ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 14 พบท่านอ๋องหกอีกครั้ง
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 14 พบท่านอ๋องหกอีกครั้ง
งานเลี้ยงต้อนรับแขกที่เดินทางมาไกลนี้ช่างน่าเบื่อยิ่งนัก กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้คิดที่จะริเริ่มแสดงความสามารถของตัวเองในงานเลี้ยงต้อนรับแขกนี้ ไม่มีความสามารถที่แท้จริงแต่กลับออกหน้าเร็วเกินเวลาอันควร สักวันหนึ่งก็ต้องถูกกดขี่และประสบความหายนะแน่ ไม่เพียงแต่ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ แถมยังทำให้ตัวเองเสียหายด้วย
ชาติก่อนก็เป็นเพราะจวินฉีเซิ่งเข้าใจความหมายนี้เร็วเกินไป ดังนั้นก่อนจวินฉีเซิ่งจะอายุยี่สิบปีเขาก็ยังเป็นแค่ท่านอ๋องที่ไร้ชื่อเสียงมาโดยตลอด แม้แต่ชื่อในการแต่งตั้งตำแหน่งก็คือ”อาน” หมายถึงเขานิ่งเงียบ แต่นักยุทธศาสตร์แอบที่จวินฉีเซิ่งแอบคบหานั้นมีมากกว่ารัชทายาทกับอ๋องหวาอีก หากไม่ใช่เพราะเห็นความทะเยอทะยานและความปรารถนามุ่งมาดของจวินฉีเซิ่ง นางจะไม่รู้สึกดีกับจวินฉีเซิ่งในแง่มุมที่แตกต่างออกไปอย่างแน่นอน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็แทงเข็มเงินในมือของตัวเองเข้าไปในฝ่ามืออย่างแรง ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากนิ้วมือนั้น ทำให้สมองของกู้ชิวเหลิ่งชัดเจนขึ้น ชาติที่แล้วนางคิดใคร่ครวญวางแผนอย่างดี แต่นางก็คิดไม่ถึงว่าหัวใจของจวินฉีเซิ่งจะร้ายกาจถึงเยี่ยงนี้
จูเอ๋อร์เห็นว่านิ้วของกู้ชิวเหลิ่งเลือดไหล รีบเอาผ้าไหมมา: “ทำไมคุณหนูถึงเหม่อลอยอีกแล้วเจ้าค่ะ?ตั้งแต่เมื่อวานนี้ที่ท่านอ๋องรองจากไป คุณหนูก็ดูจิตใจวุ่นวายไป”
กู้ชิวเหลิ่งเอาผ้าไหมเช็ดไปสองครั้งอย่างไม่ใส่ใจ โยนดอกโบตั๋นดอกหนึ่งที่เพิ่งปักเสร็จนั้นทิ้งลงบนโต๊ะ บอกว่าเป็นดอกโบตั๋น แต่ในความเป็นจริงมันดูเหมือนเส้นด้ายสีแดงที่ยุ่งเหยิง มองไม่ออกเลยว่าเป็นดอกไม้
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างเฉยชาว่า:”นำของสิ่งนี้ไปทิ้งเถิด”
จูเอ๋อร์พูดอย่างสงสัย: “เมื่อก่อนคุณหนูไม่สนใจเรื่องการเย็บปักถักร้อยแม้แต่สักนิดเลย ทำไมวันนี้ถึงได้นึกที่จะมาเย็บปักถักร้อยรึเจ้าค่ะ?”
เดิมทีกู้ชิวเหลิ่งเพียงแค่ปักเล่นๆเท่านั้น และเมื่อได้ยินว่าเจ้าของร่างเก่านี้ก็ไม่มีการวิจัยเชิงลึกเกี่ยวกับการเย็บปักถักร้อย นางก็รู้สึกโล่งใจลง: “เมื่อวานนี้ข้าเห็นกู้ชิวเซียงสวมชุดเสาเย่า ท่านอ๋องรองชอบดอกเสาเย่ามากรึ?”
จูเอ๋อร์หัวเราะฮะๆแล้วพูดว่า:”คุณหนูพูดกันไรกันเจ้าค่ะ?คนข้างนอกบอกว่าท่านอ๋องรองชอบเสาเย่าและโบตั๋น แต่ในความเป็นจริงมันไม่ใช่เช่นนั้น ท่านอ๋องรองแพ้เกสรดอกไม้ สิ่งที่ชอบมาโดยตลอดนั้นคือไม้ไผ่ ความลับนี้ก็มีเพียงคุณหนูและท่านอ๋องรองเท่านั้นที่รู้! ”
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้วลงโดยไม่ได้ตั้งใจ นางเคยดูตู้เสื้อผ้าของเจ้าของร่างเดิมนี้แล้ว เสื้อผ้าทั้งหมดล้วนเป็นสีไผ่เขียวหรือสีเขียวอ่อน แม้แต่เรือนจั๋วยู่เดิมที่เคยอาศัยอยู่นั้น มองผ่านไปก็ล้วนเป็นสีเขียว หากบอกว่าก่อนหน้านี้นางคิดเสมอว่าระหว่างกู้ชิวเหลิ่งและอวี่เหวินเจี๋ยนี้มีความรู้สึกดีต่อกัน เช่นนี้ตอนนี้ก็ยิ่งมั่นใจยิ่งขึ้นว่าความสัมพันธ์ระหว่างคนสองคนนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน แต่เห็นทัศนคติที่อวี่เหวินเจี๋ยทำต่อตัวเองในวันนั้น กลับยิ่งทำให้นางรู้สึกน่าสงสัยมากขึ้น
จูเอ๋อร์บอกว่า ข่าวลือที่อวี่เหวินเจี๋ยชอบเสาเย่าและดอกโบตั๋นนั้น ถูกแพร่ออกมาเมื่อครั้งหนึ่งตอนอวี่เหวินเจี๋ยไปน้อมทักทายไทเฮา ในขณะที่ไทเฮากำลังเลือกสีของเสื้อผ้าอยู่ มีบ่าวคนหนึ่งเข้าใจผิดว่าเสาเย่าเป็นดอกโบตั๋นจึงปักไว้บนเสื้อผ้า ต่อมาเดิมทีไทเฮาต้องการกำจัดกับสาวรับใช้ในแผนกอาภรณ์ เมื่อถามความคิดเห็นของอวี่เหวินเจี๋ย อวี่เหวินเจี๋ยกลับบอกว่าสีของดอกไม้บนเสื้อผ้านั้นสวยงามมาก ไทเฮาถึงจะหายโกรธ จากนั้นด้านนอกก็ลือกันว่าอวี่เหวินเจี๋ยชอบเสาเย่า สาวๆจึงเริ่มเลียนแบบ
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าเบาๆ และจูเอ๋อร์ก็กล่าวว่า: “วันนี้คุณหนูใหญ่กับฮู่หญิงต่างก็มัวแต่เลือกชุด ประมาณอีกสักสิบหรือครึ่งเดือนฝ่าบาทของแคว้นฉีก็จะมาแล้ว ใครๆก็บอกว่าประเพณีพื้นบ้านของแคว้นฉีนั้นเข้มงวด ให้ความสำคัญกับการแต่งกาย บ่าวก็อยากไปดูนัก แต่น่าเสียดายไม่มีพรเช่นนั้น”
กู้ชิวเหลิ่งดื่มน้ำคำหนึ่งแล้วพูดว่า:”สวยแต่รูป จูบไม่หอม ไม่มีอะไรน่าดูนัก”
ไม่รอให้กู้ชิวเหลิ่งวางถ้วยชาในมือลง มีเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้นที่นอกประตู ซึ่งฟังแล้วเหมือนเสียงของผู้ชาย และยังมีเสียงห้ามของบ่าวรับใช้ชายสองสามคน
“กู้ชิวเหลิ่ง! นังคนใบ้ที่ไม่รู้ที่ตาย! ออกมาเดี๋ยวนี้! ”
ตอนอวี่เหวินหวายพุ่งเข้ามา กู้ชิวเหลิ่งก็นึกได้แล้ว นางพึ่งตื่นขึ้นมายังสับสนเล็กน้อย สิ่งแรกที่นางลืมตามาแล้วเห็นก็คือผู้ชายคนนี้ ซึ่งดูไม่แกร่งเท่าอวี่เหวินเจี๋ย สวมเสื้อคลุมสีน้ำเงิน ด้วยใบหน้าที่โกรธแค้น แค่มองแวบแรกก็รู้ว่าเป็นท่านอ๋องในเมืองหลวงที่เอาแต่เที่ยวไม่ทำอะไรไปวันๆ ส่วนบ่าวรับใช้ชายสองสามคนที่อยู่ข้างหลังก็กลัวจนตัวสั่น และไม่กล้าก้าวไปข้างหน้าแม้แต่ก้าวหนึ่งเลย
กู้ชิวเหลิ่งกวักมือไปมาส่งสัญญาณให้ถอยไปแล้วพูดอย่างเฉยชาว่า:”ดูเหมือนว่าท่านอ๋องหกมีเรื่องจะคุยกับเหลิ่งเอ๋อร์ พวกเจ้าออกไปเถอะ”
จูเอ๋อร์ถามอย่างเป็นห่วงเล็กน้อยว่า:”คุณหนู ให้……”
กู้ชิวเหลิ่งดื่มน้ำอย่างไม่สนใจว่า:”ออกไป อย่าให้ข้าพูดซ้ำอีก”
จูเอ๋อร์เหลือบมองอวี่เหวินหวายที่มีแต่ความโกรธ แล้วเหลือบมองกู้ชิวเหลิ่งที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจ จึงทำได้เพียงถอยออกไป
กู้ชิวเหลิ่งเทน้ำแก้วหนึ่งให้อวี่เหวินหวายอย่างใจเย็น ในดวงตานั้นซ่อนความเย็นชาเอาไว้ แต่ก็ยังคงพูดด้วยรอยยิ้มว่า: “ท่านอ๋องหกมาอย่างโกรธเยี่ยงนี้ อยากถามอะไรก็พูดมาตรงๆเลย”
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้น อวี่เหวินหวายก็ตกตะลึงเล็กน้อย กู้ชิวเหลิ่งในอดีตนั้นมักจะปล่อยผมสยาย แถมหน้าเหลืองผิวแห้งด้วย นี่เพียงแค่ผ่านไปไม่กี่วัน หน้าตากลับสวยงาม ขาวใสและน่ารักเยี่ยงนี้ และแม้แต่เสียงก็น่าฟังจนทำให้คนหลงใหลถึงเช่นนี้
ปกติเขาเป็นคนรักสาวงามที่สุด ในจวนก็มีอนุภรรยาหลายคนแล้ว แต่รูปร่างหน้าตาของพวกนางไม่มีใครเทียบกับกู้ชิวเหลิ่งได้เลย หากเมื่อกี้ไม่มีจูเอ๋อร์สาวรับใช่นี้อยู่ข้างๆ เขาเกือบจะคิดว่าตัวเองบุกเข้าห้องผิดแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งยกคิ้วขึ้นและพูดว่า:”ท่านอ๋องหก? ”
คำว่าท่านอ๋องหก เย็นยะเยือกเหมือนดั่งน้ำแข็งเย็นในคลังเก็บน้ำแข็ง โดยไม่มีอารมณ์ใดๆ อวี่เหวินหวายกำลังเริ่มเหม่อลอยเล็กน้อย ทันใดนั้นก็แตกสลายไปหมด
อวี่เหวินหวายจ้องมองกู้ชิวเหลิ่งอย่างดุร้าย:”สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือที่ข้าส่งให้เซียงเอ๋อร์เจ้าเอาไปซ่อนไหนแล้ว!”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเยาะเย้ย: “ท่านอ๋องหกพูดอะไรกัน?ข้าไม่เข้าใจ สิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือของพี่ใหญ่ก็ต้องอยู่ในลานของพี่ใหญ่อยู่แล้ว หากท่านอ๋องหกรู้สึกว่าสิ่งของนั้นมีค่าเกินไป และต้องการเอาคืน เช่นนั้นก็ต้องไปในลานของพี่ใหญ่ เรือนข้าไม่ได้มีสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือ”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าคอเสื้อแน่ ขมวดคิ้ว อวี่เหวินหวายกำลังผลักนางเข้ากับกำแพง และกำลังจะลงมือ แต่เมื่อเห็นสายตาที่เย็นชาของกู้ชิวเหลิ่ง เขาก็หยุดชะงักโดยไม่รู้ตัว
ในอดีตเมื่อใดก็ตามที่เขาตีนาง กู้ชิวเหลิ่งจะเป็นเหมือนกระต่ายที่ตื่นตูมตัวหนึ่ง หดตัวแล้วไปหลบไว้ในที่อื่นหรือร้องไห้เสียงดัง แต่กู้ชิวเหลิ่งในตอนนี้ ในสีหน้านั้นไม่ได้มีความกลัวแม้แต่นิดเลย ตรงกันข้ามสีหน้านั้นทำให้คนรู้สึกเหมือนดูถูก ราวกับว่าไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย
มือของอวี่เหวินหวายที่จับคอเสื้อของกู้ชิวเหลิ่งนั้นแน่นขึ้นเรื่อยๆ และพูดอย่างโกรธเคืองว่า:”กู้ชิวเหลิ่ง! เจ้าอย่าคิดว่ามีเซียวโหวเย๋น้อยหนุนหลังแย่ข้าก็จะกลัวเจ้า! ครั้งที่แล้วที่เจ้าผลักพี่ใหญ่ของเจ้าลงไปในสระบัวข้ายังคิดบัญชีกับเจ้าไม่พอเลย! เซียงเอ๋อร์ใจดี ขอร้องให้ข้าอย่าถือสากับเจ้า แต่ข้าไม่ได้มีนิสัยดีขนาดนั้น! ”
กู้ชิวเหลิ่งหรี่ตาลงยิ้มพูดว่า:”ท่านเป็นท่านอ๋อง ขอแค่ไม่ตีคนตาย ใครก็ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ ก็แค่ตีบุตรีอนุคนหนึ่งเท่านั้น มากที่สุดก็แค่เสียชื่อเสียงของท่านเท่านั้น แต่ท่านอ๋องหกเป็นผู้ชายคนหนึ่งกลับเข้าๆออกๆห้องของคู่หมั้นอยู่เป็นเสมอ ไม่รู้ว่าพี่ใหญ่จะคิดอย่างไร?ข้านี่ไม่เป็นไรอยู่แล้ว ชื่อเสียงของข้ากู้ชิวเหลิ่งเหม็นฉาวโฉ่ในเมืองหลวงต้าเยียนนี้แล้ว ไม่กลัวว่าจะถูกลือว่าเป็นคนไม่รักดีเพิ่มอีก เพียงแต่……พี่ใหญ่อาจไม่ยอมรับแล้วมั้ง? “