ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 128 มีภรรยาก็ลืมพี่น้อง
“…ข้าน้อยรับทราบ”
จีเฟิงแหงนหน้ามองท้องฟ้ายามราตรีอันมืดครึ้มขมุกขมัวทีหนึ่ง ยามนี้ยามสาม น่ากลัวว่าเขาจะต้องไปนอนคุยกับรากต้นมะม่วงแล้ว
ฝู้จื่อโม่อยู่ในห้องหนังสือทำหน้าขมึงตึง ตรวจอ่านหนังสือราชการด้วยความเร็วยิ่ง นึกก่นด่าอวี้ฉือจ้านไปแล้วร้อยพันตลบ อั้นชีที่อยู่ด้านข้างก็ยกน้ำชามาให้เขาตาตื่นอยู่ตลอด แต่ทุกครั้งที่เติมน้ำชา อั้นชีจะไม่กล้ามองดวงตาที่อดกลั้นถึงขีดสุดคู่นั้นของฝู้จื่อโม่
และคำถามที่ฝู้จื่อโม่ถามบ่อยที่สุดก็คือ “เมื่อไรท่านอ๋องของพวกเจ้าจะกลับมา?”
และที่บ่นมากที่สุดก็คือ “ยังไม่หมดอีกหรือ!”
เวลานี้อวี้ฉือจ้านจัดการให้กู้ชิวเหลิ่งพักอยู่ในห้องนอนของตัวเอง ใช้หมอนและผ้าห่มนุ่มรองอยู่บนเตียง พยายามให้กู้ชิวเหลิ่งนอนสบายหน่อย
“เป็นถึงเซ่อเจิ้งหวาง แต่กลับนอนไม้กระดานหรือ?”
อวี้ฉือจ้านตอบ “ผู้กรำศึก ไม่คุ้นเคยกับการนอนบนเตียงสูงหมอนนุ่ม หากเจ้ารู้สึกไม่สบาย ข้าจะให้คนเตรียมฟูกนุ่มให้เจ้าอีก”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้าน้อยๆ ไม่กล้าเคลื่อนไหวมาก เมื่อครู่ขณะที่ตกลงมาจากหลังม้ารู้สึกว่าร่างกายครึ่งซีกแข็งไปแล้ว เวลานี้ยังไม่สามารถขยับได้
อวี้ฉือจ้านเห็นกู้ชิวเหลิ่งไม่ขยับเขยื้อนจึงขมวดคิ้วมุ่น “นอกจากไหล่ซ้าย เจ้ายังเจ็บตรงไหนมากอีก?”
“ตัวซีกซ้ายเจ็บ นอกนั้นก็ไม่แล้ว”
“บรรพบุรุษของข้า! เจ้าอยากหามข้า! วางข้าลง! วางข้าลง! จีเฟิงเจ้าลูกกระต่าย*!”
เสียงร้องแลกแหกกระเจิงของเมิ่งจิ่วดังมาจากปากประตู กู้ชิวเหลิ่งจึงทอดสายตาไปนอกประตู จีเฟิงก้มหน้า หามเมิ่งจิ่วสาวเท้าเข้ามา “ท่านอ๋อง พาเมิ่งเซียนเซิงมาแล้วขอรับ”
อวี้ฉือจ้านพยักหน้า “วางเขาลง”
“ขอรับ”
เมิ่งจิ่วกุมเอวที่เจ็บ เอ่ย “เจ้าลูกกระต่าย เบาหน่อยสิ! ไอ้หยา…เอวของข้า!”
กว่าเมิ่งจิ่วจะได้ลงมา เสื้อผ้าหลุดลุ่ย ยับยู่ยี่ เห็นชัดว่าถูกลากลงมาจากเตียง ยังไม่ทันได้จัดระเบียบเสื้อผ้าให้เรียบร้อย
“อ้าว ทำไมถึงเป็นนังหนูนี่อีก? ข้าไม่รักษา ข้าไปล่ะ!”
ขณะเมิ่งจิ่วหันตัวกำลังจะไป อวี้ฉือจ้านก็ตวาดเสียงเย็น “จีเฟิง!”
จีเฟิงยื่นมือข้างหนึ่งเหนี่ยวตัวเมิ่งจิ่วไว้ อีกฝ่ายพลันร้องเจ็บ ชี้จมูกจีเฟิงก่นด่า “เจ้าลูกกระต่าย! เจ้า…”
“อย่าพูดมาก มารักษา ถ้ารักษาไม่หาย ข้าจะขว้างแมงป่องที่เจ้าเลี้ยงเหล่านั้นให้หมด”
เมิ่งจิ่วซมซานคลานขึ้นมาจากพื้น ชี้อวี้ฉือจ้านเอ่ย “ได้ เด็ดโหดร้ายนักนะ! รักษาก็รักษา!”
เมิ่งจิ่วกุมเอว เดินกะเผลกเข้าไป ปากก็พลางบ่นพึมพำ “เจ้าคนชั่วมีภรรยาก็ลืมพี่น้อง…”
ครั้นอวี้ฉือจ้านขมวดคิ้ว เมิ่งจิ่วก็พลันยิ้มแป้น เดินไปจะจับข้อมือของกู้ชิวเหลิ่ง แต่มือยังไม่ทันไปถึงข้างตัวกู้ชิวเหลิ่ง อวี้ฉือจ้านก็ปัดมือของเมิ่งจิ่วออก กล่าวด้วยเสียงเย็นชา “ไม่ต้องจับชีพจร นางตกลงมาจากม้า เจ็บซีกตัวซ้ายมาก ขยับไม่ได้”
“เจ้าก็บอกแต่แรกซี่!”
เมิ่งจิ่วตบๆ มือ เอ่ย “ถอดเสื้อผ้านาง!”
จีเฟิงอยู่ด้านข้างตัวแทบแข็ง เมิ่งจิ่วคิดอย่างไรก็พูดอย่างนั้นโดยแท้ ไม่กลัวจะต้องไปนอนคุยกับรากมะม่วงหรือ
อวี้ฉือจ้านหรี่ดวงตาอย่างที่คิด “เมื่อกี้เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าพูดว่า…”
จีเฟิงเดินเข้ามาอุดปากเมิ่งจิ่วทันที เอ่ยกลั้วหัวเราะ “ท่านอ๋อง! เมิ่งเซียนเซิงคงยังไม่ตื่นดี ข้าน้อยจะพาเขาไปทำให้กระปรี้กระเปร่าสักหน่อยขอรับ!”
เมิ่งจิ่วถูกจีเฟิงอุดปาก พูดไม่ออกสักประโยค กระทั่งถูกจีเฟิงลากออกจากห้องแล้วถึงสลัดมือของจีเฟิงออกได้ เอ่ยด้วยใบหน้าโมโห “เจ้าลูกกระต่าย! เจ้ายังกล้า…”
“เมิ่งเซียนเซิง ที่อยู่ข้างในนั่นเป็นถึงว่าที่พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางเชียวนะ ท่านจะให้พระชายาของเซ่อเจิ้งหวางถอดเสื้อผ้าต่อหน้าท่านที่เป็นบุรุษ ท่านว่าท่านรนหาที่ตายหรือไม่?”
“ข้ารู้ว่านางเป็นว่าที่พระชายาของเซ่อเจิ้งหวาง แต่แล้วจะอย่างไร? ข้าไม่สนใจอิสตรีสักหน่อย ข้าแค่จะตรวจดูอาการบาดเจ็บของนางเท่านั้น บริสุทธิ์ใจยิ่ง ไม่มีพิษมีภัย!”
จีเฟิงกลอกลูกตา เอ่ย “ความจริงท่านไม่ทราบ ท่านอ๋องคิดเล็กคิดน้อยเป็นที่สุด หากท่านกล้ามองเรือนร่างว่าที่พระชายาของเขา เชื่อหรือไม่ว่าแมงป่องพิษท่านจะต้องตายยกรัง?”
เมิ่งจิ่วตัวสั่นพั่บดังคาด นึกถึงที่อวี้ฉือจ้านขว้างแมงป่องพิษตายคราวที่แล้ว อารมณ์ก็ตกวูบไปอยู่ในหุบเหวทันที
ครั้นจีเฟิงเห็นเมิ่นจิ่วหวั่นไหวจึงตบบ่าเมิ่งจิ่วด้วยความจริงใจและมีความหมายลึกซึ้ง เอ่ย “ถึงจะเพื่อแมงป่องพิษอันเป็นที่รักของท่าน ดีชั่วก็หาวิธีปกติสักหน่อยเถิด”
เสียงการสนทนาของทั้งสองไม่ดัง แต่กลับส่งไปถึงโสตกู้ชิวเหลิ่งและอวี้ฉือจ้าน กู้ชิวเหลิ่งจึงรู้สึกเก้อเขินอย่างยากจะได้เห็น
เมิ่งจิ่วสะบัดแขนเสื้อ เดินเข้าไปด้วยใบหน้าที่ประดับด้วยรอยยิ้ม เอ่ย “เมื่อครู่ข้ายังไม่ตื่นดี ตอนนี้สมองแจ่มชัดแล้ว ที่ร่างกายซีกซ้ายของคุณหนูรองเจ็บ เป็นเพราะกระเทือนถูกใช่หรือไม่?”
อวี้ฉือจ้านตอบแทนกู้ชิวเหลิ่ง “อย่าพูดพล่าม”
เมิ่งจิ่วจึงล้วงขวดเครื่องเคลือบสีขาวออกมาจากแขนเสื้อสองใบ เอ่ย “สิ่งนี้คือยาที่ทำได้ในคราวที่แล้ว เอาเทลงในน้ำอุ่น แล้วให้คุณหนูรองลงไปแช่ จากนั้นเจ้า หรือเจ้าก็ลงน้ำไปเดินลมปราณให้นางในน้ำ”
จีเฟิงรีบเอ่ย “ข้าน้อยเมาน้ำขอรับ!”
อวี้ฉือจ้านมองกู้ชิวเหลิ่งที่นอนอยู่บนเตียงแวบหนึ่ง ทำหน้าตึง เอ่ย “พวกเจ้ากำลังเล่นลูกไม้อะไรกับข้าอีก?”
“โปรดอย่ากล่าวเช่นนี้ ข้าไหนเลยจะกล้า บาดแผลที่นางตกลงมากระเทือนไปถึงเส้นลมปราณ เดิมก็ต้องมีคนกระทุ้งเส้นเลือดที่ติดขัดให้นางอยู่แล้ว แต่เมื่อมียานี้ของข้า จะสามารถขจัดความเจ็บปวดได้บางส่วน อีกทั้งยังช่วยให้เลือดไหลเวียนคล่อง นี่ก็ได้มาจากที่เจ้าขว้างแมงป่องแสนรักของข้าตายในคราวนั้นนั่นแหละ หากเจ้าไม่เชื่อ เช่นนั้นข้าก็หมดหนทางแล้ว”
อวี้ฉือจ้านนิ่งงันครู่หนึ่งแล้วจึงได้ยินเมิ่งจิ่วกล่าวต่อ “นี่มิใช่ว่าที่ภรรยาเจ้าหรือ? อายอะไร! หากยังชักช้าร่ำไร ต่อไปนางก็เป็นได้เพียงผู้อัมพาตครึ่งซีกแล้ว! เจ้าคิดเองเถิดว่าจะทำอย่างไร!”
คิ้วที่ขมวดแน่นของอวี้ฉือจ้านคลายออก กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยปาก “ท่านอ๋องวางใจจัดการเถอะ พรุ่งนี้ยังต้องแสดงละครอีก ข้าเป็นเช่นนี้จะแสดงละครได้อย่างไร?”
อวี้ฉือจ้านเดินไปถึงข้างเตียงแล้วอุ้มกู้ชิวเหลิ่งขึ้น สั่ง “ไปเฝ้าอยู่ที่บ่อน้ำแร่หลังเขา หากไม่มีคำสั่งข้า ผู้ใดก็อย่าได้เดินเข้าไปแม้เพียงก้าวเดียว”
“ขอรับ!”
จีเฟิงสบตากับเมิ่งจิ่วที่หนึ่ง จากนั้นก็ออกไปอย่างเงียบๆ
อวี้ฉือจ้านอุ้มกู้ชิวเหลิ่งไปที่ข้างบ่อน้ำแร่ ถอดเสื้อชั้นนอกของนางออกจนเหลือแต่เสื้อตัวใน แต่แล้วเขาก็ลงมือต่อไม่ได้อีก
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ยขึ้น “ถอดเถอะ ข้ามิได้ติดใจ”
อวี้ฉือจ้านลังเลแล้วจึงปิดดวงตา ถอดเสื้อตัวสุดท้ายของนางออก ทว่าเขากลับไม่ได้ถอดชุดตัวนอกของตัวเอง
อวี้ฉือจ้านหย่อนกู้ชิวเหลิ่งลงในบ่อน้ำด้วยความระมัดระวังแล้วเปิดขวดหนึ่งออก แต่ขณะที่เพิ่งเทน้ำลงไปก็ได้ยินอีกฝ่ายพูดขึ้น “เทยานี้ไม่ได้”
“เพราะอะไร?”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มสวย “จิตใจของเซ่อเจิ้งหวางบริสุทธิ์เพียงนี้เชียวหรือ? กลิ่นของยานี้ยั่วยวนคน นี่น่าจะเป็นอำพันอนงค์ เซียนพิษผู้มีชื่อเสียงโด่งดังกลับยังสามารถทำยาชนิดนี้ได้ ช่างน่าสนใจจริง”