ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2176+2177
บทที่ 2176 ขอทานกลุ่มหนึ่ง
กำแพงเมืองลั่วฮวาสูงตระหง่านเสียดเมฆา ประตูเมืองสร้างจากเหล็กกล้า แข็งแกร่งอย่างยิ่ง! ไม่เพียงแต่ใช้ไปนานๆ ก็ไม่ขึ้นสนิมเท่านั้น ยังคล้ายแม่เหล็กขนาดมหึมาด้วย ดูดดึงอาวุธทั้งหมดของผู้กระทำความผิดไป…
แต่ตอนนี้บานประตูทั้งสองปิดสนิท เปิดไว้เพียงประตูด้านข้างเท่านั้น ทุกครั้งจะเข้าออกได้เพียงหนึ่งคน
หน้ากำแพงเมืองคือคูเมืองที่ทั้งกว้างทั้งลึก ที่ไหลอยู่ในคูเมืองมิใช่สายน้ำอันเชี่ยวกราก แต่เป็นลาวาแดงฉานที่สามารถหลอมละลายทุกอย่างได้ ทันทีที่มีสิ่งมีชีวิตพลัดตกลงไป จะหลอมละลายหายวับไปทันที…
ยามที่กู้ซีจิ่วพาชาวบ้านกว่าร้อยชีวิตมาถึงใต้กำแพงเมือง ก็เป็นช่วงที่พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ม่านรัตติกาลคลี่กาง มีเสียงคำรามของสัตว์ร้ายแว่วเลือนรางออกมาจากป่าทึบด้านหลัง
เจ้าพนักงานเมืองที่อยู่บนกำแพงก้มมองพวกกู้ซีจิ่วที่อยู่ด้านล่าง ราวกับมองขอทานกลุ่มหนึ่ง
“ไป ไปซะ เมืองของพวกเราต้อนรับเพียงผู้มีฝีมือเลิศล้ำและผู้มีที่ความสามารถพิเศษ ไม่ต้องการขอทาน รีบไสหัวไปจากที่นี่โดยเร็ว!”
หัวหน้าเผ่าสูดหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่งเข้า ก้าวออกมาสองก้าว
“ใต้เท้าท่านนี้ เดิมทีพวกเราก็เป็นชาวเมืองลั่วฮวาอยู่แล้ว เพียงมีเหตุให้ตกหล่นอยู่ด้านนอก ยามนี้กลับมาแล้ว…”
“ใต้เท้าอย่างข้าไม่สนใจว่าพวกเจ้าจะเป็นใคร ถ้าอยากเข้าเมืองก็ต้องมีผลึกวิญญาณ ยี่สิบคนต่อหนึ่งก้อน ขาดไปสักก้อนก็ไม่อนุญาตให้เข้า!”
เจ้าพนักงานเมืองผู้นั้นมีสีหน้าเหยียดหยาม เห็นได้ชัดว่าไม่เห็นชาวบ้านในชุดขาดซอมซ่อกลุ่มนี้อยู่ในสายตาเลย และไม่เชื่อว่าพวกเขาจะหาผลึกวิญญาณมาได้
ยามนี้หัวหน้าเผ่านำออกมาไม่ได้จริงๆ เนื่องจากตี้ฝูอีและกู้ซีจิ่วที่ออกไปล่าสัตว์ยังไม่กลับมา…
เมื่อคืนนี้หลังจากตี้ฝูอีพาพวกกู้ซีจิ่วมาส่งที่เชิงเขาแล้ว พักผ่อนเพียงครู่หนึ่งก็จากไปแล้ว ออกไปล่าสัตว์ร้ายเพื่อเก็บผลึกวิญญาณเพียงลำพัง
เช้านี้กู้ซีจิ่วคุ้มกันขบวนมาจนถึงจุดที่อยู่ห่างจากเมืองลั่วฮวาสิบลี้ ยิ่งใกล้ถึงเมืองลั่วฮวาเท่าไหร่ พืชพรรณก็บางตาลงเรื่อยๆ สัตว์ร้ายที่โผล่ออกมาก็น้อยลงเรื่อยๆ และอ่อนโยนลงเรื่อยๆ
พอมาถึงที่นี่ ประกอบกับมียอดฝีมืออย่างพวกเจ้าเฟิงฉิงคอยคุ้มกัน ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอันตรายใดแล้ว
เนื่องจากพลบค่ำแล้ว ยังไม่เห็นตี้ฝูอีกลับมาเลย กู้ซีจิ่วเป็นกังวล เอ่ยกำชับคนที่เหลือสองสามประโยค จากนั้นเธอหันหลังกลับไปตามหาตี้ฝูอีเลย
ดังนั้นผู้นำขบวนจึงเป็นพวกหัวหน้าเผ่า
เดิมทีพวกเจ้าเฟิงฉิงรั้งอยู่ท้ายขบวน ได้ยินเสียงจึงวิ่งมาด้านหน้า เงยหน้ามองเจ้าพนักงานเมืองบนกำแพงสูง ตะโกนเสียงดังฟังชัด
“วางใจเถิด พวกเรามีผลึกวิญญาณแน่ จะมอบให้พวกเจ้าโดยไม่ตกหล่นไปเลยสักก้อน!”
พวกเจ้าเฟิงฉิงเคยเห็นฝีมือของตี้ฝูอีกับกู้ซีจิ่วด้วยตาตนแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจมากว่าพวกเขาจะล่าผลึกวิญญาณมาได้
เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นกลับจำพวกเจ้าเฟิงฉิงได้ ถึงอย่างไรเมื่อหลายวันก่อนกลุ่มของเจ้าเฟิงฉิงก็เคยมาแล้ว ดังนั้นเขาจึงพินิจดูเจ้าเฟิงฉิงแวบหนึ่ง
“พวกเจ้าไปรวมกลุ่มกับขอทานพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? คงมิใช่ว่าพวกเจ้าล่าผลึกวิญญาณมาไม่ได้ จึงคิดจะใช้พวกขอทานมาเรียกร้องความเห็นใจใต้เท้าอย่างข้า ให้ปล่อยพวกเจ้าทั้งหมดเข้ามากระมัง? ข้าจะบอกเจ้าไว้นะ ไม่มีทาง!”
เจ้าเฟิงฉิงคร้านจะพูดจาไร้สาระกับเจ้าพนักงานเมืองที่ใช้ตาสุนัขมองคนให้มากความ จึงหยิบผลึกวิญญาณสีแดงก้อนนั้นออกมาเสียเลย
“พวกข้าล่ามาได้ก้อนหนึ่งแล้ว!”
ผลึกแดงส่องประกายแวววาว เจ้าพนักงานเมืองคนนั้นมองลงมาแวบหนึ่ง
“เอาล่ะ นับว่าพวกเจ้ามีฝีมือ พวกเจ้าสิบสองคนเข้ามาได้ แต่คนอื่นห้ามเข้า!”
เจ้าเฟิงฉิงขมวดคิ้ว “มิใช่กล่าวไว้ว่าหนึ่งก้อนต่อยี่สิบคนหรอกหรือ?”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าสามารถพาบรรดายาจกเหล่านี้เข้ามาได้แปดคน”
เจ้าเฟิงฉิงสูดหายใจนิดๆ คัดเลือกเด็กสตรีคนชรายี่สิบคนออกมาจากในกลุ่ม คนเหล่านี้สุขภาพไม่แข็งแรง ซ้ำยังเดินทางมาทั้งวันแล้ว เหนื่อยล้าไปก่อนนานแล้ว ต้องรีบให้เข้าไปพักผ่อนในเมือง…
————————————————————————————-
บทที่ 2177 ขอทานกลุ่มหนึ่ง 2
กลับคาดไม่ถึงว่าพอเจ้าพนักงานเมืองคนนั้นเห็นคนที่เขาคัดเลือกแล้ว ก็กลับคำทันที พูดจาแทงใจคนว่า
“ต่อให้มีผลึกวิญญาณ ก็อนุญาตให้เข้าเมืองได้เพียงผู้ใหญ่ที่มีช่วงวัยตรงเกณฑ์ บุรุษต้องอายุน้อยกว่าห้าสิบ สตรีต้องอายุน้อยกว่าสามสิบปี พวกที่เหลือรวมถึงเด็กที่อายุน้อยกว่าสิบสองปีล้วนไม่ต้องการ! เมืองลั่วฮวาไม่เลี้ยงคนไร้ประโยชน์!”
ด้วยเหตุนี้ ทุกคนจึงร้อนรนขึ้นมาแล้ว!
ในบรรดาผู้คนที่นี่ คนที่สอดคล้องกับเงื่อนไขมีเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น ในกลุ่มมีสตรีที่อายุมากกว่าสามสิบขึ้นไปกว่าสามสิบคน เด็กที่อายุต่ำกว่าสิบสองลงไปเกือบสามสิบคน…
คนเหล่านี้บ้างก็เป็นบิดามารดาของคนหนุ่มคนสาวพวกนั้น บ้างก็เป็นบุตรของพวกเขา
หากทิ้งพวกเขาไว้ด้านนอก พวกเขาจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร?!
มีเสียงร้องไห้ของผู้คนแว่วขึ้นมา ผู้เฒ่าเหล่านั้นโมโหจนหน้าแดงไปหมดแล้ว เด็กๆ เกาะอกเสื้อของพ่อแม่ไว้แน่น ร้องไห้จ้า กลัวว่าจะถูกพวกเขาทอดทิ้ง…
หัวหน้าเผ่าโกรธแล้ว
“กฎนี้ผู้ใดตั้งกัน?! ไฉนจึงโหดร้ายได้ขนาดนี้? เจ้าเมืองของพวกเจ้าอยู่ที่ไหน? ข้าต้องการพบเจ้าเมืองของพวกเจ้า!”
เจ้าพนักงานเมืองผู้นั้นหัวเราะหยัน
“ท่านเจ้าเมืองของพวกเราเป็นบุคคลสูงศักดิ์ขั้นไหนแล้ว? ไหนเลยจะมาพบขอทานเฒ่าอย่างเจ้าได้?!”
เขามองท้องฟ้าอีกครั้ง สีหน้าหงุดหงิด
“ พวกเจ้าสิบสองคนจะเข้าไหม? รีบตัดสินใจหน่อย! อีกครึ่งชั่วยามก็จะปิดประตูเมืองอย่างถาวรแล้ว! เมื่อถึงเวลานั้นพวกเจ้าอยากเข้าก็เข้าไม่ได้แล้ว!”
พวกเจ้าเฟิงฉิงก็มองท้องฟ้าตามสัญชาตญาณ บนฟ้ามีเมฆาแดงฉานปรากฏขึ้นเลือนรางแล้ว…
เจ้าเฟิงฉิงรู้ดี เมื่อเมฆแดงเหล่านี้มารวมตัวกัน แผ่คลุมไปทั่ว ก็จะบังเกิดพิรุณโลหิต…
พิรุณเหล่านี้เหมือนน้ำกรดโดยแท้ พบสิ่งใดกัดเซาะสิ่งนั้น มันเหมือนพิษร้ายชนิดหนึ่งยิ่งนัก ขอเพียงตกต้องร่างคนเพียงหยดเดียวก็จะเริ่มลุกลามกัดกร่อน และไม่มียาใดที่รักษาได้…
เมื่อพิรุณโลหิตชนิดนี้ตกลงมา ก็ทำได้เพียงเข้าไปหลบอยู่ในถ้ำลึก จากนั้นก็ใช้หนังสัตว์ที่ผ่านการลงมนตราแล้วคลุมไว้ในถ้ำ มิเช่นนั้นก็ไม่อาจต้านทานได้เลย
ตามกำหนดการณ์ที่พวกเขารู้ คล้ายว่าพิรุณโลหิตนั้นจะโปรยปรายลงมาในอีกครึ่งชั่วยาม!
เขาอดไม่ได้ที่จะมองไปยังป่าทึบที่อยู่ไกลออกไป ทำไมสองคนนั้นยังไม่มาอีกนะ? ถ้าพวกเขามาแล้วอาจจะมีวิธีก็ได้…
เจ้าเฟิงฉิงซื่อสัตย์ยิ่งนัก เขาหารือกับพวกศิษย์พี่ศิษย์น้องดู สุดท้ายก็กล่าวว่า
“พวกเราจะร่วมหัวจมท้ายกับชาวบ้านพวกนี้! ไม่เข้าไปก่อน!”
“ในอดีตข้าคือฮวาจื่อชุนบุตรชายของเจ้าเมืองแห่งนี้ หนึ่งร้อยปีก่อนออกไปล่าสัตว์กับสหาย ถูกขังไว้ในหุบเขาลึก คนพวกนี้ล้วนเป็นชนรุ่นหลังของสหายข้าเหล่านั้น เจ้าจงไปเรียนต่อเจ้าเมืองของพวกเจ้า เขาต้องให้ข้าเข้าไปแน่!”
ในที่สุดหัวหน้าเผ่าก็ประกาศฐานะของตนออกมาแล้ว
เขามองออกแล้วว่าบนร่างของผู้คนที่อยู่ในเมืองล้วนมีพลังวิญญาณอยู่ ขอเพียงมีพลังวิญญาณในกาย อายุขัยก็จะยืนยาวยิ่งนัก ปีนั้นเจ้าเมืองผู้เป็นบิดาของเขาบรรลุพลังวิญญาณขั้นเจ็ดแล้ว เป็นคนที่มีพลังยุทธ์สูงสุดในเมืองลั่วฮวา
ด้วยระดับพลังวิญญาณของท่านเจ้าเมืองผู้เฒ่า จะมีชีวิตอยู่ได้กว่าห้าร้อยปี
ยามที่ฮวาจื่อชุนจากไปในปีนั้น ท่านเจ้าเมืองผู้เฒ่าเพิ่งอายุห้าสิบปี ตอนนี้ก็เพิ่งจะร้อยแปดสิบปีเท่านั้น ตามหลักเหตุผลแล้ว หากไม่มีเหตุเหนือความคาดหมาย เจ้าเมืองคนปัจจุบันก็น่าจะยังเป็นท่านพ่อของเขาอยู่…
ตั้งแต่เล็กบิดาถนอมเขาดุจแก้วตาดวงใจ หากทราบว่าเขากลับมาแล้ว ต้องปล่อยให้ทุกคนเข้าไปแน่นอน!
กลับนึกไม่ถึงว่าเจ้าพนักงานเมืองคนนั้นจะพ่นลมออกจมูกดึงฮึ
“ฮวาจื่อชุนเย่จื่อชุนอันใดกัน ไม่เคยได้ยินทั้งนั้น!”
แล้วเพ่งพิศฮวาจื่อชุนแวบหนึ่ง ยิ้มหยัน
“เจ้าดูแก่หงำเหงือกถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะมีอายุหลายร้อยปีแล้วกระมัง?! ท่านเจ้าเมืองของพวกเราเป็นชายหนุ่มรูปงามผู้หนึ่ง ไหนเลยจะมีบุตรชายแก่หงำเหงือกอย่างเจ้าโผล่มาได้?! จะโกหกก็เตรียมบทดีๆ หน่อย! อีกอย่างท่านเจ้าเมืองของพวกเราก็ไม่ได้แซ่ฮวาด้วย…”
———————————