตุอันใดไม่ได้เด็ดขาด! มิเช่นนั้นเขาคงต้องตกที่นั่งลำบากแล้ว…
“อาจารย์ ข้าไม่เป็นไร ท่านพาพวกเขาไปก่อนเถอะ!” เสียงของเสินเนี่ยนโม่แว่วออกมาจากในโพรง
อวี่หังเจินเหรินยังคงเป็นกังวล “จ้งเซิงล่ะ? ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไร พวกเรากำลังจะไปตามหายาถอนพิษขอรับ”
อวี่หังเจินเหรินถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาก็ไม่กล้าชักช้าแล้วเช่นกัน พาศิษย์ที่เหลือจากไป
….
ภายในอุโมงค์ กู้ซีจิ่วประหนึ่งปุยนุ่น ก้าวเดินปานเหินบิน สายตาไม่ปล่อยผ่านซอกมุมใดๆ ภายในอุโมงค์เลย…
อุโมงค์นี้ลึกยิ่งนัก ลึกจนมองไม่เห็นก้น และมืดมิดอย่างยิ่ง หากมิใช่เพราะกู้ซีจิ่วฝึกฝนพลังวิญญาณจนถึงขั้นนี้แล้ว เกรงว่าเธอคงต้องกลายเป็นคนตาบอดอยู่ด้านในนี้เสียแล้ว
พิษที่ชิงหลัวได้รับเมื่อครู่นี้เป็นพิษงูชนิดหนึ่ง จะต้องใช้ดีงูจากงูชนิดเดียวกันถึงจะสามารถขจัดพิษงูอย่างสมบูรณ์ได้
เมื่อครู่นี้ชิงหลัวเข้ามาแค่ไม่กี่วินาทีก็ถูกฉกเสียแล้ว นั่นแสดงว่างูตัวนี้น่าอยู่ในละแวกปากอุโมงค์นี้
อุโมงค์นี้เป็นเส้นทางหนีเอาชีวิตรอดของเจ้าวังน้อยผู้นั้น ด้านในย่อมเต็มไปด้วยกลไกสารพัด เพื่อให้แน่ใจว่านางจะเล่นงานคนที่ไล่ตามมาได้หลบหนีไปอย่างราบรื่นได้ นี่คือสาเหตุที่พอเสินเนี่ยนโม่เห็นชิงหลัวกระโจนลงมา ก็รีบลากนางขึ้นไปทันที
เขาก็คาดไม่ถึงเช่นกันว่าตนเคลื่อนไหวรวดเร็วถึงเพียงนี้แล้ว แต่ชิงหลัวก็ยังถูกฉกอยู่…
ปกติแล้วงูชนิดนี้หายากยิ่งนัก ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่วก็ไม่ยังเคยพบมาก่อน เพียงแต่เธอเคยศึกษาค้นคว้าจากคัมภีร์พิษที่ตี้ฝูอีทิ้งไว้ให้ ทราบอาการและวิธีแก้ของพิษชนิดนี้
ปกติแล้วงูนี้น่าจะถูกเจ้าวังน้อยเลี้ยงไว้ที่ไหนสักแห่งในอุโมงค์แห่งนี้ ยามจะหนีเอาชีวิตรอดถึงได้ปล่อยออกมา
งูชนิดนี้เป็นสีดำทั้งร่าง และที่นี่ก็มืดมิดเหลือแสน ต่อให้เป็นกู้ซีจิ่วก็ไม่กล้าประมาท ค้นหาอยู่ด้านในอย่างระมัดระวังยิ่ง
เพียงแต่เธอเพิ่งเข้ามาได้ไม่ถึงครึ่งนาที ก็ได้ยินเสียงสายลมเหนือศีรษะ จึงถอยหลังไปตามสัญชาตญาณ มองเห็นเสินเนี่ยนโม่กระโดดลงมาอย่างสง่า ร่อนลงข้างกายเธอ
กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว “ที่นี่อันตราย ขึ้นไป!”
————————————————————————-
บทที่ 1960 มีของล้ำค่านี้จริงหรือ?!
เสินเนี่ยนโม่มองนางเพียงแวบหนึ่งแล้วเอ่ยถาม
“งูตัวนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร?”
“งูตัวนั้นเคลื่อนไหวรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เจ้าอยู่ที่นี่ไม่ปลอดภัย เนี่ยนโม่ เจ้าขึ้นไปก่อน…”
กู้ซีจิ่วพูดเร็วมาก แทบอยากจะโยนเสินเนี่ยนโม่ขึ้นไป
พลังวิญญาณของเธออยู่ขั้นซ่างเซียน อีกทั้งยังใช้พิษมาเป็นเวลานาน ร้อยพิษไม่กล้ำกราย ดังนั้นเธอจึงไม่กลัวจะถูกงูพิษนี้กัด หรือหากถูกกัดเข้าจริงๆ เธอกินยาต้านพิษงูเพียงนิดเดียวก็หายแล้ว
ทว่าเสินเนี่ยนโม่ไม่ได้ ร่างกายเขายังอยู่แค่ขั้นจินเซียน หากโดนกัดเข้าจะถูกพิษอย่างแน่นอน!
เสินเนี่ยนโม่มองนางแวบหนึ่ง
“เรียกข้าว่าฝูอี!”
กู้ซีจิ่วนิ่งอึ้ง
“ได้ ฝูอี เจ้าขึ้นไปก่อน ร่างกายน้อยๆ ของเจ้ามิอาจถูกมันกัดได้…”
กู้ซีจิ่วโน้มน้าวอีกครั้ง
ร่างกายน้อยๆ?!
เสินเนี่ยนโม่กัดฟันกรอด ดูเหมือนพอนางรู้ตัวตนก็จะมองเขาเป็นเด็กน้อยตลอดเวลา…
เขาคร้านที่จะพูดจากับนางอีก ควานหาไข่มุกสีขาวจางเม็ดหนึ่งออกมาแล้วดีดมันด้วยปลายนิ้ว ไข่มุกค่อยๆ สว่าง ส่องแสงขึ้นภายในอุโมงค์…
กู้ซีจิ่วตกใจ ยกมือขึ้นป้องไข่มุกเม็ดนั้น
“สว่างขนาดนี้จะทำให้งูตกใจกลัวหนีไปหมด! เจ้าไม่อยากช่วยศิษย์น้องชายหญิงของเจ้าแล้วหรือ?”
ปลายนิ้วของเสินเนี่ยนโม่ดีดไข่มุกเบาๆ พร้อมกันกับที่มือเล็กของนางป้องเข้ามา ไข่มุกเม็ดนั้นโบยบินออกไปดุจดาวตก
มือเล็กของกู้ซีจิ่วไม่ได้ป้องถูกไข่มุก ทว่ากลับตีเข้ากลางฝ่ามือของเขา ถูกเขาจับกุมไว้แน่น
“ชู่ อย่าขยับ”
ฝ่ามือของเขาใหญ่และอบอุ่น เมื่อกู้ซีจิ่วถูกเขากุมจับไว้ หัวใจพลันเต้นรัวอย่างมิอาจบรรยายได้ มีอาการใจสั่นเล็กน้อย
ทว่าอาการใจสั่นนี้เกิดขึ้นเพียงชั่วพริบตาเดียว เมื่อเธอคิดว่าอีกฝ่ายเป็นแค่เด็กอายุหกขวบ อาการใจสั่นของเธอก็เลือนหายไป เกิดสัญชาตญาณความเป็นแม่ขึ้นมา…
เธอชักมือตัวเองออกจากฝ่ามือของเขา และยังกลัวว่าจะทำร้ายหัวใจดวงน้อยที่เปราะบางของเขา เธอดึงมือกลับมาอย่างแรงก่อนที่จะตบหลังมือของเขาอย่างเยือกเย็น
“อย่าก่อเรื่อง งูกลัวแสงจ้า รีบเก็บไข่มุกของเจ้ากลับคืนมา…”
กู้ซีจิ่วพูดพลางสะบัดแขนเสื้อปานเมฆาเคลื่อนม้วนไข่มุกเม็ดนั้นกลับมาให้เขา
เสินเนี่ยนโม่คว้าแขนเสื้อของนางไว้อีกครั้ง
“วางใจเถิด นั่นคือมุกอสรพิษ งูตัวไหนเห็นมันแล้วจะต้องเข้ามาใกล้!”
มุกอสรพิษ?!
มีของล้ำค่านี้จริงหรือ?!
เดิมทีกู้ซีจิ่วเพียงแค่เคยได้ยินว่ามีของล้ำค่าชนิดนี้ นึกไม่ถึงว่าวันนี้จะได้มาเห็นของจริง จึงอดมองให้มากหน่อยไม่ได้
มุกนั้นดูเหมือนไม่ส่องสว่างมากนัก ลำแสงที่ปล่อยออกมาเย็นสบาย นุ่มนวลเป็นอย่างยิ่ง ภายใต้ลำแสงสาดส่องของมุกนั้น บริเวณทางเข้าอุโมงค์สว่างไสวทุกอณู แม้แต่ขนสัตว์เส้นหนึ่งก็มองเห็นได้
กู้ซีจิ่วกลั้นลมหายใจไว้เล็กน้อย เธอได้ยินเสียงสวบสาบแล้ว!
นี่ก็คือเสียงสัตว์เลื้อยคลานเคลื่อนตัว อีกทั้งฟังจากเสียงแล้ว ไม่ได้มีงูแค่เพียงชนิดเดียว!
สัตว์มีพิษแต่ละตัวที่เคลื่อนตัวอยู่ในที่แห่งนี้ร้ายกาจไม่ใช่ย่อย กู้ซีจิ่วเกรงว่าเสินเนี่ยนโม่จะถูกงูกัดเข้าจึงลากเขาไปข้างหลังตัวเอง
“อย่าเดินมั่วซั่ว ระวังด้วย”
เสินเนี่ยนโม่หลุบตาลงมองนาง รูปร่างของนางอรชรอ้อนแอ้น สูงเพียงแค่เมตรหกสิบโดยประมาณ เขาก้มหน้าลงเพียงเล็กน้อยก็ได้กลิ่นหอมจางๆ จากเส้นผมของนาง
แม่นางที่เอวบางร่างน้อยเช่นนี้ยืนอยู่ด้านหน้าชายชาตรีอย่างเขาในฐานะผู้คุ้มกัน…
จู่ๆ เขาก็หัวเราะอย่างไร้ซุ่มเสียง!
มือข้างหนึ่งของเขาพาดบนไหล่ของนาง ส่งเสียงอืมคราหนึ่ง
“เจ้าต้องปกป้องข้าให้ดี…”
กลิ่นอายของเขาโชยอยู่ด้านหลังเส้นผมของเธอ อบอุ่นอยู่บ้างเล็กน้อย ปลายจมูกกู้ซีจิ่วได้กลิ่นหอมเย็นจางๆ บนตัวเขา หัวใจพลันสั่นไหวอีกครั้งอย่างไม่อาจบรรยายได้
เธอรู้สึกว่าท่าทีของเสินเนี่ยนโม่ที่ปฏิบัติต่อเธอคล้ายจะแปลกไปอยู่บ้าง ทว่าเธอก็ไม่ได้คิดมาก
———————–