ลำนำบุปผาพิษ - บทที่ 2260-2261
บทที่ 2260 ความทรงจำหวนคืน 4
เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!
อีกทั้งตอนที่เธออยู่กับอวิ๋นเยียนหลี ถึงจะดูเหมือนคุณชายสูงศักดิ์ทั่วไป ไม่ได้มีสหายอันใดอยู่ที่นี่ แต่ทุกเดือนเขามักจะอ้างเหตุผลเช่นนั้นบ้างเช่นนี้บ้างปลีกตัวไปกว่าสิบวัน
บ้างก็บอกว่าจะช่วยกันตามหากับเธอ บ้างก็บอกว่ามีธุระต้องไปจัดการ
เธอความจำเสื่อมย่อมไม่รู้สึกว่ามีอะไรผิดปกติ แต่หลังจากความทรงจำเธอหวนคืนมา สังเกตเห็นความผิดปกติได้รางๆ แล้ว…
ประกอบกับช่วงที่ผ่านมาเธอตระเวนไปตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทุกครั้งที่กินอาหารหรือพักโรงเตี๊ยม ไม่ว่าร้านอาหารและโรงเตี๊ยมจะมีลูกค้าแน่นขนัดมากเพียงใด ขอเพียงเขามา ก็จะมีที่ว่างเลย…
เรื่องราวเช่นนี้เกิดขึ้นครั้งสองครั้งยังว่าบังเอิญ แต่ถ้าเกิดขึ้นสี่ห้าครั้งเลยล่ะ?
อันที่จริงตอนนั้นกู้ซีจิ่วก็รู้สึกได้รางๆ แล้วว่าอวิ๋นเยียนหลีผู้นี้ไม่ธรรมดา เกรงว่าจะมีฐานะบางอย่างอยู่…
ยามนี้พอความทรงจำกลับคืนมา เธอนำเรื่องราวก่อนหลังมาเชื่อมโยงต่อกันดู ก็ยิ่งรู้สึกว่าอวิ๋นเยียนหลีน่าสงสัย!
ร้อยกว่าปีก่อน อวิ๋นเยียนหลีหายตัวไปในสงคราม หายสาบสูญไปร้อยปี
และที่แดนอสุราแห่งนี้ กลับมีเซียนลึกลับผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้น…
กู้ซีจิ่วทราบระยะเวลาคร่าวๆ ที่เซียนผู้นั้นปรากฏตัว และทราบระยะเวลาคร่าวๆ ที่อวิ๋นเยียนหลีหายตัวไป ทั้งสองเหตุการณ์ห่างกันเพียงครึ่งปี!
หากไม่เหนือไปจากความคาดหมายล่ะก็ อวิ๋นเยียนหลีน่าจะเป็นเซียนกู้โลกผู้นั้น…
และช่วยสร้างเก้าเมืองใหญ่กำบังพิรุณโลหิตขึ้น ช่วยเหลือผู้คนเกือบสิบล้านคนเอาไว้ ถูกคนยกย่องให้เป็น ‘เซียนศักดิ์สิทธิ์’
ในเมื่อเขามีฐานะสูงส่งปานนี้แล้ว แล้วเหตุใดถึงไม่เอ่ยขึ้นมาต่อหน้าเธอล่ะ? แถมยังเสแสร้งว่าเขาก็เพิ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นานเช่นกัน
ด้วยความสามารถของเขา น่าจะรู้จุดอ่อนของสัตว์ร้ายอย่างแจ่มแจ้งยิ่งแล้วกระมัง?
แต่ครั้งแรกที่พบเธอ เขากลับปกปิดไว้ ซ่อนเร้นพลังยุทธ์ แสร้งสู้ตายกับกับสัตว์ร้าย
อวิ๋นเยียนหลีมีความรู้สึกต่อเธอ เธอย่อมทราบดี
เพียงแต่เขาไม่เคยเอ่ยออกมาเลย กู้ซีจิ่วย่อมไม่สามารถพูดออกไปตรงๆ ได้ แต่ยังคงแสดงเจตนาปฏิเสธออกมาอย่างชัดเจนยิ่ง ทั้งในทางตรงและทางอ้อม
และเนื่องจากเหตุผลนี้ตอนอยู่ที่ดินแดนเบื้องบนช่วงหลังๆ เธอจึงไม่ใกล้ชิดกับอวิ๋นเยียนหลีอีก เห็นเขาเป็นเพียงสหาย
ตอนนี้เขาฉวยโอกาสช่วงที่เธอความจำเสื่อมมาแสดงความมีตัวตนต่อหน้าเธอ นั่นก็ไม่นับว่าเลวร้ายไปเสียทั้งหมด เธอยังพอเข้าใจเหตุผลได้
แต่เธอไม่เข้าใจว่าเหตุใดเขาต้องปกปิดซ่อนเร้น?
ตอนนี้วรยุทธ์ของเขาอย่างน้อยก็ต้องถึงขั้นซ่างเซียนแล้ว!
หลังจากเธอกับตี้ฝูอีมาถึงสถานที่ผุพังแห่งนี้ พลังวิญญาณล้วนลดทอนลงไปเจ็ดแปดส่วน พลังยุทธ์ของเธอในยามนี้ไม่ถึงแม้แต่ขั้นเสี่ยวเซียนด้วยซ้ำ ส่วนพลังยุทธ์ของตี้ฝูอีตกต่ำจากขั้นจินเซียนมาเป็นเสี่ยวเซียน บัดซบอย่างยิ่ง
แล้วเหตุใดวรยุทธ์ของอวิ๋นเยียนหลีจึงสูงส่งกว่าตอนอยู่ดินแดนเบื้องบนเล่า?
ตอนเขาอยู่ดินแดนเบื้องบนเห็นกันอยู่ชัดๆ เป็นขั้นจินเซียน…
แม้แต่สถานที่ที่มีพลังวิญญาณหนาแน่นอย่างดินแดนเบื้องบน คิดจะทะลวงจากขั้นจินเซียนไปสู่ซ่างเซียน ต่อให้เป็นคนที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมที่สุดก็ต้องใช้เวลาถึงพันปี (แน่นอนว่าเสินเนี่ยนโม่เป็นข้อยกเว้น)
ส่วนอวิ๋นเยียนหลีถึงแม้คุณสมบัติจะยอดเยี่ยม แต่คิดจะบำเพ็ญทะลวงขั้นไปเป็นซ่างเซียนในระยะสั้นๆ เพียงร้อยปีก็ยังคงเป็นไม่ได้!
นอกจากเขาจะใช้มนต์วิเศษอันใดที่สามารถดูดรับทรัพย์จากฟ้าดินได้…
หากว่าเธอมีความทรงจำเพียงหนึ่งปีครึ่งที่ผ่านมาก็แล้วไปเถิด เรื่องเหล่านี้ล้วนไม่ใช่สิ่งที่เธอจะเชื่อมโยงสันนิษฐานได้
แต่ตอนนี้ความทรงจำเธอกลับมาแล้ว ย่อมสังเกตเห็นปัญหามากมายที่อยู่ภายใน…
เมื่อใคร่ครวญอย่างละเอียดแล้ว แทบจะทำให้เธอขนลุกเกรียวขึ้นมาเลย!
แน่นอน เรื่องเหล่านี้แรกเริ่มนั้นเป็นเพียงการอนุมานขึ้นในสมองเธอเท่านั้น ยังต้องการหลักฐานยืนยัน ดังนั้นเธอจึงเคลื่อนย้ายกลับมา…
ถึงแม้ความทรงจำเธอจะกลับมาแล้ว แต่พลังยุทธ์ไม่ได้ฟื้นฟูกลับมาด้วย โชคดีที่มีเวทวิชาบางส่วนที่พอฝึกฝนพลังวิญญาณถึงขั้นแปดแล้วก็สามารถใช้ได้อยู่ อย่างเช่นวิชามายา
ก่อนหน้านี้เธอแปลงเป็นหินก้อนหนึ่ง ซ่อนอยู่ในดงไผ่ม่วงแห่งนี้ จากนั้นก็กินโอสถระงับกลิ่นอายบนร่าง ย่อมอยู่อย่างเงียบเชียบไร้สุ้มเสียงได้แล้ว
….
————————————————————————————-
บทที่ 2261 ทนรับการฟาดเช่นนี้จากท่านไม่ไหว…
ต่อให้เป็นอวิ๋นเยียนหลีก็มองไม่ออก
โชคดีนัก เธอได้เห็นละครฉากหนึ่งเข้า ในที่สุดก็ได้รู้แล้วว่าเจ้าวังน้อยของตำหนักพฤกษาเป็นคนของอวิ๋นเยียนหลี…
ตอนนั้นเจ้าวังน้อยคิดจะใช้เด็กๆ หลอมเป็นโอสถอะไรสักอย่าง ชั่วช้าสามานย์ยิ่ง ถูกเธอกับตี้ฝูอีร่วมมือกันทำลายล้าง
เจ้าวังน้อยฉวยโอกาสหลบหนีไป จากนั้นก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
เทพเซียนทั้งสามภพใช้สารพัดวิธีก็ตามหาตัวนางไม่พบ ที่แท้นางก็หลบมาอยู่ที่แดนอสุรานี้แล้ว…
ดูเหมือนแดนอสุราแห่งนี้จะเป็นฐานทัพใหญ่ของพวกเขา…
นึกไม่ถึงเลยว่าตนจะจับผลัดจับผลูถูกเนรเทศมาที่นี่พอดี…
‘เจ้านาย ท่านถูกทำลายพลังวิญญาณลบความทรงจำแล้วโยนมาไว้ที่นี่ เป็นทัณฑ์สวรรค์จริงๆ เป็นทัณฑ์สวรรค์โทษฐานแพร่งพรายภารกิจสวรรค์’
หยกนภาแจกแจงกับเธอ เอ่ยอย่างปวดใจว่า
‘วันหลังอย่าแพร่งพรายภารกิจสวรรค์อีกเลยนะ เลี่ยงไม่ให้ถูกลงโทษอีก’
กู้ซีจิ่วดีดนิ้วใส่มัน
“ตอนนั้นแม่เฒ่าก็ถูกกดดันเหมือนกันนะ มิเช่นนั้นข้อครหาว่าเคี้ยวหญ้าอ่อนก็จะกดทับจนข้าโงหัวไม่ขึ้นแล้ว! รู้เสียที่ไหนว่าลิขิตสวรรค์จะวิปริตถึงเพียงนี้…”
ว่ามาถึงตรงนี้ ก็นึกถึงตี้ฝูอีขึ้นมาอีก และย่อมนึกถึงค่ำคืนอันเร่าร้อนของตนกับเขาขึ้นมาด้วย ใบหน้าเฉิดฉันทะมึนลง เอ่ยพึมพำ
“ดูเหมือน…ข้าจะมีความผิดตามข้อหานั้นเข้าแล้วจริงๆ…”
เธอเคี้ยวหญ้าอ่อนอย่างหมดจดแล้ว…
ซ้ำยังทำตัวเป็นป้าอ๋องขืนน้าวธนูด้วย…
ไม่นึกเลยว่าตอนความจำเสื่อมตนจะกล้าหาญชาญชัยปานนี้
ถึงอย่างไรบุตรของบ้านอื่นก็เพิ่งแปดขวบ
หากว่าเสินจิ่วหลีสองสามีภรรยาทราบเรื่องนี้เข้า ไม่แน่ว่าอาจจะไล่ล่าสังหารเธอไปทั่วโลกก็ได้
นี่ถ้าเป็นยุคปัจจุบัน ก็คือการพรากผู้เยาว์ ต้องถูกดำเนินคดี!
ที่สำคัญกว่านั้นคือเธอนอกใจคนรักที่โลกเบื้องล่างโดยไม่ได้ตั้งใจ…
นี่ช่างเป็นปัญหาที่น่าปวดอย่างยิ่งโดยแท้!
เส้นเลือดตรงหน้าผากของกู้ซีจิ่วเต้นตุบๆ เต้นอย่างคึกคักเป็นพิเศษ
หยกนภายังไม่เข้าใจ ถึงอย่างไรมันก็เพิ่งได้สติขึ้นมาไม่นาน
“หา? มีอะไรเข้าแล้วจริงๆ หรือ?”
ถึงอย่างไรมันก็เป็นปาท่องโก๋แก่ที่คร่ำหวอดอยู่ในยุทธภพมาเนิ่นนาน นึกอะไรขึ้นได้ทันที กระซิบกระซาบถาม
‘เจ้านาย คงมิใช่ว่าท่านร่วมประเวณีกับเสินเนี่ยนโม่ไปจริงๆ แล้วกระมัง?!’
กู้ซีจิ่วเงียบงัน
ความเงียบของเธอเป็นการยอมรับโดยปริยาย เซลล์ช่างซุบซิบนินทาของหยกนภาลุกโชติช่วงขึ้นมาทันที
‘ไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ เจ้านาย ท่านช่างมีฝีมือล้ำเลิศโดยแท้! รักต่างช่วงวัย…’
เห็นได้ชัดว่าสี่คำสุดท้ายไปตอกย้ำปมของกู้ซีจิ่วเข้า เธอจึงฟาดมันไปทีหนึ่ง
“รักต่างช่วงวัยอันใดกัน? แม่เฒ่าแก่นักหรือไง? แม่เฒ่าเพิ่งสองร้อยกว่าปีเท่านั้น ที่ดินแดนเบื้องบนถือว่าเป็นสาวน้อยวัยแรกแย้มอยู่…”
หยกนภาเกือบจะถูกเธอฟาดจนหักแล้ว ร้องโอดครวญ
‘เจ้านาย ท่านเบาหน่อย! ตอนนี้เสี่ยวชางเปราะบาง ทนรับการฟาดเช่นนี้จากท่านไม่ไหว…’
กู้ซีจิ่วนั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น ท่าทางดูปวดประสาทยิ่งนัก
‘เจ้านาย ท่านกลุ้มเรื่องที่มีความสัมพันธ์ขั้นนั้นกับเสินเนี่ยนโม่หรือ?’
กู้ซีจิ่วเหลือบมองมันแวบหนึ่ง
“แล้วแม่เฒ่าไม่สมควรจะกลุ้มหรือ? เดิมทีแม่เฒ่าตัดสินใจแล้วว่าจะถนอมตัวไว้ให้หวงถู ไม่นึกเลยว่าจะต้องมาเสียไปกับไอ้เด็กตูดหมึกตี้ฝูอี หากวันหนึ่งหวงถูหวนกลับมา แม่เฒ่าจะมีหน้าไปพบเขาได้อย่างไร…”
พรหมจรรย์ของเธอเชียวนะ! เดิมทีเธอเป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่มีหน้ามีตาคนหนึ่ง สันโดษทระนงในสามภพ เป็นเทพศักดิ์สิทธิ์ที่น่ายกย่องจดจำ ผลคือกลายเป็นยัยป้าพรากผู้เยาว์ไปแล้ว!
ลิขิตสวรรค์ที่น่าถูกสังหารด้วยพันดาบ! กำหนดเรื่องเวรตะไลอันใดให้เธอกัน!
ยามนี้หญ้าอ่อนถูกเธอขยี้ไปแล้ว ต่อไปเธอควรทำยังไง?
หยกนภาเงียบไปครู่หนึ่ง สำหรับมันที่ทราบถึงความจริงทุกอย่างดี รู้สึกอึดอัดคับข้องอยู่บ้าง!
มันคิดๆ ดูแล้ว รู้สึกว่าตนควรจะโน้มน้าวปลอบประโลม