ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 121 แค้นเก่าแค้นใหม่
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 121 แค้นเก่าแค้นใหม่
กู้หนานเฉิงจึงอนุญาตให้กู้ชิวเยว่อยู่ร่วมอย่างไม่ได้พูดโจ่งแจ้ง จากนั้นก็คิดอะไรได้จึงเอ่ย “พ่อบ้าน เจ้าส่งคนไปตระกูลฉินเดี๋ยวนี้ แจ้งเล่าฮูหยินของตระกูลฉิน ฉินกั๋วกงและกั๋วกงฮูหยินว่าวันนี้ฮูหยินใหญ่ประสบกับคนร้ายเสียชีวิต เชิญพวกเขามาสักครั้งให้ได้!”
แม้กู้หนานเฉิงจะไม่ให้คนของตระกูลฉินมา แต่พวกเขาก็ต้องรีบมาอยู่ดี หลิวเล่าฮูหยินรักและให้ความสำคัญกับฮูหยินใหญ่มาโดยตลอด ทั้งยังเป็นน้องสาวร่วมอุทรของฉินเจิ้งเป่า หนนี้ไม่ว่ากู้หนานเฉิงจะพูดดีอย่างไร ความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลก็ต้องเลวร้ายแน่
ไม่ว่าอย่างไร วันนี้กู้หนานเฉิงยังกล่าวถ้อยคำล่วงเกินต่อหน้าหลิวเล่าฮูหยิน แค้นเก่าแค้นใหม่ชำระในคราวเดียว แม้แต่ภายนอกตระกูลฉินและตระกูลกู้ก็คงไม่ไว้ไมตรีเหมือนดั่งวันวานอีกแล้ว
พ่อบ้านก้มศีรษะสั่งการกับคนรับใช้ชายที่อยู่ด้านข้าง เพียงแต่หน้าผากมีเม็ดเหงื่อซึมออกมานิดๆ ทุกคนต่างทราบว่าวันนี้เขาเพิ่งล่วงเกินฮูหยินใหญ่ หากให้คนของตระกูลฉินทราบเรื่องนี้เข้า กู้หนานเฉิงต้องส่งตัวเขาให้ตระกูลฉินลงโทษแน่ ถึงตอนนั้นอย่าว่าแต่ตำแหน่งพ่อบ้านเลย แม้แต่ชีวิตน้อยๆ ของเขาก็ไม่แน่ว่าจะรักษาได้
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ในเมื่อร่างของท่านแม่ยังเคลื่อนย้ายไม่ได้ เช่นนั้นท่านพ่อก็นั่งลงก่อนเถิด จะได้คิดว่าต่อไปจะทำอย่างไรด้วย”
กู้หนานเฉิงหน้าขรึมผงกศีรษะ แต่เมื่อนึกได้ก็พบว่าห้องของฮูหยินใหญ่กลับไม่มีที่จะนั่ง
อนึ่ง ห้องของฮูหยินใหญ่รกรุงรังยิ่ง มีแต่แถบผ้าขาวและผ้าขาวอยู่เต็มไปหมด และพื้นก็มีแต่เศษเครื่องเคลือบ ราวกับเคยถูกคนรุมทึ้ง
เมื่อนั้นกู้หนานเฉิงจึงถามด้วยความสงสัย “นี่…นี่มันอะไรกัน! หรือว่าขโมยผู้นี้หลังจากฆ่าฮูหยินใหญ่แล้วยังขโมยของไปอีกหรือ?”
เดิมทีทุกคนต่างจดจ่ออยู่กับการตายของฮูหยินใหญ่ ไม่สังเกตเห็นความวุ่นวายในห้องนี้ แต่เมื่อกู้หนานเฉิงอยากหาที่นั่งสักหน่อย จึงพบว่าห้องนี้เละเทะแต่แรกแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งกล่าว “คาดว่าจะไม่ใช่เจ้าค่ะ เพราะของมีค่าควรเมืองทั้งหลายในห้องก็ยังอยู่ครบ ตู้เสื้อผ้าของท่านแม่ก็ไม่ได้ถูกเปิดออก ของมีราคาจำนวนมากยังถูกวางอย่างเป็นระเบียบ…”
กู้ชิวเหลิ่งยังไม่ทันกล่าวจบ พ่อบ้านก็สั่นพั่บคุกเข่าลง โขกศีรษะไม่หยุด “นายท่าน! เป็นบ่าว! วันนี้นายท่านสั่งให้บ่าวมาดึงผ้าขาวที่ห้องฮูหยินใหญ่ ตอนที่บ่าวมาถึง ฮูหยินใหญ่กำลังโมโห ขว้างปาข้าวของเต็มห้อง ตอนนั้นบ่าวกลัวว่าจะทำงานไม่สำเร็จจึงเร่งให้คนดึงผ้าขาวลงมา…ภายหลังฮูหยินใหญ่ก็โมโหจนขับไล่บ่าวออกมา ฉะนั้น…ก็เลยยังไม่ทันเก็บกวาด…”
“บัดซบ! ข้าแค่ให้เจ้ามาดึงผ้าขาวในห้อง นางยังเป็นนายหญิงของจวนโหวเหมือนเดิม! อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ความประจบสอพลอของพวกเจ้านะ! ยังไม่รีบให้คนมาเก็บกวาดให้เรียบร้อยอีก!”
กู้หนานเฉิงย่อมโกรธ เพราะหากให้คนของตระกูลฉินเห็นสภาพเช่นนี้ เขาต้องถูกตราหน้าว่าใจดำกับภรรยาเอก ถึงตอนนั้นไม่เพียงแต่สิ้นชื่อ แล้วยังต้องเผชิญกับศัตรูตัวฉกาจอย่างตระกูลฉินด้วย
ขณะพ่อบ้านกำลังจะวิ่งออกไป ไหนเลยจะทราบว่ากู้ชิวถางเร่งแม้ลงแส้พาเซ่าชิงศาลต้าหลี่*มาถึงแล้ว ได้ยินเสียงจางหย่วนเต้า เซ่าชิงของศาลต้าหลี่ กระหืดกระหอบหนักเอ่ย “อย่าแตะต้อง!”
กู้หนานเฉิงรู้สึกไม่น่าเลย ผู้ที่มาคือเซ่าชิงของศาลต้าหลี่จางหย่วนเต้า คนผู้นี้เป็นคนเถรตรงไม่เห็นแก่ผู้ใด และเป็นคนที่เซ่อเจิ้งหวางให้การสนับสนุนมาโดยตลอด เขาไม่ยำเกรงผู้ใดทั้งสิ้น ยามนี้เขาไม่อาจจัดสถานที่ได้แล้ว เมื่อคนตระกูลฉินมาก็ย่อมจะได้เห็นสภาพนี้แน่ ชื่อเสียงของเขาต้องจบสิ้นแล้ว
จางหย่วนเต้ายังถือว่าเคารพนอบน้อม เมื่อปรับลมหายใจแล้วก็ประสานมือคารวะ “ข้าน้อยจางหย่วนเต้า เซ่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ขอรับ”
กู้หนานเฉิงยิ้มไม่ออก แต่ได้เอ่ย “จางเซ่าชิงช่างมาได้ว่องไวจริง”
“เกิดคดีความที่จวนท่าน อีกทั้งแม่ทัพกู้ยังมาร้องคดีด้วยตนเอง หากข้ายังไม่มาอีกจะเป็นการไม่สมควรเกินไปแล้วขอรับ”
กู้หนานเฉิงพยักหน้า เอ่ย “เชิญจางเซ่าชิงดูก่อน ต้องหาเจ้าหน้าที่ชันสูตรมาชันสูตรศพสักหน่อยหรือไม่ หรือว่าจะนำศพกลับไปที่ศาลต้าหลี่?”
“ข้าน้อยจะตรวจสอบศพก่อนสักหน่อย อีกประเดี๋ยวเจ้าหน้าที่ชันสูตรก็ถึงแล้วขอรับ”
จางหย่วนเต้ามองไปที่ร่างของฮูหยินใหญ่ เนื่องจากฮูหยินใหญ่เป็นภรรยาเอกของกู้หนานเฉิง ดังนั้นจึงได้พบหน้าสองครั้งทุกที นางเป็นผู้มีสง่าราศี ทว่าวันนี้ใบหน้าฮูหยินใหญ่กลับน่าเกลียดน่ากลัว กลายเป็นศพเย็นแข็งอยู่กับพื้นเสียแล้ว
เมื่อจางหย่วนเต้าเข้าไปนั่งยองดูอยู่ใกล้ๆ จึงสังเกตเห็นรอยแผลที่คอของฮูหยินใหญ่ “ข้าทำคดีมานับไม่ถ้วน ลูกไม้ที่ผู้ตายถูกรัดคอแล้วแขวนกับขื่อก็พบเห็นมาไม่น้อย รอยแผลตรงนี้ชัดเจนมากว่าถูกคนรัดจากด้านหลังจริงๆ เพียงแต่หากต้องการรู้ว่าฆาตกรเป็นใคร ยังต้องใช้เวลาสืบสวนอีกสักหน่อย”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “จางเซ่าชิงเคยเจอกับลูกไม้เช่นนี้มามาก ย่อมทราบว่าผู้ใดมีความเป็นไปได้มากที่สุดที่จะสังหารฮูหยินใหญ่ปิดปาก?”
เมื่อนั้นจางหย่วนเต้าจึงมองไปที่กู้ชิวเหลิ่ง เห็นโฉมหน้างามล่มเมืองของนาง แม้จะอยู่ในวัยสิบสี่ ดูเด็กเล็กน้อย แต่กลับมีกิริยาเหมาะสม วาจาไม่แข็งกร้าวและไม่ต้อยต่ำ ไพเราะกังวานใสดุจมุกหยก ครั้นแล้วจึงเกิดความนิยมชมชอบสองส่วน “ท่านนี้น่าจะเป็นหนิงจวิ้นจู่ที่ฝ่าบาทเพิ่งแต่งตั้งกระมัง?”
“ฝ่าบาททรงพระกรุณา ข้าน้อยที่มิอาจเอื้อม”
จางหย่วนเต้าพยักหน้า กล่าว “แม้ฐานะของหนิงจวิ้นจู่จะสูงส่ง แต่ข้าน้อยยังอยากถามคำถามหนิงจวิ้นจู่สักข้อ”
กู้ชิวเหลิ่งไม่รู้สึกว่าจางหย่วนเต้ากล่าววาจาล่วงเกินแม้แต่น้อย จึงตอบกลับ “เชิญจางเซ่าชิงถามได้”
“ระยะนี้หนิงจวิ้นจู่มีความแค้นอะไรกับฮูหยินหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า ตอบ “ระยะนี้ท่านแม่ป่วยหนักเพราะการตายของพี่หญิงใหญ่ รักษาตัวอยู่ในห้องพักตลอดเวลา หลายวันนี้พวกเราก็ไม่ได้พบหน้าท่านแม่เลย”
จางหย่วนเต้าไตร่ตรองครู่หนึ่งแล้วจึงถาม “แต่ข้าได้ยินมาว่าฮูหยินใหญ่สงสัยว่าหนิงจวิ้นจู่ในเรื่องของคุณหนูใหญ่ ทั้งยังชี้ว่าท่านเป็นฆาตกรฆ่าคนอีก ไม่ทราบมีเรื่องเช่นนี้หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ปกปิด ตอบ “มีเรื่องเช่นนี้จริง แต่นั่นเป็นการเข้าใจผิด ขณะนั้นตอนที่เซ่อเจิ้งหวางส่งข้ากลับมาได้อธิบายชัดเจนแล้ว การตายของพี่หญิงใหญ่ไม่เกี่ยวข้องกับข้าสักนิด”
ทันใดนั้นกู้ชิวเยว่ก็สอดปาก “จางเซ่าชิง ท่านต้องสอบสวนพี่หญิงรองข้าท่านนี้ให้ดีเล่า เมื่อก่อนนางถูกท่านแม่รังแกตำหนิอยู่ไม่น้อย ช่วงนี้ท่านแม่คิดถึงบ้านมารดา อยากกลับไป แต่วันนี้นางกลับกล่าวถ้อยคำล่วงเกินฉินเล่าฮูหยินที่ห้องของท่านพ่อ ไม่ยอมให้ฉินเล่าฮูหยินพาท่านแม่ไป! เห็นได้ว่ามีจุดประสงค์แอบแฝง ต้องเจ็บแค้นท่านแม่แน่ จากนั้นจึงฆ่าท่านแม่ระบายความแค้น!”
“หือ? มีเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ? ไม่ทราบคุณหนูรองจะอธิบายอย่างไร?”
กู้ชิวเหลิ่งเพียงยิ้มบางแล้วตอบ “นี่ก็น่าแปลกจริง น้องสามรู้เรื่องเช้าวันนี้ได้อย่างไร? ข้าจำได้ว่าตอนนั้นน้องสามน่าจะไม่ได้อยู่ในห้องของท่านพ่อกระมัง?”
กู้ชิวเยว่หน้าซีด นางร้อนใจจะโยนเรื่องการสังหารฮูหยินใหญ่ให้กู้ชิวเหลิ่ง แต่กลับลืมไปว่าที่ตนกล่าวไปเมื่อครู่นั้นเป็นการแอบฟังจากนอกห้องกู้หนานเฉิงของนาง