ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 143 หอชุนเฟิงเต๋ออี้
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “แต่ไหนมาข้าก็ไม่ชอบให้ความร่วมมือ หากในมือข้าไม่มียาร้อยพิษ หากข้าถูกพิษสาหร่ายทะเลของท่านล่ะ? ทว่าเวลานี้ผู้ที่เจรจาเงื่อนไขกับข้ากลับเป็นท่าน ดั่งที่ว่าสิ่งใดๆ ล้วนไม่เที่ยง ไยท่านจำต้องใช้วิธีนี้ นี่จะโทษใครได้?”
เป่ยไห่เฟิงมาคราวนี้ก็มิได้ประสงค์ดีอยู่แล้ว เจ้าแห่งน่านน้ำไม่เคยทำสงครามมาก่อน แต่กลับวนเวียนอยู่ตามแคว้นต่างๆ ประชาชนที่อยู่ตามท้องทะเลก็ไม่เคยประสบกับความเดือดร้อนในช่วงศึกสงคราม แต่ตอนที่เขามาเมื่อสิบปีที่แล้ว ต้าเยียนยังคงเป็นแคว้นที่มีความโกลาหลด้วยศึกสงคราม ขณะนั้นต้าเยียนยังมีอาณาเขตไม่มาก ดังนั้นจึงขยายพื้นที่อยู่ตลอดเวลา เป็นแคว้นใหญ่ที่เคลื่อนทัพกรำศึก ดังนั้นสิบปีให้หลังที่เขาคิดมาต้าเยียนก่อนเป็นอันดับแรก ก็เพราะจะดูว่าในช่วงเวลาสิบปีต้าเยียนเปลี่ยนเป็นแคว้นที่รุ่งเรืองขนาดไหน
ครั้งนี้ดูแล้ว เป็นดินแดนแห่งยอดคนและอุดมสมบูรณ์ยิ่ง ต่างกับเมื่อสิบปีก่อนลิบลับ
เป่ยไห่เฟิงย่อมเอาชนะกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ จึงได้แต่หันไปทางอวี้ฉือจ้าน เอ่ย “ครั้งที่แล้วตอนที่ข้ามา เซ่อเจิ้งหวางก็รุ่นราวคราวเดียวกับข้า แต่ก็เป็นวีรบุรุษร่วมศึกฆ่าศัตรูได้แล้ว ทว่ายามนี้กลับยืนอยู่ข้างหลังอิสตรีเช่นนั้นหรือ?”
“ฝีปากดีของคุณชายเป่ยไห่ก็เฉกเช่นเดียวกับเมื่อสิบปีก่อน เพียงแต่เมื่ออยู่ต่อหน้านาง ข้ายินดีถอยอยู่ข้างหลัง แล้วจะอย่างไร? ”
“เจ้า!”
จู่ๆ เป่ยไห่เฟิงก็อยากกล่าวว่า ไร้ยางอายเสียจริง
เมื่อนึกว่าอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ก็กล่าวถ้อยคำขำฝืดอย่างไร้ยางอายอะไรไม่ได้ ดังนั้นจึงกลั้นกลืนกลับไป เอ่ย “ข้ายอมรับแล้ว เพียงแต่พวกเจ้าต้องใคร่ครวญให้ดีนะ หากข้าหายตัวไปจากต้าเยียน และหากเรื่องนี้แพร่ออกไป พวกเจ้าต้าเยียนก็รอสูญเสียอาณาเขตทางทะเล อยู่ตามยถากรรมได้เลย”
อวี้ฉือจ้านเหยียดยิ้มเย็น “เป็นการข่มขู่ที่ดียิ่ง”
ทันใดนั้นเป่ยไห่เฟิงก็รู้สึกยิ้มย่องได้สักที
แต่จังหวะนี้เอง จู่ๆ กู้ชิวเหลิ่งก็เอ่ยขึ้น “แค่อาศัยการข่มขู่นี้ ก็ให้ศพเขาสมบูรณ์ก็แล้วกัน”
เป่ยไห่เฟิงพลันหน้าถอดสี เมื่อเห็นเป่ยไห่เฟิงหน้าขมึงตึง กู้ชิวเหลิ่งก็เอ่ยอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณชายเป่ยไห่ ข้าก็แค่ล้อเล่นเท่านั้น คุณชายเป่ยไห่มาท่องเที่ยวคราวนี้ย่อมต้องหาความสำราญสักหน่อย เมืองหลวงต้าเยียนคึกคักมาก หากท่านยินดี พวกเราจะให้คนส่งท่านไปหอชุนเฟิงเต๋ออี้ แม่นางที่นั่นสิถึงจะเยี่ยมยอด”
อวี้ฉือจ้านเรียก “หงซิ่ว”
หงซิ่วก้าวออกมาทันที ขานรับ “เจ้าค่ะ”
“พาคุณชายเป่ยไห่ไปที่หอชุนเฟิงเต๋ออี้”
“เจ้าค่ะ”
หงซิ่วเดินไปถึงข้างกายเป่ยไห่เฟิง เอ่ยด้วยยิ้มเอ่ยอย่างนอบน้อม “คุณชายเป่ยไห่ เชิญ”
กู้ชิวเหลิ่งเห็นเป่ยไห่เฟิงยังยืนนิ่งอยู่กับที่ ดังนั้นจึงเอ่ย “ดูท่าคุณชายเป่ยไห่จะชอบเล่นสนุกกับองครักษ์ลับมากกว่า ถ้าเช่นนั้น…”
เป่ยไห่เฟิงเอ่ยแทรก “เชิญแม่นางหงซิ่วนำทางด้วย”
ก่อนจะจากไปเป่ยไห่เฟิงถลึงตากับกู้ชิวเหลิ่งอีกทีหนึ่ง ทว่ากู้ชิวเหลิ่งกลับทำเป็นทองไม่รู้ร้อน
อวี้ฉือจ้านเอ่ยกับกู้ชิวเหลิ่งที่อยู่ด้านข้าง “หอชุนเฟิงเต๋ออี้ใกล้จะล้มละลาย แต่เจ้ากลับส่งเทพไฉ่สิ่งเอี๊ยไป วางแผนจะทำอะไรหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งตอบ “เทพไฉ่สิ่งเอี๊ย? ข้าว่าส่งยันต์อายุสั้นไปเสียมากกว่า”
โดยแท้นางไม่ได้พอใจเต็มร้อยกับสถานที่ที่ฝู้จื่อโม่เลือก ในทางกลับกันยังชอบตำแหน่งหอชุนเฟิงเต๋ออี้มากกว่า
อวี้ฉือจ้านทัดช่อผมที่ยังชื้นนิดหน่อยไว้หลังหู เอ่ย “สายมากแล้ว ข้าจะส่งเจ้ากลับไป”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าน้อยๆ “ขอบคุณเซ่อเจิ้งหวางมาก”
อวี้ฉือจ้านเอ่ย “ข้าปรารถนาว่าต่อไปเจ้าจะเรียกข้าว่าอวี้ฉือจ้าน”
กู้ชิวเหลิ่งช้อนตาขึ้น เอ่ย “ก่อนที่ข้าจะเป็นชายาของท่าน ตามหลักควรเรียกว่าเซ่อเจิ้งหวาง หลังงานวิวาห์ ตามหลักควรเรียกว่าท่านอ๋อง เซ่อเจิ้งหวางต้องการให้ข้าเรียกนามโดยตรงเช่นนี้ หรือต้องการให้คนอื่นจับผิดข้า?”
“ไม่มีใครจับผิดเจ้าได้ นอกจากข้า”
อีกด้านหนึ่ง เป่ยไห่เฟิงเดินเข้าหอชุนเฟิงเต๋ออี้แล้ว ด้วยการกำชับของหงซิ่ว แม่นางทั้งหลายในหอจึงมากันอย่างล้นหลามราวกับคลื่นน้ำ แม่นางของหอชุนเฟิงเต๋ออี้มีร่างเกินอวบเป็นส่วนมาก หน้าตาอยู่ในระดับกลางค่อนล่าง เดิมประชาชนพ่อค้าเหล่านั้นใช้คลายเหงา ดังนั้นหากเทียบกับหอเฟิงเยว่ก็เป็นดังฟ้ากับดิน
เป่ยไห่เฟิงตระหนักคำว่า ‘รสนิยมต่ำ’ ที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวทันที
กลิ่นแป้งผัดแก้มฉุนนั้นเจียนจะทับเขาแล้ว
เป่ยไห่เฟิงที่อาศัยอยู่ตามชายฝั่งเป็นเวลายาวนาน รับไม่ได้กับกลิ่นแป้งผัดแก้มฉุนเสียดจมูกอย่างนี้
หงซิ่วเอ่ย “แม่นางของที่นี่จะร่วมปรนนิบัติท่าน หวังว่าคุณชายเป่ยไห่จะได้สันทนาการสุขสมนายของพวกเราได้จ่ายเงินไว้แล้ว วันนี้คุณชายเป่ยไห่สามารถดื่มด่ำกับความบันเทิงได้เต็มที่ หงซิ่วขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”
ดวงตาเป่ยไห่เฟิงเบิกกว้าง คนรับใช้ชายที่เขาพามาก็ไม่ทราบว่าถูกนางเหล่านั้นหลอกไปที่ไหนเสียนานแล้ว
แต่ไรมาเขาก็ไม่ลงมือกับอิสตรี มิเช่นนี้นางอ้วนที่อยู่ข้างกายเขาเหล่านี้ต้องถูกขว้างออกไปไกลพ้นขอบฟ้านานแล้วแน่
สมองเขาปรากฏภาพสตรีที่ยืนอยู่ชั้นสองนางนั้น แค้นใจกัดฟันกรอด รอให้เขาออกจากหอชุนเฟิงเต๋ออี้ก่อนเถิด จะต้องสืบหาฐานะของนางผู้นั้นให้จงได้!
ขณะอวี้ฉือจ้านส่งกู้ชิวเหลิ่งกลับไป ในจวนก็เกิดเรื่องใหญ่ ไม่ทราบว่าร่างของกู้ชิวเซียงไปที่ใดเสียแล้ว กลับอันตรธานไปในวันเดียว
มีเพียงโลงศพของฮูหยินใหญ่ที่ยังอยู่ในห้องโถง คนในจวนโหวจึงอลม่านกับในชั่วขณะ
มีเพียงกู้ชิวเหลิ่งที่ไม่ประหลาดใจสักนิด เพราะเรื่องนี้อวี้ฉือจ้านได้วางแผนล่วงหน้าไว้แล้ว
กู้ชิวถางนำทหารกลุ่มหนึ่งเข้าสวนเฉินเซียงของกู้ชิวเหลิ่ง สีหน้าเคร่งเครียด ยังไม่ทันเอ่ยปาก กู้ชิวเหลิ่งก็เอ่ยขึ้นก่อน “ข้ารู้ว่าร่างของพี่หญิงหายไป ท่านพี่ไม่ต้องรู้สึกลำบากใจที่จะเอ่ย สวนของข้าก็ค้นหาให้ทั่วเถอะเจ้าค่ะ กลับไปจะได้รายงานกับท่านพ่อได้”
กู้ชิวถางพยักหน้า คนที่อยู่ด้านหลังจึงเข้าไปค้นหาในเรือน กู้ชิวถางเอ่ย “ค้นหาทุกซอกทุกมุมในจวนโหวแล้ว แต่ก็ยังไม่พบร่างของเซียงเอ่อร์”
กู้ชิวเหลิ่งเอ่ย “นับจากเรื่องคราวที่แล้ว บ้านเราก็ถูกบีบให้อยู่ในจุดสุ่มเสี่ยง ถ้าร่างของพี่หญิงหายไปอีก ก็ยากจะไม่เป็นที่ครหา สมควรที่ท่านพ่อจะร้อนใจ”
กู้ชิวถางเอ่ยด้วยความหนักใจ “ท่านพ่อร้อนใจยังเป็นเรื่องเล็ก เรื่องศพของเซียงเอ๋อร์สิจึงเป็นเรื่องใหญ่ ศพนางถูกเผยแพร่ในที่สาธารณะแล้วหนหนึ่ง ก่อนเสียชีวิตยังต้องรับกับความอัปยศมากมาย หลังจากเสียชีวิตจะบกพร่องอะไรอีกไม่ได้เป็นอันขาด”
กู้ชิวเหลิ่งอดขันนิดๆ ไม่ได้ “ในจวนก็คงมีแต่ท่านพี่ที่ยังมีสายใยครอบครัว ยามนี้ท่านพ่อคงกำลังคิดอยู่ว่าจะอุดปากคนในเมืองหลวงต้าเยียนได้อย่างไร คนในจวนทั้งหลายก็กำลังห่วงว่าศีรษะตัวเองจะต้องย้ายบ้านในวันพรุ่งหรือไม่”
กู้ชิวถางหรือจะไม่ทราบว่าที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวคือความจริง เพียงแต่ในใจของเขายังหวังว่าสายใยแห่งครอบครัวจะมากกว่าหน่อย กลอุบายจะน้อยลงหน่อย