ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 122 การแตกหักของสองตระกูล
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 122 การแตกหักของสองตระกูล
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วเอ่ย “หรือว่าวันนี้น้องสามมาแอบฟังอยู่นอกห้องท่านพ่อแต่แรกแล้ว?”
ครั้นกู้ชิวเหลิ่งกล่าวเช่นนี้ ทุกคนจึงหันไปมองทางกู้ชิวเยว่ แม้แต่ใบหน้าอี๋เหนียงรองก็ยังปรากฏสีหน้าแปลกประหลาด นางไม่รู้เรื่องที่หลิวเล่าฮูหยินมาที่จวนในวันนี้ และเพราะเมื่อครู่กู้ชิวเยว่พูดออกมา นางจึงรู้สึกแปลก ตอนที่หลิวเล่าฮูหยินมาฟ้ายังไม่สาง ตามหลักกู้ชิวเยว่ควรยังนอนอยู่ในห้องจึงจะถูก แต่ทำไมถึงไปแอบฟังอยู่ที่ปากประตูกู้หนานเฉิงได้?
จางหย่วนเต้าเอ่ย “ตามที่หนิงจวิ้นจู่กล่าว คุณหนูสามน่าสงสัยจริง นี่เป็นอย่างไรมาอย่างไรกันแน่? เจ้าจะอธิบายอย่างไร?”
กู้ชิวเยว่ปากสั่นระริก เมื่อวานนางเตรียมจะไปเยี่ยมอาการป่วยของฮูหยินใหญ่ที่ห้อง กระตือรือร้นเหมือนอย่างเคย จุดประสงค์เพื่อเอาใจฮูหยินใหญ่ เพราะเมื่อกู้ชิวเซียงเสียชีวิต ในจวนก็จะไม่มีบุตรสาวจากภรรยาเอก หากนางสามารถย้ายไปอยู่ในการดูแลของฮูหยินใหญ่ได้ เช่นนั้นต่อไปนางก็จะพลอยมีค่าตัวสูงด้วย ต้องได้ออกเรือนกับผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่แน่นอน ฐานะก็จะกลายเป็นสูงส่ง แต่นางเพิ่งจะเข้าไป ยังไม่ทันเอ่ยปากก็ถูกฮูหยินใหญ่ก่นด่าออกมาเสียก่อน
นางยังคงจำได้ที่ฮูหยินใหญ่ปัดยาตกลงพื้น แล้วตวาดหนักว่า “อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ามีแผนการอะไรนะ! ต่อให้เซียงเอ๋อร์ไม่อยู่แล้ว ข้าก็จะไม่ให้เจ้าที่เป็นนางชั้นต่ำมาเป็นลูกสาวของข้า! ลูกที่เกิดจากนางชั้นต่ำก็เป็นได้แต่นางชั้นต่ำ อย่าได้คิดจะบินขึ้นสู่ยอดไม้กลายเป็นหงส์เลย!”
ขณะนั้นนางจากไปด้วยความเคียดแค้น หลังจากนั้นก็เห็นแม่นมโจวทำลับๆ ล่อๆ แอบออกไปจากประตูหลัง
นางปรนนิบัติอยู่ข้างกายฮูหยินใหญ่มานานขนาดนี้ ทุกครั้งที่ฮูหยินใหญ่มีปัญหาก็จะให้แม่นมโจวไปหาหลิวเล่าฮูหยินที่ตระกูลฉิน นางรออยู่หลังต้นไม้ตลอด รอจนกระทั่งตะวันจะลับฟ้าแล้ว เมื่อแม่นมโจวกลับมา นางถึงได้ย่องตามกลับไปสวนอี้เซียงของฮูหยินใหญ่ พอได้ยินว่าหลิวเล่าฮูหยินวางแผนมาหากู้หนานเฉิงแต่เช้า นางจึงคิดจะไปดู
แต่ตอนนี้จะให้นางเอ่ยปากออกมาได้อย่างไร?
เอ็นเขียวบนใบหน้าของกู้หนานเฉิงปูดโปน ตะคอก “กู้ชิวเยว่! พูด”
กู้ชิวเยว่ตกใจได้สติ กลอกตาแล้วจึงเอ่ย “ที่…ที่ลูกแอบฟังอยู่หน้าห้องท่านพ่อ เป็นเพราะ…เพราะเมื่อวานลูกคิดจะไปเยี่ยมอาการป่วยของท่านแม่ แต่บังเอิญเห็นแม่นมโจแอบกลับมาจากด้านหลัง ลูกประหลาดใจจึงตามไป ไหนเลยจะรู้ว่าท่านแม่บอกว่าเช้านี้ฉินเล่าฮูหยินจะมา บอกว่าจะหารือเรื่องพาท่านแม่กลับไป ตอนนั้นลูกอยากไปบอกกับท่านพ่อ แต่กลัวว่าท่านพ่อจะพักผ่อนแล้วจึงคิดจะมาบอกท่านเช้านี้ แต่เพิ่งเดินไปถึงหน้าประตู เล่าฮูหยินของตระกูลฉินก็มาแล้ว ลูกไม่ได้จงใจแอบฟังจริงๆ นะเจ้าคะ! ลูกไม่ได้ฆ่าคนจริงๆ!”
กู้ชิวเยว่พูดกึ่งจริงกึ่งเท็จ ฟังแล้วเหมือนไม่มีอะไรให้สงสัย แต่ไม่มีคนเป็นประจักษ์พยาน ดังนั้นจางหย่วนเต้าจึงยังไม่ปักใจเชื่อ
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “ท่านพ่อ น้องสามยังเด็ก คงทำเรื่องใจดำอำมหิตเช่นนี้ไม่ได้ ท่านก็อย่าโมโหเลย นางแค่หวังดีแต่ขี้กลัวไปหน่อยเท่านั้น”
กู้หนานเฉิงมองกู้ชิวเยว่อย่างไม่ได้ดั่งใจ หากบุตรสาวคนนี้สังหารฮูหยินใหญ่จริง ทางตระกูลฉินต้องเอาความเป็นเรื่องใหญ่แน่ หากเรื่องที่บุตรีของอนุสังหารภรรยาเอกแพร่งพรายออกไปจะเหมือนอะไร
จังหวะนั้นเอง คนรับใช้ชายที่ส่งไปรับฉินเจิ้งเป่าก็กลับมาแล้ว เพิ่งเข้าประตูมาฉินเจิ้งเป่าก็มีสีหน้าโกรธเกรี้ยว หวิดจะเข้ามาลงมือลงไม้กับกู้หนานเฉิง
“กู้หนานเฉิง เจ้ามันสุภาพบุรุษจอมปลอม คืนชีวิตน้องสาวของข้ามา!”
จางหย่วนเต้ายังยืนดูอยู่ด้านข้าง อีกทั้งอี๋เหนียงรอง เอี้ยนซานเหนียง และกู้ชิวเหลิ่ง กู้ชิวเยว่ กู้ชิวถางหมู่อนุชนก็อยู่ด้วย กู้หนานเฉิงจึงรู้สึกเสียหน้าในทันใด แต่ยังคงเอ่ยเสียงอ่อน “พี่ฉิน เรื่องนี้เกิดขึ้นกะทันหัน ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ พี่ฉินโปรดหักห้ามใจด้วย”
“ตอนนี้เซียงเหลียนตายตาไม่หลับ เรื่องนี้เจ้าต้องอธิบายกับข้ามาให้ได้!”
ฉินเจิ้งเป่าโกรธจนหน้าอกกระเพื่อม แต่ครั้นก้มศีรษะมองร่างของฮูหยินใหญ่ก็ตกใจหน้าถอดสี เมื่อก่อนน้องสาวของตนรักและหวงแหนโฉมหน้ามาตลอด แม้จะวัยสามสี่สิบแล้วก็ยังทำให้ตัวเองงดงามสดใส แลดูมีชาติตระกูล แต่ยามนี้ฮูหยินใหญ่นอนอยู่กับพื้น ไม่เพียงสภาพการเสียชีวิตจะไม่น่ามอง ทั้งยังสวมเพียงชุดขาวตัวใน ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ไหนเลยจะมีลักษณะของนายหญิงผู้เป็นใหญ่ในบ้าน
หนำซ้ำห้องหับยังระเกะระกะ ไม่เหมือนที่พักในการดำรงชีพของภรรยาเอกเลย
“ดีนี่ กู้หนานเฉิง หลายปีมานี้เจ้าเรียกเป็นพี่เป็นน้องกับข้า แต่ลับหลังกลับทำกับเซียงเหลียนเช่นนี้หรือ? มิน่าเล่า เมื่อวานนางถึงส่งคนมาบอกเล่าความทุกข์ ถ้าวันนี้เซียงเหลียนไม่ถูกฆ่า ข้าก็คงไม่ได้รู้ว่าคนตระกูลฉินดีกับนางถึงขั้นนี้!”
ฉินเจิ้งเป่ามีน้องสาวเพียงคนเดียว รักทะนุถนอมแต่เล็ก เมื่อเห็นภาพในเวลานี้แล้วจึงเห็นชัดว่ารับไม่ได้ ถ้อยคำที่กล่าวออกมาล้วนเหน็บแนมทุกประโยค ทำจนกู้หนานเฉิงเหมือนน้ำท่วมปาก
ฉินเจิ้งเป่าโบกมือ หน้าตึงเอ่ย “ส่งร่างของคุณหนูใหญ่ฉินกลับตระกูลฉิน!”
ฉินเจิ้งเป่าไม่ได้ใช้คำว่า ‘ฮูหยินกู้’ แต่เรียกฮูหยินใหญ่ว่า ‘คุณหนูใหญ่ฉิน’ เห็นชัดว่ามีประสงค์ต้องการแตกหักกับตระกูลกู้แล้ว
กู้หนานเฉิงทำหน้าไม่ติด ยังเป็นจางหย่วนเต้าผู้เถรตรงไม่เห็นแก่ผู้ใดเอ่ยปาก “ฉินกั๋วกง ข้าน้อยคือจางหย่วนเต้าเซ่าชิงแห่งศาลต้าหลี่ เวลานี้ฮูหยินกู้ถูกคนสังหาร เรื่องนี้พัวพันไปถึงคดีความ และศาลต้าหลี่ก็มีอำนาจรับผิดชอบจัดการ ตอนนี้ฆาตกรตัวจริงยังสืบไม่รู้แน่ชัด ต้องให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรมาชันสูตรและสืบหาฆาตกรตัวจริงให้ได้ก่อน จึงจะสามารถทำให้ฮูหยินกู้ไปสู่สุคติขอรับ”
ฉินเจิ้งเป่าหรี่ดวงตาเล็กน้อย เอ่ย “ชันสูตรศพ? จางเซ่าชิง น้องสาวข้าก็ตายไปแล้ว เจ้ายังจะให้คนทำร่างของน้องสาวข้าให้แปดเปื้อนอีกหรือ? จิตใจเจ้าทำด้วยอะไร!”
จางหย่วนเต้าเอ่ยอย่างไม่แข็งกร้าวและไม่ต้อยต่ำ “ฉินกั๋วกงกล่าวผิดไปแล้ว ที่ให้เจ้าหน้าที่ชันสูตรมาชันสูตรก็เพื่อสืบหาฆาตกรที่แท้จริง มิได้เพื่อทำร่างของฮูหยินกู้ให้แปดเปื้อน ฮูหยินกู้ถูกคนทำร้าย ไม่ได้รับความเป็นธรรม ที่ข้าน้อยทำเช่นนี้ก็เพื่อให้ฮูหยินกู้ไปอย่างสบายใจ”
ฉินเจิ้งเป่าหน้าตึงกล่าว “เรื่องนี้ต้องสืบอยู่แล้ว เพียงแต่ในเมื่อรู้ว่าน้องสาวข้าถูกคนสังหาร เช่นนั้นรู้วิธีการแล้วหรือ?”
“การประเมินเบื้องต้นก็คือถูกคนรัดคอจากด้านหลัง”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องชันสูตรอีก! ข้าจะนำร่างของเซียงเหลียนกลับจวนกั๋วกง เพราะเรื่องของเซียงเหลียนท่านแม่ถึงกับเป็นลมหมดสติแน่นิ่งไปแล้ว กู้หนานเฉิง เรื่องนี้ข้าจะเอาเรื่องเจ้าให้ถึงที่สุด ตระกูลฉินกับตระกูลกู้ก็ไม่จบด้วย!”
คนใช้สี่คนด้านหลังฉินเจิ้งเป่าหามศพของฮูหยินใหญ่ขึ้นมา สีหน้าจางหย่วนเต้าไม่สู้ดี แต่กำลังคิดจะเอ่ยปาก กู้ชิวเหลิ่งก็กล่าวขึ้น “ฉินกั๋วกง เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงคดีฆาตกรรม ศาลต้าหลี่จำเป็นต้องชันสูตรศพจึงจะสืบหาฆาตกรตัวจริงได้อีกขั้น ท่านนำร่างของท่านแม่ไปเช่นนี้ หรือจะถือว่ามีอำนาจอิทธิพลอยู่ในมือ ไม่สนใจกฎหมาย?”