ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2053+2054
บทที่ 2053 เอาคืน 3
เถี่ยหลิวเอ่ยอย่างโกรธเคืองว่า
“น้ำเต้าวิเศษของข้าก็ถูกท่านทำลายไปแล้ว! สัตว์เซียนตัวนี้ของท่านเพียงได้รับโทษทัณฑ์เล็กน้อยเท่านั้น คำนวณดูแล้วยังคงเป็นอารักษ์อย่างข้าที่ขาดทุนมหาศาล!”
นัยน์ตากู้ซีจิ่วลุ่มลึกเล็กน้อย
“กล่าวเช่นนี้คือ ผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าไม่สมควรลงโทษเจ้าอีกงั้นหรือ?”
“แน่นอน! ไม่เพียงแต่ไม่ควรลงโทษข้าเท่านั้น เจ้าหอยตัวนี้ก็ปล่อยไปไม่ได้เช่นกัน! ถึงแม้มันจะไม่ใช่คนร้ายในคดีสัตว์เซียนหายตัวไป แต่ถึงอย่างไรมันก็สังหารเสินจวินไปสามคน ตามกฎหมายของแดนพ้นโศกแล้ว ไม่ว่าสัตว์เซียนจะทำร้ายมนุษย์ด้วยสาเหตุอะไร มันก็ต้องได้รับโทษทัณฑ์ตามสมควร!”
เสียงของเถี่ยหลิวกึกก้องทรงพลัง
เจ้าหอยยักษ์สะดุ้งโหยง มองไปที่เจ้านายของบ้านตน กู้ซีจิ่วกลับแย้มยิ้ม ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา
“เห็นทีว่าถ้าผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าไม่แสดงบารมี เจ้าคงจะเห็นผู้ทรงศักดิ์เช่นข้าเป็นแมวป่วยเข้าจริงๆ!”
เมื่อเอ่ยสามคำสุดท้ายออกมา เธอก็โบกแขนเสื้อคราหนึ่ง เกิดแสงจ้าแยงตา…
เข็มเงินนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าใส่เถี่ยหลิวปานพายุฝนถาโถม!
….
อารักษ์เถี่ยหลิวที่เปรียบดั่งหอคอยได้กลายเป็น ‘เม่นขนเงิน’ ตัวหนึ่งไปแล้วจริงๆ ทั่วทั้งร่างล้วนเนืองแน่นไปด้วยเข็มเงินที่ส่องประกายแวววาว เข็มเงินเหล่านี้เฉียบบางดั่งเส้นไหม แต่เมื่อปักลงบนร่างแล้วกลับเจ็บปวดเสมือนถูกแตนต่อย…
ทุกคนล้วนคาดไม่ถึงว่ากู้ซีจิ่วจะลงมือ ยิ่งคาดไม่ถึงด้วยว่าเธอจะลงมือได้รวดเร็วปานนี้ ชั่วขณะที่ตกตะลึงกันอยู่เถี่ยหลิวก็ถูกทิ่มจนกลายเป็นเช่นนี้ไปแล้ว…
เถี่ยหลิวมีเวลาเพียงพอจะปกป้องใบหน้าที่ยังพอนับได้ว่าอันหล่อเหลาของเขาไว้เท่านั้น เขาก็ถือว่าเป็นชายชาตรีคนหนึ่ง ทว่าเจ็บปวดจนต้องร้องครวญครางออกมาอย่างอดไว้ไม่อยู่ แทบจะเต้นผางอยู่ตรงจุดเดิมแล้ว
กู้ซีจิ่วดีดนิ้วเล็กน้อย
“สัตว์เซียนของข้าผู้ทรงศักดิ์เปรียบเสมือนคนในครอบครัว น้ำเต้าของเจ้าหมื่นลูกก็เทียบนิ้วเท้าของมันไม่ได้เลยสักนิ้ว! ยังมีอีก ข้าผู้ทรงศักดิ์มิใช่ชาวแดนพ้นโศกของพวกเจ้า ย่อมไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายแดนพ้นโศกของพวกเจ้า ในสายตาของผู้ทรงศักดิ์อย่างข้า สัตว์เซียนของข้าไม่ด้อยไปกว่าชาวเซียนอย่างพวกเจ้าเลย มันทำร้ายผู้อื่นเพื่อป้องกันตัวก็ไม่ผิด ถ้าคิดจะพามันไป ก็ต้องถามเจ้าของอย่างข้าดูก่อนว่ายินยอมหรือไม่! น้ำเต้าวิเศษของเจ้าก็ชดใช้ความผิดไปเล็กน้อยแล้ว ดังนั้นผู้ทรงศักดิ์อย่างข้าจึงไม่ให้เจ้าได้ลิ้มรสชาติความทรมานของการแช่แข็งรมความร้อนสูง เพียงให้ลิ้มรสการถูกปักจนกลายเป็นเม่นเท่านั้น”
อารักษ์ทั้งสามหน้าเปลี่ยนสีกันหมดแล้ว!
พวกเขาเคยได้ยินเพียงว่าวรยุทธ์ของคนลึกลับหน้ากากผีกล้าแกร่ง ทว่าไม่นึกเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้!
ความเร็วว่องไวถึงเพียงนี้ ทักษะแม่นยำถึงเพียงนี้ พลังวิญญาณก็แกร่งกล้าปานนี้ วรยุทธ์พิสดารปานนี้ เกรงว่าแม้กระทั่งจักรพรรดิเซียนองค์ปัจจุบันก็คงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนาง และมีเพียงคู่มหาเทพสามีภรรยาที่พอจะต่อกรได้…
เดิมทีพวกเขายังคงคิดอยู่ว่าหลังจากต่อปากต่อคำกับกู้ซีจิ่วแล้ว จะฉวยโอกาสตอนกู้ซีจิ่วไม่ทันระวัง ลอบโจมตีนาง จับตัวเจ้าหอยยักษ์แล้วพาไปรับโทษ แต่หลังจากกู้ซีจิ่วสำแดงกระบวนท่านี้แล้ว พวกเขาก็ไม่กล้าเคลื่อนไหวง่าย ๆแล้ว
บุรุษที่ดีควรล่าถอยยามเมื่อเข้าตาจน…
ท้ายที่สุดแล้ว หลังจากพวกเขากล่าววาจาตามมารยาทไปไม่กี่ประโยค ก็พาเถี่ยหลิวที่โดนปักจนกลายเป็นเม่นแล้วจากไป
ภายในป่ากลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง…
….
หลงซือเย่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก ยกนิ้วโป้งให้กับกู้ซีจิ่ว
“ซีจิ่ว ยังคงเป็นเจ้าที่เก่งกาจ! โดยทั่วไปแล้วสี่อารักษ์เย่อหยิ่งไม่ควรไปยุแหย่เป็นที่สุด อาศัยอำนาจที่จักรพรรดิเซียนมอบให้พวกเขา คิดจะจับผู้ใดก็จับ คิดจะฆ่าผู้ใดก็ฆ่า ตามปกตินอกเหนือจากจักรพรรดิเซียนแล้ว ชาวเซียนล้วนหวาดกลัวพวกเขา กล้าโกรธเคืองมิกล้าเอื้อนเอ่ย ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะมาเตะถูกตะปูตัวใหญ่อย่างเจ้าเข้าที่นี่ ได้รับบทเรียนอย่างใหญ่หลวงเช่นนี้”
กู้ซีจิ่วยิ้มแวบหนึ่ง เดิมทีเธอยืนอยู่บนโขดหินก้อนหนึ่ง ยามนี้จู่ๆ ร่างกายก็ส่ายโงนเงน พลัดหล่นลงมา!
หลงซือเย่ตกใจมาก รีบพยุงเธอ
“ซีจิ่ว เจ้าเป็นอะไร?”
เมื่อเขาพยุงนางไว้ ถึงสัมผัสได้ว่าอาภรณ์ด้านหลังของนางเปียกชื้น นั่นคือเหงื่อหรือ?!
————————————————————————————-
บทที่ 2054 เอาคืน 4
กู้ซีจิ่วไม่ชินกับการสัมผัสต้องตัวผู้อื่น เธอยังคิดจะดันเขาออก ทว่าถูกหลงซือเย่จับมือไว้ จากนั้นเขาก็พบว่าฝ่ามือนางก็เต็มไปด้วยเหงื่อเช่นกัน
เขาตัดสินใจทันที ปลดหน้ากากของนางออก พบว่าดวงหน้าเฉิดฉันของนางซีดเผือด บนหน้าผากเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ
“ซีจิ่ว!”
เขาร้องเสียงต่ำ ยื่นมือไปจับชีพจรนาง พบว่าชีพจรของนางทั้งร้อนรนทั้งว้าวุ่น นี่คือ..สัญญาณว่าอาการบาดเจ็บเดิมกำลังจะกำเริบ!
“ทำไมเจ้าเป็นแบบนี้ล่ะ?!”
สีหน้าของหลงซือเย่แปรเปลี่ยนแล้ว
ลู่อู๋ก็แบกเจ้าหอยยักษ์วิ่งเข้ามาหาเช่นกัน ล้วนจ้องมองกู้ซีจิ่วด้วยสายตาวิตกกังวล
“เจ้านาย ท่านเป็นอะไร?”
กู้ซีจิ่วหลับตาเล็กน้อยสูดหายใจครู่หนึ่ง ยื่นมือไปดันโอสถที่หลงซือเย่ยื่นให้ออก ล้วงโอสถเม็ดหนึ่งจากมิติเก็บของตนออกมากินนั่งสมาธิอยู่ที่เดิม
หลงซือเย่ไม่กล้ารบกวนนาง ถือกระบี่คอยคุ้มกันอยู่รอบกายนาง
ผ่านไปครู่หนึ่ง กู้ซีจิ่วก็ลืมตาขึ้น เหงื่อบนดวงหน้าเธอหยุดไหลแล้ว แต่สีหน้ายังคงซีดเซียวอย่างยิ่ง เธอถอนหายใจเบาๆ
“ข้าใช้พลังวิญญาณเกินขีดจำกัดแล้ว…”
อาการบาดเจ็บของเธอเดิมทีก็หนักหนายิ่งนักอยู่แล้ว เรียกได้ว่าเพิ่งจะคลานกลับมาจากประตูยมโลก สิ่งที่จำเป็นคือการผักพ่อน
แต่เนื่องจากเธอเป็นห่วงเจ้าหอยยักษ์ จึงลากสังขารที่บาดเจ็บออกมา วรยุทธ์ก็ฟื้นฟูกลับมาเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่เหมาะที่เธอจะใช้พลังวิญญาณจริงๆ
แต่เพราะเธอต้องสยบอีกฝ่าย กระบวนท่าข่มขวัญที่สำแดงทั้งสองครั้งล้วนทุ่มเทพละกำลังทั้งหมดออกไป ครั้งแรกเพื่อทำลายน้ำเต้าวิเศษลูกนั้น ครั้งที่สองคือซัดเข็มเงินเหล่านั้นออกไป…
ผลของการสิ้นเปลืองพลังอย่างมหาศาลก็คืออาการบาดเจ็บเก่ากำเริบ…
“ทำไมเจ้าต้องทุ่มเทขนาดนี้ด้วย?”
หลงซือเย่โมโห
กู้ซีจิ่วหลับตาลง
“หากว่าข้าไม่ใช้วิธีข่มขวัญสยบพวกเขาไว้ ก็จะช่วยเจ้าหอยยักษ์กลับมาไม่ได้…”
อันที่จริงในยามที่เธอทำลายน้ำเต้าลูกนั้นอาการบาดเจ็บเก่าก็ส่งสัญญาณจะกำเริบแล้ว เส้นชีพจรทั่วร่างเจ็บปวดอย่างยิ่ง แต่เธอแอบฝืนเอาไว้ ไม่ปล่อยให้สี่อารักษ์ที่อยู่ตรงข้ามกันมองออก มิเช่นนั้นคงจบเห่ไปแล้ว!
“ครูฝึกหลง ที่นี่มีหลุมพรางอยู่ไม่น้อยเลย…มีบางคนต้องการยัดข้อหาให้ข้า ดังนั้นถึงพุ่งเป้ามาที่เจ้าหอยยักษ์ สี่อารักษ์นี้…เกรงว่าจะไม่ธรรมดา ไม่อาจปล่อยให้เจ้าหอยยักษ์ตกอยู่ในมือของพวกเขาได้ ดังนั้นข้าถึงได้เสี่ยงอันตรายเช่นนี้…”
เธอเพิ่งพูดจบ ใครบางคนก็หัวเราะหยันขึ้นมา
“ที่แท้ท่านผู้สูงศักดิ์ก็เป็นม้าตีนปลายแล้ว…พวกเราไหนเลยจะติดกับท่านได้?”
เมื่อเสียงเงียบลง อารักษ์ทั้งสามก็ปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล
เป็นอารักษ์ลำดับที่หนึ่งเถี่ยเจิง อารักษ์ลำดับที่สองเถี่ยเหลียงและอารักษ์ลำดับที่สี่เถี่ยซู่ ส่วนอารักษ์ลำดับที่สามเถี่ยหลิวกลับไม่เห็นเงาเลย
หลงซือเย่หน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อย วรยุทธ์ของสี่อารักษ์ล้วนเป็นขั้นซ่างเซียนขึ้นไป ในแดนพ้นโศกแทบจะไร้คู่ต่อสู้แล้ว แต่เขากลับเพิ่งถึงขั้นจินเซียน หากสู้กันเข้าจริงๆ เขาไม่มีทางต่อกรได้
ส่วนกู้ซีจิ่วตอนนี้กระทั่งยืนก็ยืนไม่อยู่แล้ว…
“อารักษ์ทั้งสามกลับมาด้วยเหตุใด?”
หลงซือเย่บังกู้ซีจิ่วไว้ด้านหลัง
สายตาของเถี่ยเจิงดุจเหล็กกล้า
“หอยยักษ์เป็นฆาตกรสังหารคน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพากลับไปรับโทษจากฝ่าบาท ส่วนแม่นางท่านนี้ นางทำร้ายเถี่ยหลิว จะต้องมอบคำอธิบายให้เช่นกัน ต้องพาตัวกลับไปด้วย!”
หลงซือเย่ตะลึง เขากำมือแน่น
“หากว่าข้าไม่ยินยอมเล่า?”
น้ำเสียงเถี่ยเจิงเยียบเย็นดังคมมีด
“หลงซือเย่ เจ้าจะกบฏหรือ?!”
สีหน้าหลงซือเย่ซีดขาว
“มิกล้า! ปกป้องนางหาใช่การกบฏไม่ นางเป็นสหายของข้า…”
เถี่ยเจิงยิ้มเย็น
“สหายแล้วอย่างไรเล่า? เพื่อสหายแล้วเจ้าจะต่อต้านกฎหมายของแดนเซียนหรือ?!”
หลงซือเย่ถูกตอกหน้าจนกระอักกระอ่วนแล้ว
“นางมิมีความผิด…”
“นางมีความผิดหรือไม่สมควรให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน! มิใช่เจ้า! พวกเราแค่จะนำตัวนางกลับไป แล้วขอให้ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสิน”
เถี่ยเจิงข่มขู่ปนหลอกล่อ
…..