ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2061+2062
บทที่ 2061 “เด็กน้อย? เจ้าแน่ใจหรือ?!”
ไป๋เจ๋อทนไม่ไหวจึงเอ่ยอธิบาย
“แม่นางกู้ นี่เป็นสิ่งที่จอมมารทิ้งไว้ให้ขอรับ เป็นการรวบรวมหยาดน้ำค้างบนผลไม้ล้ำค่าเหล่านั้นของตำหนักนภาลัยมารวมกัน รวบรวมมาจนหมดถึงได้ขวดนี้มา…ช่วยให้จิตใจสงบมั่นคง ทำให้เลือดลมที่พลุ่งพล่านกลับสู่สภาพปกติ ต่อให้เป็นยามที่ธาตุไฟเข้าแทรกดื่มสิ่งนี้เข้าไปจะเห็นผลชะงัดนัก ประสิทธิภาพเทียบได้กับน้ำทิพย์ของเจ้าแม่กวนอิม”
ที่แท้ก็เป็นแบบนี้!
กู้ซีจิ่วสางขนไป๋เจ๋อ
“สมกับที่เป็นแม่ทัพไป๋โดยแท้”
ไป๋เจ๋อตัวสั่น ตี้ฝูอีมองมือน้อยๆ ของนางที่ยังคงสางขนไป๋เจ๋ออยู่ เอ่ยเนิบๆ ว่า
“ไป๋เจ๋อเป็นบุรุษ ซ้ำยังอายุมากกว่าเจ้ามากมายนัก”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกเลย
เธอย่อมทราบว่าไป๋เจ๋อคือสัตว์เทพที่บำเพ็ญเพียรมากว่าห้าหมื่นปีแล้ว สามารถจำแลงร่างเป็นมนุษย์ได้ตามใจนึก บำเพ็ญจนใกล้จะบรรลุขั้นซ่างเสินแล้ว
ตำแหน่งน่าเคารพยกย่อง ต่อให้จักรพรรดิเซียนพบหน้าเขา ก็ยังต้องทำความเคารพเขาแบบครึ่งพิธีการ
มันที่เป็นเช่นนี้ไม่ใช่สัตว์เดรัจฉานแล้วจริงๆ แต่เป็นซ่างเซียน…
แต่เวลาที่กู้ซีจิ่วพบมัน ส่วนมากมันจะอยู่ในร่างสัตว์ ดังนั้นในจิตใต้สำนึกของเธอ จึงมองมันเป็นสัตว์เซียนเหมือนพวกเจ้าหอยยักษ์ ยามนี้จึงอดไม่ได้ที่จะสางขนให้มัน ลืมเลือนไปเลยว่าความจริงแล้วอีกฝ่ายก็นับว่าเป็นบุรุษ…
กู้ซีจิ่วชักมือกลับมาอย่างสงบนิ่ง เธอนึกถึงเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋ขึ้นมา อดไม่ได้ที่มองไปทางด้านหลัง
ความเร็วในการเดินทางของไป๋เจ๋อราวกับจรวดก็มิปาน มองเห็นเมฆหมอกเคลื่อนผ่านไป ทว่าไม่เห็นเงาของเจ้าหอยยักษ์กับลู่อู๋เลย
“ไม่ต้องมองแล้ว พวกมันตามไม่ทันหรอก”
ตี้ฝูอีราวกับเป็นพยาธิในท้องเธอก็มิปาน เข้าใจความคิดของเธออย่างปรุโปร่ง
กู้ซีจิ่วถอนหายใจ นี่สินะลูกเทพ! เพิ่งจะหกขวบก็อ่านใจผู้อื่นได้เพียงนี้แล้ว วรยุทธ์ยังสูงส่งปานนี้อีก! เมื่อเติบโตขึ้นจะทำอะไรได้อีก?!
เมื่อเด็กคนนี้เติบใหญ่ขึ้นจะยังเหลือทางรอดให้ผู้อื่นอยู่หรือไม่?
ขณะที่เธอกำลังใจลอยอยู่ ข้อมือพลันแน่นกระชับ ถูกคนกุมเอาไว้
เธอสะดุ้งโหยง ตี้ฝูอีกำลังมองเธออย่างยิ้มๆ
“ดูเหมือนเจ้าจะกลัวข้าอยู่บ้างสินะ?”
กลัวเขาน่ะหรือ?! จะเป็นไปได้ยังไง!
ตัวเธอกู้ซีจิ่วไม่กลัวฟ้าไม่เกรงดิน แล้วจะกลัวเด็กน้อยตูดหมึกคนหนึ่งได้อย่างไรกัน?!
“เจ้าคิดมากไปแล้ว!”
กู้ซีจิ่วกล่าวอย่างจริงใจ ไม่วายที่จะเอ่ยจี้ใจเขา
“เจ้ายังเป็นเด็กน้อยอยู่เลยนะ”
แววตาตี้ฝูอีจมลึกลงไป
“เด็กน้อย? เจ้าแน่ใจหรือ?!”
แน่ใจอยู่แล้ว! กู้ซีจิ่วเคยสำรวจเด็กน้อยของทวีปนี้มาแล้ว วัยหกขวบเช่นนี้ขอเพียงมิได้จัดอยู่ในหมวดหมู่ของสัตว์ ล้วนเป็นเด็กทั้งสิ้น! เธอเห็นมากับตาว่ามีเด็กน้อยวัยหกขวบวิ่งขวักไขว่กันอยู่ในทวีปนี้ ส่งเสียงเจี๊ยวจ๊าว
สิ่งที่แตกต่างกับเด็กๆ ของโลกเบื้องล่างก็คือ เด็กๆ ของที่นี่ไม่ได้ต่อตีคลุกฝุ่นกัน แต่จะทุบลูกแสงเล็กๆ กันคนละอัน แต่ก็ไม่อาจซ่อนเร้นความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของวัยเยาว์ได้
มีเพียงคนที่อยู่เบื้องหน้านี้ที่แปลกแยกแตกต่าง ราวกับกินปุ๋ยเร่งโตเข้าไป เพิ่งหกขวบก็กลายเป็นผู้ใหญ่แล้ว
เฮ้อ บุตรแห่งเทพมารช่างไม่เหมือนคนทั่วไปเลย
กู้ซีจิ่วอดไม่ได้ที่จะนึกถึงรูปลักษณ์ในยามเยาว์ของตี้ฝูอีขึ้นมา ตาโต เปลือกตาสองชั้น ริมฝีปากแดง เนียนนุ่มอมชมพู ราวกับก้อนแป้ง ทำให้คนมองแล้วอยากกอด อยากจูบ
เพียงน่าเสียดายที่ช่วงเวลาของสภาพเช่นนี้สั้นเกินไป เธอยังมองไม่ทันพอ เขาก็เติบใหญ่ปานนี้แล้ว!
เธอนึกถึงคู่มหาเทพสามีภรรยาขึ้นมาอีก ปีนั้นยามที่สองสามีภรรยาจากไป เด็กคนนี้ยังสูงเท่าต้นถั่วงอกอยู่เลย หากว่าอีกไม่กี่ปีให้หลังพวกเขากลับมา ได้เห็นบุตรในยามนี้ ไม่รู้ว่าจะนึกสงสัยบ้างหรือเปล่าว่าบุตรของบ้านถูกผู้ใดแอบสลับตัวไปหรือไม่? จะเกิดความรู้สึกสลดหดหู่ประการหนึ่งขึ้นมาหรือเปล่า?
“คิดอะไรอยู่?”
ตี้ฝูอีถามเธอเสียงเบา
กู้ซีจิ่วกำลังใจลอยอยู่ จึงตอบไปตามสัญชาตญาณ
“ถ้าบิดามารดาเจ้าเห็นเจ้าในสภาพนี้ จะรู้สึกหดหู่หรือไม่?”
————————————————————————————
บทที่ 2062 ข้าไม่ขาดแคลนอาจารย์ ขาดแคลนเพียงศรีภรรยา
“หือ? หดหู่อันใด?”
ตี้ฝูอีแสดงท่าทีว่าไม่เข้าใจ
“โตเร็วเกินไปไง พริบตาเดียวเจ้าก็เติบใหญ่ปานนี้แล้ว! วันหน้าถ้าข้ามีลูกจะไม่คาดหวังให้เขาเติบโตไวถึงเพียงนี้แน่นอน ทารกน้อยที่เหมือนซาลาเปาขาวอวบสิถึงจะน่าสนุก”
ตี้ฝูอีเงียบไปครู่หนึ่ง
เขาจับชีพจรให้นางพลางเอ่ยอย่างไม่อนาทรว่า
“น่าจะไม่หรอก ลูกของเราจะได้รับพันธุกรรมจากข้าไปเพียงครึ่งเดียว ยังมีพันธุกรรมอีกครึ่งหนึ่งจากเจ้าอยู่นะ ถึงอย่างไรเจ้าก็เป็นมนุษย์ธรรมดาที่สำเร็จเป็นเซียน ทารกที่กำเนิดออกมาน่าจะมีวิวัฒนาการไปตามปกติ…”
“คำพูดคำจาเจ้าทันสมัยไม่เบาเลย วิวัฒนาการไปตามปกติ…พันธุกรรมจากข้ามันทำไม? ข้าก็แข็งแกร่งมากนะ ข้าเพิ่งอายุสองร้อยกว่าปี ก็ฝึกฝนจนสำเร็จขั้นซ่างเซียนได้แล้ว…”
เอ๊ะ ไม่ถูกสิ! เธอบอกตอนไหนกันว่าจะมีลูกกับเขาน่ะ?!
ตอนนี้แม้แต่เขาจะใช่ หวงถู กลับชาติมาเกิดหรือไม่เธอก็ยังไม่กระจ่างเลย!
ตอนนี้เธอแค่อยากอบรมเลี้ยงดูเขาในฐานะลูกศิษย์เท่านั้น…
ฮึ่ม! ในที่สุดสติของกู้ซีจิ่วก็กลับมาแล้ว เส้นเลือดที่หน้าผากเต้นตุบๆ
“เสี่ยวเนี่ยนโม่ ถ้อยคำเหล่านั้นเป็นเรื่องล้อเล่นที่พูดเพราะความโกรธ ข้าเป็นผู้อาวุโสของเจ้า แทบไม่ต่างกับอาจารย์ของเจ้า…”
นิ้วมือของตี้ฝูอียังคงทาบอยู่บนชีพจรเธอ เอ่ยขัดเธอว่า
“ข้าไม่ขาดแคลนอาจารย์ ขาดแคลนเพียงศรีภรรยา หากเจ้าคิดจะรั้งอยู่ข้างกายข้าเพื่อทำภารกิจของเจ้า ก็มีเพียงฐานะว่าที่ภรรยา ฐานะอื่นงดเจรจา!”
กู้ซีจิ่วปวดหัวแล้ว
“เจ้า…”
“แน่นอนว่าเจ้าจะไม่ใช้ฐานะว่าที่ภรรยาก็ได้ ข้าไม่ถือสาหรอกนะถ้าจะต้องจัดงานวิวาห์ขึ้นในระยะเวลากระชั้นชิด”
ไป๋เจ๋อก็เอ่ยแทรกเข้ามาประโยคหนึ่งอย่างปรีดา
“เรื่องงานวิวาห์พวกท่านวางใจได้เลย ให้เป็นหน้าที่ของพวกเราทั้งแปดเอง จัดงานให้ยิ่งใหญ่ครึกครื้น มีชีวิตชีวาได้แน่นอน ”
กู้ซีจิ่วเบิกตาค้างอ้าปากหวออย่างที่ยากจะได้เห็น
ไม่น่าเชื่อว่าพอเจ้าเด็กนี่ไล่ตามผู้หญิงขึ้นมาจะใจร้อนได้ถึงเพียงนี้…
ยังมีอีก ผู้คนทั่วหล้าล้วนกลัวว่านางมารเฒ่าอย่างเธอจะงาบหญ้าอ่อนอย่างเสินเนี่ยนโม่กันทั้งนั้น ทำไมไป๋เจ๋อถึงไม่กลัวล่ะ? มันไม่กลัวนายน้อยของมันจะแต่งเอาคนทรามเข้าหรือ?
เส้นเลือดบนหน้าผากเธอเต้นตุบๆ อย่างเริงร่า จู่ๆ เธอก็สำนึกเสียใจยิ่งนักที่เอ่ยวาจาเหล่านั้นออกไปต่อหน้าผู้คน ผลคือก่อให้เกิดปัญหาวุ่นวายใหญ่หลวงขึ้น…
หากว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่หวงถู ถ้าความรู้สึกของเธอผิดพลาดไปล่ะ?!
ใบหน้าเฉิดฉันของเธอเคร่งตึงขึ้นมา สายตาจับจ้องดวงหน้าของเสินเนี่ยนโม่ น้ำเสียงเย็นชา
“เนี่ยนโม่ เจ้ายังเป็นเด็กน้อยคนหนึ่ง มาขบคิดเรื่องพวกนี้ในตอนนี้จะเร็วเกินไปแล้ว หน้าที่ของเจ้าคือฝึกฝนบำเพ็ญ ส่วนหน้าที่ของข้าคือช่วยเหลือเจ้าในการฝึกฝนบำเพ็ญ ข้าไม่ได้คิดอย่างอื่นเลย! หากว่าเจ้ายังลากเรื่องเหล่านั้นเข้ามาอีกละก็ ข้าก็จะไม่ทำภารกิจนี้แล้ว!”
ตี้ฝูอีค่อยๆ ปล่อยมือจากข้อมือของเธอ มองเธอเงียบๆ อยู่ครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็ยิ้มออกมา ยกสุราขึ้นดื่มอึกหนึ่ง
“อันที่จริง ข้าก็หยอกเจ้าเล่นเหมือนกัน”
กู้ซีจิ่วพูดไม่ออกแล้ว
ตี้ฝูอีเพ่งพินิจนางอีกครา
“อย่างไรก็ตาม อายุของเจ้านั่นอยู่เหนือความคาดหมายของข้าจริงๆ เพิ่งสองร้อยกว่าปีเท่านั้น…”
เขาหลงไปว่าอายุของนางอย่างน้อยก็น่าจะหลายพันปีแล้วเสียอีก…
นึกไม่ถึงว่าเพิ่งจะสองร้อยกว่าปี เหล่าศิษย์น้องชายหญิงที่เขาเคยมีก็มีอยู่มากมายนักที่อายุสองสามร้อยปีแล้ว ถึงขั้นที่อายุเจ็ดแปดร้อยปีแล้วก็ยังมี
ในทวีปนี้มีคนที่อายุมากกว่านางอยู่ไม่รู้ตั้งเท่าใด มากมายเป็นพะเรอเกวียน นับไม่ถ้วนเลย!
หาได้ยากจริงๆ ที่นางยังคงเรียกขานตนว่าข้าผู้เฒ่าๆ ทำให้เขานึกไปว่าอายุของเขาและนางห่างไกลกันปานถูกกั้นไว้ด้วยร่องสมุทรลึกล้ำ…
….
เพิ่งสองร้อยกว่าปีงั้นหรือ?
ถ้าอยู่ในแดนมนุษย์ ล้วนเป็นย่าทวดของเขาได้แล้ว!
เมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเดิมทีกู้ซีจิ่วรู้สึกว่าตนผ่านโลกมาอย่างโชกโชนยิ่งนัก แต่พอได้ยินเขาพูดแบบนี้ จู่ ก็เกิดความรู้สึกหลอนขึ้นมาว่าตนยังคงอ่อนเดียงสาอยู่
เจ้าเด็กนี่ช่างพูดนัก!
ขณะที่เธอกำลังจะพูดอะไร มือของตี้ฝูอีก็เคาะโต๊ะที่อยู่ตรงหน้าเบาๆ เพ่งพิศเธออีกแวบหนึ่ง
“อันที่จริงแล้ว เจ้าเองก็ผิดมนุษย์มนายิ่งนักเช่นกัน! ตามปกติแล้วอายุขนาดเจ้าฝึกฝนบรรลุขั้นเสินจวินได้ก็นับเป็นปาฏิหาริย์ในปาฏิหาริย์ ไม่น่าเชื่อว่าเจ้าจะข้ามมาถึงขั้นซ่างเซียนแล้ว! เจ้ากินยาครอบจักรวาลอันใดมา?”
……………………