ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2073+2074
บทที่ 2073 มีอะไรกินบ้าง?
เขายืนอยู่ที่เดิม มองสองคนนั้นอิงแอบแนบซบกัน หัวเราะต่อกระซิกจากไป แสงอาทิตย์อัสดงสาดส่องรอบกายคนทั้งสอง เข้าคู่กันจนเสียดแทงนัยน์ตาเขา…
เขาหลุบตามองหม้อที่อยู่ใกล้ๆ ในหม้อยังมีน้ำแกงปลาเหลืออยู่ครึ่งหนึ่งจริงๆ เขาเม้มปาก สะบัดแขนเสื้อคราหนึ่ง หม้อใบนั้นปลิวออกไป ร่วงหล่นลงไปในผืนสมุทรด้านล่าง
เกิดเสียงดังตูม ปลุกให้เขาที่หลับใหลไปสามวันสะดุ้งตื่น
ปวดหัวปานจะแยกเป็นเสี่ยง เขาลืมตาขึ้นมา มองเห็นใบหน้าเป็นกังวลของไป๋เจ๋อ
“ฝ่าบาท ในที่สุดท่านก็ตื่นแล้ว!”
จากการบอกเล่าของไป๋เจ๋อ ตี้ฝูอีจึงทราบว่าตนหลับไปถึงสามวัน
โลกหล้าดั่งความฝัน ยามนี้ตื่นขึ้นแล้ว!
เขาลุกขึ้นมาส่องกระจกแวบหนึ่ง เส้นผมสยายรุงรัง ดวงตาแดงก่ำ เสื้อผ้ายับยู่ยี่ บนสาบเสื้อถึงขั้นที่มีคราบสุราอยู่ด้วย ทั้งตัวคนดูน่าอนาถอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ไป๋เจ๋อมองเขาอย่างกังวลยิ่ง มันยังไม่เคยเห็นนายน้อยช้ำรักเช่นนี้มาก่อน…
ตี้ฝูอีเงยหน้าจากบานกระจก สบเข้ากับสายตาวิตกกังวลของไป๋เจ๋อ เขายิ้มแวบหนึ่ง รอยยิ้มดูแจ่มใสรู้แจ้งแล้ว
“ไป๋เจ๋อ เตรียมอุปกรณ์อาบน้ำมาสิ เปิ่นกงจะอาบน้ำผลัดอาภรณ์!”
ดวงตาไป๋เจ๋อทอประกายเล็กน้อย
“พ่ะย่ะค่ะ”
ปกติแล้วเรื่องการอาบชำระส่วนใหญ่นายน้อยของบ้านพวกเขาจะใช้คาถาชำระล้างทั้งสิ้น ไม่อาบน้ำสักเท่าไหร่ หากว่าเขาอาบน้ำ จะหมายถึงการบอกลาอดีตที่ผ่านไป ชำระล้างฝุ่นธุลีทั้งหมด เริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
และใช่จริงๆ หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วยาม ตี้ฝูอีก็ออกมาอย่างสดชื่น
สวมเสื้อคลุมสีเขียวอ่อน เรือนผมยาวดำขลับรวบขึ้นกึ่งหนึ่ง ใช้ห่วงหยกสีเดียวกันรัดไว้
ยามที่เขาเดินอาภรณ์พลิ้วปลิวไสวออกมาจากในห้อง ดวงหน้าก็แจ่มใสมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่ทรุดโทรมสักนิดแล้ว
มุมปากแต้มยิ้มไว้น้อยๆ ตามปกติ ยามที่เพิ่งเดินออกมา ปล่อยให้เหล่าสาวใช้ตัวน้อยที่รอปรนนิบัติอยู่ด้านนอกประตูมองจนตาลอย
“ไป๋เจ๋อ มีอะไรกินบ้าง? เปิ่นกงหิวแล้ว!”
“มี! มีพ่ะย่ะค่ะ! ฝ่าบาทรอสักครู่ ข้าน้อยจะไปจัดเตรียมเดี๋ยวนี้!”
ไป๋เจ่อพุ่งไปดั่งควันสายหนึ่ง
ไป๋เจ๋อจัดเตรียมอาหารเลิศรสโต๊ะหนึ่งอย่างรวดเร็วยิ่ง ตี้ฝูอีค่อยๆ ละเลียดกิน มองดูเอื่อยเฉื่อยตามสบาย ไม่ต่างไปจากยามปกติเลย
ในที่สุดไป๋เจ๋อก็วางใจแล้ว ดูเหมือนนายน้อยจะหลงใหลแม่นางกู้ผู้นี้ไปเพียงชั่วขณะเท่านั้น ยามนี้รู้แจ้งแล้วจึงคิดจะถอยออกมา ย่อมละวางได้อย่างไม่ลังเล
เมื่อตี้ฝูอีกินอิ่มแล้วจึงออกมา มองเห็นไป๋เจ๋อกำลังจะส่งตัวสี่สาวใช้จากไปพอดี
สาวใช้สี่นางนั้นก็ฝึกฝนศาสตร์บุปผา สัมผัสอันเฉียบไวรับรู้ได้ว่าฝึกฝนอยู่ที่นี่หนึ่งวันเทียบได้กับฝึกฝนอยู่ด้านนอกหนึ่งเดือน ย่อมไม่ต้องการจากไป กำลังอ้อนวอนไป๋เจ๋อด้วยสารพัดวิธีอยู่
ส่วนไป๋เจ๋อก็ไม่อยากให้นายน้อยต้องเห็นสิ่งเตือนใจให้คะนึงถึงคนอีก อย่างไรเสียสาวใช้สี่นางนี้ก็เตรียมมารับใช้กู้ซีจิ่วโดยเฉพาะ ตอนนี้กู้ซีจิ่วจากไปแล้ว ย่อมต้องส่งพวกนางออกไปด้วย
ตอนที่ตี้ฝูอีออกมา ไป๋เจ๋อกำลังโต้เถียงกับพวกนางอยู่ ตี้ฝูอีพิงเสาประตูฟังอยู่ครู่หนึ่ง เอ่ยอย่างเรียบเฉยว่า
“ให้พวกนางอยู่ต่อเถอะ”
สี่เซียนบุปผาปรีดานัก เข้ามาคารวะขอบคุณ
สีหน้าตี้ฝูอีเฉื่อยชา
“ตำหนักนภาลัยไม่เลี้ยงคนเกียจคร้านพวกเจ้ารับผิดชอบเก็บกวาดตำหนักต่างๆ ตลอดจนเรื่องจิปาถะอื่นๆ หากผู้ใดเกียจคร้านอู้งาน ไล่ออกสถานเดียว ไม่ว่าจ้างอีกต่อไป!”
“เพคะ! ฝ่าบาท!”
สี่เซียนบุปผาตอบรับ หันหลังจากไปแล้ว
ไป๋เจ๋อมองตี้ฝูอีด้วยแววตาที่ซับซ้อน
“ฝ่าบาท…”
ตี้ฝูอีโบกมือ
“ทั้งวังมีเพียงพวกเจ้าทั้งแปดคอยรับใช้ก็ไม่เข้าท่านัก ถึงอย่างไรพวกเจ้าก็เป็นสัตว์เทพบรรพกาล มีศักดิ์เสมอชั้นซ่างเซียน ให้ทำงานหยาบช้าอยู่ตลอดจะเป็นการหยามเกียรติของพวกเจ้าได้ เจ้าออกไปรับข้ารับใช้มาเพิ่มอีกหน่อยเถอะ วันหน้างานหยาบกระด้างใช้แรงก็มอบให้พวกเขาทำไป”
ไป๋เจ๋อไม่กล้าคัดค้าน ตอบรับคำหนึ่งแล้วออกไปจัดการ
ตำหนักนภาลัยรับสมัครคน ผู้ที่ต้องการสมัครย่อมหลั่งไหลกรูกันมา
————————————————————————————-
บทที่ 2074 ได้เป็นนางสนมก็ไม่เลวแล้ว!
ไม่เพียงแต่พวกที่เป็นชนชั้นข้ารับใช้แต่เดิมแล้วเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่บำเพ็ญถึงขั้นเสินจวินแล้ว ก็ยังวิ่งมาสมัครเช่นกัน
ไป๋เจ๋อเลือกเฟ้นอย่างพิถีพิถัน ในที่สุดก็คัดเลือกข้ารับใช้ได้แปดคน สาวใช้สี่นาง ขณะที่กำลังนำพวกเขากลับวัง ก็มีเสียงใสกระจ่างของคนผู้หนึ่งแว่วขึ้นด้านหลัง
“แม่ทัพไป๋!”
ไป๋เจ่อหันหลังไป ดรุณีร่างบางนางหนึ่งยืนอยู่ไม่ไกล รูปโฉมเลิศล้ำงามสง่า เป็นก่วนจิ่นหวาแห่งหุบเขาล่องเมฆา
ด้านหลังนางยังมีศิษย์พี่ศิษย์น้องชายอีกสองสามคนติดตามมา
“แม่ทัพไป๋ เนี่ยนโม่อยู่ที่วังหรือไม่? ข้าได้รับคำสั่งให้นำจดหมายของอาจารย์มาส่ง ต้องการมอบให้เขาต่อหน้า”
ไป่เจ๋อนิ่งไปครู่หนึ่ง พยักหน้ารับ
“ได้! เชิญ!”
ก่วนจิ่นหวาไม่นึกเลยว่าวันนี้ไป๋เจ๋อจะคุยง่ายถึงเพียงนี้ ดวงตาส่องประกายแวบหนึ่ง รีบติดตามอยู่ข้างกายของไป๋เจ๋อ
ก่วนจิ่นหวาแทบจะสะกดกลั้นความลิงโลดเอาไว้ไม่อยู่แล้ว
ตลอดทางคิดหาวิธีพูดคุยกับไป๋เจ๋อ ไป๋เจ๋อไม่พูดมากนัก เพียงผลิยิ้มจางตอบรับ
ก่วนจิ่นหวาเป็นศิษย์รักของเฟิงชิงซ่างเหริน ฐานะย่อมสูงส่งยิ่งนักเช่นกัน สูงส่งกว่าข้ารับใช้เหล่านี้ที่ไป๋เจ๋อเพิ่งรับมาอยู่บ้าง นางรู้ฐานะของพวกเขาดี ทว่าไม่ได้ตั้งแง่วางท่า พูดคุยกับข้ารับใช้เหล่านั้นอย่างยิ้มแย้มเช่นกัน
ตลอดทางไป๋เจ๋อมองนางด้วยสายตาสงบนิ่ง รู้สึกว่าแม่นางผู้นี้ก็นับว่าเป็นคนสดใสใจกว้างผู้หนึ่ง
ดูเหมือนนายน้อยก็ชอบเด็กสาวที่สดใสใจกว้าง บางทีก่วนจิ่นหวาผู้นี้อาจจะทำให้นายน้อยเปิดใจได้บ้าง
เป็นครั้งแรกที่ก่วนจิ่นหวาได้มาตำหนักนภาลัย นางทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น ทว่าไม่ได้แสดงสีหน้าอันใดออกมา พูดจายิ้มแย้มไปตามปกติ
ตำหนักนภาลัยเป็นสถานที่เช่นใดกัน?
ที่พำนักขององค์มหาเทพเชียวนะ! เทพเซียนทั่วหล้านี้จะมีสักกี่คนที่มีคุณสมบัติพอจะเข้ามาได้!
ยามนี้นางก็ถือว่าได้เข้ามาอย่างมีเกียรติแล้ว!
พืชไม้ใบหญ้าทุกต้น อิฐทุกก้อนกระเบื้องทุกแผ่นของตำหนักนภาลัยล้วนทำให้ตะลึงตะลานอยู่ในใจ
ความคิดหนึ่งผุดขึ้นมาในสมอง หากว่าตนแต่งให้เสินเนี่ยนโม่ ก็จะได้เป็นชายาของเขา วันหน้าจะได้กลายเป็นนายหญิงของวังนภาลัยแห่งนี้ เช่นนั้นคงจะดีไม่น้อย!
เพียงน่าเสียดายที่เสินเนี่ยนโม่มีเจ้าของหัวใจแล้ว ปักใจต่อ ‘นางมารเฒ่า’ ผู้นั้นคนเดียว ตำแหน่งพระชายาคงจะตกเป็นของนางมารเฒ่าผู้นั้น
ส่วนตัวนางก่วนจิ่นหวาต่อให้ใช้ลูกไม้จนเข้าตำหนักนภาลัยมาได้ ก็เป็นได้เพียงนางสนม…
ได้เป็นนางสนมก็ไม่เลวแล้ว! ได้เป็นนางสมก็มีหน้ามีตาเพียงพอแล้ว!
ยิ่งไปกว่านั้นคือเสินเนี่ยนโม่ยังน่าหลงใหลถึงเพียงนี้อีก…
ยามที่ก่วนจิ่นหวามองเห็นเสินเนี่ยนโม่ เขากำลังนั่งเดินหมากกับตัวเองอยู่ในสวนดอกไม้
ยามนี้ แสงตะวันอบอุ่น เขาสวมอาภรณ์สีฟ้าอ่อนราวกับท้องฟ้าครามยามฝนซา สายลมพัดปอยผมและชายชุดเขาให้พลิ้วไสว ดูสง่างามเจ้าสำราญ
ก่วนจิ่นหวายังคงกริ่งเกรงเขาอยู่บ้าง ถึงอย่างไรเหตุการณ์ตอนที่เขาจากไปก็สะท้านสะเทือนเลื่อนลั่นปานนั้น…
นางก้าวเข้าไปสองสามก้าว ฝืนทำตัวร่าเริง ร้องเรียกออกไป
“ศิษย์พี่ใหญ่!”
มือของตี้ฝูอียังคงควบคุมตัวหมากอยู่ เพียงส่งเสียงอืมเบาๆ ตอบรับการมาถึงของนาง เอ่ยอย่างเฉยชาว่า
“ข้าไม่ใช่ศิษย์พี่ใหญ่ของเจ้าแล้ว เจ้ามาที่นี่ด้วยเรื่องใด?”
ก่วนจิ่นหวายื่นจดหมายจากอาจารย์ให้อย่างนอบน้อม
“อาจารย์มีจดหมายถึงท่าน หวังว่าศิษย์พี่ใหญ่จะอ่านดู”
ปลายนิ้วตี้ฝูอีชะงักไปเล็กน้อย รับจดหมายมา เปิดออกอ่าน
ไม่น่าเชื่อว่าจะมีอยู่หลายแผ่นนัก เฟิงชิงซ่างเหรินเขียนเนื้อความมาอย่างฉะฉาน
เอ่ยถึงไมตรีที่มีกับมหาเทพก่อน แล้วพูดถึงความชื่นชมที่มีต่อเสินเนี่ยนโม่ สุดท้ายไม่น่าเชื่อว่าจะยอมรับความผิด บอกว่าตนไม่ควรฝืนยัดเยียดมุมมองของตนแก่ศิษย์ และไม่ควรลงมือต่อกู้ซีจิ่วโดยปิดบังตี้ฝูอี…เป็นต้น เขียนมาปึกใหญ่อย่างจริงใจ
จุดประสงค์สุดท้ายคือ บอกว่าปรึกษาหารือกับปรมาจารย์อีกเก้าท่านแล้ว อยากเชิญตี้ฝูอีกลับไป เป็นศิษย์ของพวกเขาดังเดิม รับประกันว่าวันหน้าจะไม่เกิดเรื่องเหล่านั้นขึ้นอีก…
………………..