ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 103 คลุมเครือไม่ชัดเจน
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 103 คลุมเครือไม่ชัดเจน
กู้ชิวถางพยักหน้าครั้งหนึ่ง สั่งการให้เปียนเจียงรีบวิ่งไปทางห้องโถงใหญ่
กู้ชิวเหลิ่งมองดูกู้ชิวถางจากไป ค่อยๆหายลับไป ถึงได้เดินเข้าไปในลานราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ต้องเตรียมน้ำแล้ว เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหนึ่ง แล้วเราไปดูพี่ใหญ่กัน”
จูเอ๋อร์มองดูกู้ชิวเหลิ่งด้วยความสงสัย กล่าวถามว่า: “คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งสัมผัสไปที่บาดแผลที่อยู่บนไหล่ซ้ายของตัวเองเบาๆ กล่าวว่า: “กลับมาแล้ว เพียงแต่ไม่สามารถลืมตาขึ้นอีกตลอดไปแล้วเท่านั้น”
ในตอนที่จูเอ๋อร์กับกู้ชิวเหลิ่งมาถึงห้องโถง ศพของกู้ชิวเซียงก็นอนเย็นยะเยือกอยู่บนเปลหาม หน้าตาเปรอะเปื้อน ขอบตาบวมแดง เห็นได้ชัดว่าก่อนตายผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ผมเผ้ายุ่งเหยิงอย่างมาก เสื้อผ้าที่อยู่บนร่างกายถูกฉีกจนเละไม่มีชิ้นดี บนต้นขากับร่างกายแต่ละแห่งมีรอยแผลสีม่วงเขียวนับไม่ถ้วน ปากของนางเปิดกว้าง ในดวงตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อและความหวาดกลัว ก่อนตายต้องได้รับการปฏิบัติอย่างไร้มนุษยธรรมอย่างแน่นอน
ฮูหยินใหญ่ร้องไห้อย่างเจ็บจนแทบจะขาดใจ แม้แต่กู้หนานเฉิงก็อดที่จะร้องไห้โฮขึ้นมาไม่ได้
อี๋เหนียงรองปาดน้ำตาไปสองครั้งอย่างพอเป็นสัญลักษณ์ กู้ชิวเยว่กลับร้องไห้ขึ้นมาอย่างจริงจัง ขณะที่ร้องไห้ก็ยังไม่ลืมปลอบใจกู้หนานเฉิงกับฮูหยินใหญ่ไปด้วย
มีเพียงกู้ชิวถางที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดและตำหนิตนเอง กล่าวถามไปทางหลี่เฉิงเย่:
“นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ! ใต้เท้าหลี่! น้องสาวของข้ากลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร!”
บนใบหน้าของหลี่เฉิงเย่ก็มีความโศกเศร้าเช่นกัน กล่าวว่า: “ผู้ใต้บังคับบัญชาของข้าพบร่างของคุณหนูใหญ่กู้ในถ้ำที่ไม่สะดุดตาแห่งหนึ่ง ตอนที่ไปถึง ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้แล้ว”
“เพราะเหตุใดถึงเป็นเช่นนี้! เซียงเอ๋อของข้า……ชีวิตจิตใจของข้า! เป็นเช่นนี้ได้อย่างไร……”
ฮูหยินใหญ่หายใจไม่ทัน เป็นลมหมดสติไปแล้ว
กู้ชิวถางกำหมัดคารวะต่อหลี่เฉิงเย่แล้วกล่าวว่า: “ต้องขออภัยด้วยจริงๆ ในบ้านมีเรื่องโศกเศร้า ไม่สามารถให้การต้อนรับขับสู้ได้”
เดิมทีหลี่เฉิงเย่ก็เพียงแค่ทำตามคำสั่งของอวี้ฉือจ้านมาส่งศพของกู้ชิวเซียงเท่านั้น ตอนนี้ภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว ก็ไม่มีความคิดจะอยู่ต่อเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “เสียใจด้วย ข้ายังมีภารกิจติดตัวอยู่ ขอตัวลาไปก่อน”
“เดินทางปลอดภัย”
บนใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้มีความเสียใจ เพียงแต่ว่าในใจกลับรู้สึกแปลกใจขึ้นมา ดูจากวิธีการตายของกู้ชิวเซียง กลับไม่เหมือนถูกหน่วยกล้าตายของจวินฉีเซิ่งฆ่าตาย เห็นได้ชัดว่าถูกกระทำชำเรา สุดท้ายถึงจะถูกฆ่าตาย หน่วยกล้าตายของจวินฉีเซิ่งล้วนผ่านการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวด ถึงแม้กู้ชิวเซียงจะมีรูปร่างหน้าตาที่งดงามใช้ได้ พวกเขาก็ไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้ลับหลังจวินฉีเซิ่งอย่างเด็ดขาด
เสื้อผ้าที่ฉีกขาดของกู้ชิวเซียงยังสามารถมองเห็นคราบฝนอยู่ เมื่อคืนฝนเพิ่งจะตกไป ดังนั้นความจริงแล้วกู้ชิวเซียงถูกฆ่าเมื่อคืนนี้ นี่ก็ยิ่งสามารถพิสูจน์ได้ว่ากู้ชิวเซียงไม่ได้ถูกหน่วยกล้าตายที่จวินฉีเซิ่งส่งออกไปฆ่าตาย
และบนร่างกายของกู้ชิวเซียง ไม่ได้ใส่เสื้อคลุมที่นางมอบให้ มันเป็นเพราะอะไรกัน?
ในใจของกู้ชิวเหลิ่งมีข้อสงสัยมากมาย สิ่งเดียวที่สามารถแน่ใจได้ก็คือ กู้ชิวเซียงไม่ได้ถูกคนที่จวินฉีเซิ่งส่งออกไปฆ่าตาย นอกเหนือจากนี้ บาดแผลที่อยู่บนร่างกายของกู้ชิวเซียงก็ยากมากที่จะเกิดขึ้นเพราะผู้ชายเพียงคนเดียว ต้องเป็นผู้ชายมากกว่าสองคนอย่างแน่นอน เช่นนั้นคนที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ ก็มีเพียงคุณชายลูกหลานขุนนางชนชั้นสูงที่ไปล่าสัตว์เมื่อวานนี้แล้ว
เนื่องจากการหมดสติไปของฮูหยินใหญ่ ดังนั้นกู้ชิวเหลิ่งจึงได้แต่ถอยออกไปอย่างเงียบๆ
ตอนที่กลับเข้าไปถึงในลาน กู้ชิวเหลิ่งยังครุ่นคิดอยู่ว่าตกลงแล้วใครที่เป็นคนชิงสังหารกู้ชิวเซียงอย่างโหดร้ายก้าวหนึ่งก่อนกันแน่ แล้วใครที่มีความสามารถเช่นนี้? มีความแค้นอะไรมากมายกับกู้ชิวเซียงกัน?
“คุณหนู ท่านไม่ต้องคิดแล้ว รีบล้างเนื้อล้างตัวเข้านอนเถอะเจ้าค่ะ”
จูเอ๋อร์เตรียมน้ำร้อนเอาไว้หนึ่งถัง ช่วยกู้ชิวเหลิ่งถอดเสื้อตัวนอกออก ถึงแม้ว่าจะทำแผลใส่ยาแล้ว แต่ว่าบาดแผลที่อยู่บนไหล่ซ้ายก็ยังน่ากลัวอยู่ดี
จูเอ๋อร์กล่าวขึ้นมาด้วยความกังวล: “คุณหนูเจ้าคะ……นี่มันจะทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้ไหมเนี่ย? หากว่าเหลือรอยแผลเป็นเอาไว้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้สนใจบาดแผลที่อยู่บนไหล่ซ้ายเลยแม้แต่น้อย ค่อยๆนอนลงไปในถังไม้ กล่าวว่า: “รอยแผลเป็นเท่านั้น จะใส่ใจขนาดนี้ทำไมกัน?”
“ได้อย่างไรกันล่ะ! คุณหนูในฐานะที่เป็นผู้หญิง บนร่างกายมีรอยแผลเป็นหลงเหลือเอาไว้ ต้องไม่มีคนเอาอย่างแน่นอน!”
จูเอ๋อร์รู้ตัวว่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด รีบร้อนปิดปากเอาไว้ กล่าวว่า: “คุณหนู! บ่าวไม่ได้ตั้งใจเจ้าค่ะ! คุณหนูอย่าเก็บมาใส่ใจเด็ดขาดเลยนะ!”
จู่ๆในหัวของกู้ชิวเหลิ่งก็นึกถึงช่วงเวลาก่อนตายขึ้นมากะทันหัน คำพูดที่มู่หรงอี๋พูดกับนางประโยคนั้น: ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงที่เอาแต่รบราฆ่าฟันอยู่ตลอดหรอก
ใช่แล้ว แม้แต่จูเอ๋อร์นังหนูที่โง่ขนาดนี้ก็ยังสามารถเข้าใจหลักการในข้อนี้ ตอนนั้นนางกลับไม่เข้าใจ ในชาติก่อนเพื่อจวินฉีเซิ่งแล้ว นางสวมชุดเกราะเข้าสนามรบ บนร่างกายมีบาดแผลเล็กใหญ่นับไม่ถ้วน มือที่เดิมทีบอบบางก็กลายเป็นหยาบกร้าน กิริยาท่าทางก็ค่อยๆไม่เหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง แตกต่างกับมู่หรงอี๋ มู่หรงอี๋มีใบหน้าที่เหมือนกับเทพธิดาบนสวรรค์ ไม่เพียงแค่อ่อนโยนเท่านั้น แถมยังซื้อใจคนได้เก่งมาก
ตอนนั้นทำไมนางถึงไม่สามารถเข้าใจให้เร็วกว่านี้หน่อย ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบผู้หญิงเช่นนี้
แต่นางไม่เพียงแต่ไม่เข้าใจเท่านั้น ยังสูญเสียลูกเพียงคนเดียว สูญเสียพ่อกับพี่ชายและตระกูลของตัวเอง สุดท้ายยังสูญเสียชีวิตของตัวเองไปด้วย
จู่ๆในใจของกู้ชิวเหลิ่งก็กระสับกระส่ายขึ้นมา ทุกครั้งที่นางนึกถึงตอนที่จวินฉีเซิ่งป้อนน้ำทำหมันให้นางอย่างอ่อนโยน ในใจก็เหมือนกับมีใบมีดเป็นร้อยๆพันๆแผ่นกำลังเชือดเฉือนอยู่ เจ็บปวดจนไม่สามารถหายใจได้
บาดแผลบนไหล่ซ้ายดูเหมือนจะได้รับผลกระทบ เจ็บจนหน้าผากของกู้ชิวเหลิ่งมีเหงื่อเย็นผุดออกมา
กู้ชิวเหลิ่งกัดฟันเอาไว้ ฝังทั่วทั้งร่างกายเข้าไปในน้ำ น้ำมีความร้อนเล็กน้อย ความร้อนแบบนี้กัดเซาะบาดแผลตรงไหล่ซ้ายของนาง ความเจ็บปวดที่แทงทะลุหัวใจแผ่ซ่านจากไหล่ซ้ายไปทั่วทั้งร่างกาย
ความเจ็บแบบนี้นี่แหละ ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งหนาวเหน็บมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสามารถสลักการแก้แค้นเข้าไปในกระดูกมากขึ้นเท่านั้น
ในขณะที่มุมปากของกู้ชิวเหลิ่งโค้งเป็นรอยยิ้มขึ้นมา จู่ๆก็มีมือที่มีกำลังคู่หนึ่ง ลากคนทั้งคนของนางขึ้นมา
กู้ชิวเหลิ่งตะลึงงัน ไม่รู้ว่าอวี้ฉือจ้านปรากฏตัวขึ้นในห้องของนางเมื่อไหร่ ใช้เสื้อคลุมสีม่วงจื่อถังห่อตัวนางเอาไว้อย่างแน่นหนา ในสายตาเผยแสงความเย็นยะเยือก: “ไม่ง่ายกว่าที่ข้าจะรักษาไหล่ของเจ้าให้หายได้ เจ้าจะทำร้ายตัวเองงั้นหรือ?”
สายตาของกู้ชิวเหลิ่งหรี่ลงเล็กน้อย แผ่ซ่านลมหายใจที่อันตราย: “เซ่อเจิ้งหวางชอบบุกเข้ามาในห้องส่วนตัวของอิสตรีมากนักหรือ?”
จูเอ๋อร์ผลักประตูเข้ามาพอดี ครั้งนี้อวี้ฉือจ้านไม่ได้หลบเลี่ยงออกไป สิ่งที่เข้ามาในสายตาของจูเอ๋อร์ก็คือภาพฉากนี้ อวี้ฉือจ้านอุ้มก็ชิวเหลิ่งเอาไว้ในแนวนอน ทั้งสองคนมองหน้ากันและกัน กลับมีความรู้สึกคลุมเครือไม่ชัดเจนอย่างหนึ่งขึ้นมา
“เซ่อ……”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “ออกไป!”
จูเอ๋อร์รีบร้อนวิ่งออกไป ปิดประตูห้องเอาไว้อย่างแน่นหนา
กู้ชิวเหลิ่งออกแรง ดิ้นรนจนหลุดออกจากอ้อมแขนของอวี้ฉือจ้าน แล้วร่วงเข้าไปในถังไม้ใหม่อีกครั้ง ในถังไม้มีเสียงน้ำสาดกระเซ็นดังออกมา อวี้ฉือจ้านดึงกู้ชิวเหลิ่งขึ้นมาอย่างตาไวมือเร็ว
แต่ว่ากู้ชิวเหลิ่งก็ลุกขึ้นมาจากน้ำแล้ว บนร่างกายพันด้วยเสื้อคลุมสีม่วงจื่อถัง มือขวากลับยื่นมีดสั้นที่แหลมคมออกมาเล่มหนึ่ง ปาดไปทางลำคอของอวี้ฉือจ้านแล้ว การเคลื่อนไหวรวดเร็วแม่นยำและโหดเหี้ยม ไม่มีการออมมือเลยแม้แต่น้อย ราวกับว่าต้องการจะสังหารอวี้ฉือจ้านให้ตายจริงๆ
อวี้ฉือจ้านหลบออกไปอย่างรวดเร็วมาก มือข้างหนึ่งจับข้อมือขวาของกู้ชิวเหลิ่งเอาไว้ ปัดมีดสั้นของกู้ชิวเหลิ่งทิ้งไป
แต่ว่าจู่ๆมือซ้ายของกู้ชิวเหลิ่งก็ตบลมฝ่ามือมา อาจจะเป็นเพราะว่าแม้แต่อวี้ฉือจ้านก็คาดไม่ถึงว่ากู้ชิวเหลิ่งจะถึงกับใช้มือซ้าย รับฝ่ามือนี้ไปเลยเต็มๆ