ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 142 หลักการรับแขกของข้า
สายตาของชายผู้นั้นทอดตกบนตัวกู้ชิวเหลิ่งที่อยู่ตรงทางเดินชั้นสอง ตั้งแต่เมื่อครู่ก็รู้สึกได้ถึงเส้นสายตาเย็นชา เขามีสัมผัสว่องไวอยู่เสมอ ครั้นช้อนตาขึ้นก็เห็นโฉมหน้าพริ้มเพราของกู้ชิวเหลิ่ง เส้นผมดำสยายแผ่ปกคลุม มวยผมปักด้วยปิ่นหยกเขียว ปลายผมยังชื้นเล็กน้อย ผิวพรรณขาวเนียน แม้รูปร่างจะไม่สูง แต่กลับมีบุคลิกเย็นชากดดันผู้คน
ครั้นมองไปก็เห็นว่าเป็นอิสตรีที่น่าสนใจคนหนึ่งโดยแท้
รอยยิ้มบนใบหน้าสตรีในชุดผ้าโปร่งสีเขียวแข็งเกร็งในบัดดล แล้วจึงเอ่ย “คุณชาย นี่คือแขกของเถ้าแก่เรา ไม่ใช่แม่นางของหอเฟิงเยว่ มิอาจรับรอง…”
ชายผู้นั้นดื่มสุราจอกหนึ่ง ยังคงจดจ่ออยู่แต่กับกู้ชิวเหลิ่ง “รับรองไม่ได้? ดูท่าสถานเริงรมย์ในเมืองหลวงต้าเยียนยังมีคุณหนูบริสุทธิ์ผุดผ่องอยู่อีก?”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้ว แม้ไม่ได้ขยับเขยื้อน แต่กลับเห็นดวงตาของชายคนนั้นว่ามีสีครามดุจมหาสมุทร ต้าเยียนไม่มีนัยน์ตาเช่นนี้แน่นอน
“ชนเผ่าแห่งน่านน้ำ หากข้าเดาไม่ผิด ท่านคือเป่ยไห่เฟิง?”
เป่ยไห่เฟิงสำรวมรอยยิ้ม การมาคราวนี้ของเขาถือว่าทำตัวให้เป็นที่สนใจไปทั่ว แต่กลับไม่มีคนใหญ่คนโตทราบฐานะของเขา เพราะคนของเจ้าน่านน้ำจะดำรงชีพอยู่ตามชายฝั่ง ทุกสิบปีจะมาแผ่นดินใหญ่หนหนึ่ง ปัจจุบันจึงมีคนจำนวนมากที่ไม่รู้จักชนเผ่าเจ้าแห่งน่านน้ำแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึง แม่นางน้อยคนหนึ่งกลับรู้ฐานะของเขา
กู้ชิวเหลิ่งเคยอ่านตำราโบราณเล่มหนึ่ง แต่ไหนมาจะมีเพียงผู้สืบทอดเชื้อสายจากตระกูลสายหลักเท่านี้จึงจะมีนัยน์ตาต่างจากคนปกติ
มีเรื่องเล่าว่าในอดีตชนเผ่าเจ้าแห่งน่านน้ำคือเผ่ามังกรตงไห่ ภายหลังเผ่ามังกรตงไห่ถูกลดฐานะเป็นเผ่าปีศาจ และเนื่องจากรัชทายาทมังกรตนหนึ่งสังหารมนุษย์ ดังนั้นจึงถูกเง็กเซียนฮ่องเต้ลงโทษให้เป็นมนุษย์ตราบชั่วลูกชั่วหลาน ครั้นรัชทายาทมังกรกลับชาติมาเกิด ก็เทียบเท่ากับเพื่อมาเป็นผู้ปกครองเจ้าแห่งน่านน้ำ ดังนั้นเมื่อถือกำเนิดจะมีนัยน์ตาสีครามเข้มดุจท้องทะเลที่ชวนให้คนสะดุดตา
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงเรื่องเล่า ทว่ากู้ชิวเหลิ่งเอนเอียงกับการอธิบายอีกอย่างหนึ่งมากกว่า นั่นก็คือเจ้าน่านน้ำเคยเป็นคนต่างเผ่า ภายหลังมีครอบครัวกับสตรีในพื้นที่ จึงให้กำเนิดบุรุษที่มีนัยน์ตาของคนต่างเผ่าและที่มีหน้าตาเป็นชาวฮั่น
และนามทุกยุคทุกสมัยของเจ้าน่านน้ำต่างเรียกว่าเป่ยไห่เฟิง
อวี้ฉือจ้านได้ยินเสียงเอะอะที่อยู่ข้างนอก จึงเดินออกมายืนเคียงข้างกู้ชิวเหลิ่ง แล้วก้มหน้ามองเป่ยไห่เฟิงที่อยู่ชั้นล่าง ท่าทางนั้นเต็มไปด้วยความเหยียด
หลังจากเป่ยไห่เฟิงเห็นอวี้ฉือจ้านแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าก็ค่อยๆ เลือนหายไป
หากกล่าวถึงความชอบของเขา ทุกสิ่งที่เขาปรารถนาจะไม่อนุญาตให้คนอื่นแย่งชิงเด็ดขาด
น้ำเสียงของอวี้ฉือจ้านเย็นชายิ่ง “หงซิ่ว ปิดประตูส่งแขก”
หงซิ่วอยู่ชั้นล่าง สีหน้าเปลี่ยนพลัน เอ่ยด้วยความนอบน้อม “เจ้าค่ะ”
หอเฟิงเยว่ก็มีแขกบางตาอยู่แล้ว แต่หลังจากส่งแขก ที่นี่จึงเหลือเพียงคนของเป่ยไห่เฟิงและองครักษ์ลับที่ซ่อนตัวอยู่ในหอเฟิงเยว่ หากเทียบแล้วก็แทบเรียกว่าคนของเป่ยไห่เฟิงมีเพียงหยิบมือ
เป่ยไห่เฟิงเล่นมุกทะเลที่อยู่ตรงเอว เอ่ย “เป็นอย่างไรบ้าง เราไม่ได้เจอกันตั้งสิบปีแล้ว”
อวี้ฉือจ้านเอ่ยเสียงเย็น “ที่เจ้าน่านน้ำมาเยือนต้าเยียนคราวนี้ ไม่ทราบมีเรื่องอันใด”
เป่ยไห่เฟิงตอบโดยพลัน “ว่างเว้นการงาน จึงมาเที่ยวเตร่”
กู้ชิวเหลิ่งเปิดปากเอ่ย “แม่นางของหอเฟิงเยว่จะรับแขกในตอนกลางคืน มิได้ขายเรือนร่าง ดังนั้นแม่นางในที่นี้ทั้งหมดจึงเป็นสตรีบริสุทธิ์ผุดผ่อง ไม่เพียงแต่ข้าคนเดียว ในเมื่อเจ้าน่านน้ำต้องการความสำราญก็มิสู้ไปที่อื่นจะดีกว่า หอคณิกาที่เจ้าน่านน้ำกล่าวถึงเมื่อครู่ ทางตรอกตรงข้ามเลี้ยวซ้ายก็คือหอชุนเฟิงเต๋ออี้อันไร้รสนิยมและคึกคัก ค่อยเดินไม่ส่ง”
ทันใดนั้นเป่ยไห่เฟิงก็โยนมุกทะเลที่อยู่ตรงเอว เอ่ย “ที่ข้าชอบคือเจ้า วันนี้ย่อมต้องพาไป ข้า ต้องการ ให้เจ้า เล่นสนุกกับข้าจนหนำใจ”
“น่ากลัวว่าเจ้าจะไม่มีความสามารถนี้”
อวี้ฉือจ้านมีน้ำเสียงจริงจังให้คนไม่อาจล้อเล่นได้อย่างนี้มาตลอด
เมื่อนั้นก็มีมือสังหารชุดดำไม่ทราบว่ามาจากไหนโผล่ออกมาจากทุกสารทิศ ล้วนสวมหน้ากาก ดังนั้นจึงไม่เห็นหน้าคร่าตา หน้ากากสีเขียวมีเขี้ยวนั้น แค่เห็นก็ชวนให้หวาดกลัวแล้ว
เป่ยไห่เฟิงหรี่ดวงตาเล็กน้อย “นี่คือหลักการรับรองแขกของพวกเจ้าต้าเยียนหรือ?”
อวี้ฉือจ้านปรายตา “นี่ก็คือหลักการรับรองแขกของข้า”
เป่ยไห่เฟิงไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย กล่าว “เจ้ารู้หรือไม่ว่าสมญานามแห่งน่านน้ำมาได้อย่างไร?”
กู้ชิวเหลิ่งเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ชนเผ่าเจ้าแห่งน่านน้ำ ร่ำรวยกว่าแว่นแคว้น มีเส้นทางการเงินจากทุกทิศ ดูแลกิจการทางทะเล หากไม่มีตระกูลเป่ยไห่ของพวกท่าน การขนส่งทางทะเลระหว่างทุกแคว้นก็จะเกิดอุปสรรค ไม่มีทางเลี่ยงอื่น หรือก็หมายถึง หากแคว้นใดล่วงเกินชนเผ่าแห่งน่านน้ำก็เท่ากับล่วงเกินอาณาเขตทางทะเลทั้งปวง ได้แต่ใช้ชีวิตอย่างตัดขาดโลกภายนอกแล้ว ถูกหรือไม่?”
เป่ยไห่เฟิงพยักหน้าอย่างรู้สึกว่ามีเหตุผลยิ่ง “มิผิด เจ้ากล่าวได้ถูกต้อง แต่ที่ข้าจะพูดคืออีกเรื่อง”
“ท่านหมายถึงสาหร่ายพิษจากทะเล?”
เป่ยไห่เฟิงกอดอก เอ่ยอย่างนึกสนุก “เจ้าพูดถูกยิ่งแล้ว! เจ้าลองทายดูสิ ว่าตอนนี้พวกเจ้าถูกพิษร้ายจากสาหร่ายทะเลของข้ากี่คน?”
ริมฝีปากแดงของกู้ชิวเหลิ่งเผยอเล็กน้อย “คำตอบคือ ไม่มีใครถูกพิษ”
ใบหน้าของเป่ยไห่เฟิงปรากฏความขมึงตึงจากการถูกฉีกหน้า รอยยิ้มในดวงตาหดหายไปเรื่อยๆ “เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้าพูดว่า คนที่อยู่ที่นี่ ไม่มีใครถูกพิษสักคน”
อวี้ฉือจ้านเผยรอยยิ้มบนใบหน้า “ถูกต้อง ไม่มีใครถูกพิษ”
เป่ยไห่เฟิงขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเอ่ย “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้? ที่แท้เจ้าน่านน้ำก็มักสำคัญตนผิดเช่นนี้หรือ? ถึงพิษของสาหร่ายทะเลจะแปลกประหลาด แต่ก็มีข้อเสีย นั่นก็คือสาหร่ายทะเลเหม็นคาวมาก ดังนั้นจึงถูกพบได้โดยง่าย ตั้งแต่เมื่อกี้ที่ท่านมาถึงนี่ ทุกคนก็กินยาขจัดร้อยพิษไปแล้ว เพียงแต่ท่านไม่รู้เอง ต้าเยียนมีผู้เก่งกล้าสามารถแปลกประหลาดมากมาย ตั้งแต่ห้าปีก่อนก็มีคนแก้พิษของสาหร่ายทะเลได้แล้ว”
ที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวล้วนเป็นความจริง นางเคยได้ยินเรื่องพิษของสาหร่ายทะเลมานานแล้ว แต่ขณะนั้นก็ถูกเซียนพิษเมิ่งจิ่วรุกฆาตเป็นที่เรียบร้อย เขาใช้พิษปะทะกับพิษผลิตเป็นยาร้อยพิษขึ้นมา และแก้พิษประหลาดนี้ได้พอดี ไม่เพียงแต่พิษชนิดนี้ แต่ไม่ว่าจะเป็นพิษที่มีกลิ่นไอใดๆ ก็สามารถขจัดได้ทั้งนั้น
ก่อนหน้านี้นางเสนอให้อวี้ฉือจ้านใช้วิธีของจวินฉีเซิ่ง เตรียมยาไว้กับตัวหน่วยกล้าตายและองครักษ์ลับทุกคน เม็ดหนึ่งคือยาปลิดชีพ เม็ดหนึ่งคือยากู้ชีพ และยาขจัดพิษก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็น
เกิดประโยชน์ในเวลาเช่นนี้อย่างที่คาดคิด
เป่ยไห่เฟิงเห็นคนที่อยู่โดยรอบไม่มีท่าทีถูกพิษ จึงเอ่ย “ความคิดดี แต่ไม่รู้ว่าความคิดนี้คือความคิดของแม่นางเลอโฉมผู้นี้ หรือว่าเป็นความคิดของเซ่อเจิ้งหวาง?”
กู้ชิวเหลิ่งตอบ “จะเป็นความคิดของใครก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือ เจ้าน่านน้ำยังอยากออกจากประตูหอเฟิงเยว่นี้หรือไม่?”
“นั่นก็อยู่ที่แม่นางจะยินดีให้ความร่วมมือหรือไม่”