ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 147 ผ้าเช็ดหน้า
เซียวอวิ๋นเซิงนั่งอยู่ในหอบรรพบุรุษตระกูลตัวเองอย่างเบื่อหน่ายเหลือแสน ช่วงนี้ดวงไม่สู้ดี ไปจวนกู้โหวทีไรเป็นอันไม่ได้เจอเงาของกู้ชิวเหลิ่งร่ำไป หนนี้ก็ไปเสียเที่ยวเหมือนกัน ทำเอาเขาหงุดหงิดใจยิ่ง
ก็จังหวะนั้นเอง เขาได้รับข่าวจากหอจูชุ่ยว่าตอนนี้กู้ชิวเหลิ่งปรากฏตัวอยู่ที่นั่น
เซียวอวิ๋นเซิงลุกขึ้นแล้ววิ่งพรวดออกไปจากหอบรรพบุรุษตระกูลตัวเองโดยช่องทางลับ จะได้เจอนังหนูนั่นสักที!
แต่ขณะที่เขาถึงหอจูชุ่ย กู้ชิวเหลิ่งก็จากไปไม่เห็นเงาแล้ว
“นังหนู!”
เซียวอวิ๋นเซิงสะดุดจวนจะล้มลงกับพื้น ผู้จัดการค้อมคำนับ เอ่ย “คุณชาย…คุณหนูกู้ไปแล้วขอรับ”
“ไปแล้ว?”
เซียวอวิ๋นเซิงตะลึงอยู่กับที่ “นางมาทำอะไรบ้าง?”
ผู้จัดการกล่าวด้วยความลำบากใจ “ตามคำสั่งของคุณชาย หากคุณหนูกู้มา ไม่ว่าต้องการสิ่งใดก็จัดให้ หนนี้คุณหนูกู้เอาปิ่นปักผมหงส์เก้าหางไป…”
“เจ้าหมายถึง ปิ่นหงส์ที่ได้มาจากแคว้นฉีเมื่อเดือนที่แล้ว?”
ผู้จัดการพยักหน้า เอ่ย “คือปิ่นหงส์ที่ฮ่องเต้แคว้นฉีทำขึ้นเพื่อฮองเฮาที่สวรรคตเมื่อสามปีก่อน ร่ำลือว่าขณะที่เพิ่งทำปิ่นหงส์เสร็จ ตระกูลของฮองเฮาก็ถูกประหารเพราะก่อกบฏ ด้วยความพิโรธดังนั้นฮ่องเต้แคว้นฉีจึงทิ้งปิ่นนี้ไปเสีย ภายหลังมีคนเก็บได้และซ่อมแซมจนกลับเป็นเหมือนเดิม”
เซียวอวิ๋นเซิงไม่เคยสนใจกับเรื่องพรรค์นี้ เพียงแต่รู้สึกว่ากู้ชิวเหลิ่งให้ความสนใจกับฮองเฮาแคว้นฉีนิดหน่อย ก่อนหน้านี้ก็เป็นอาภรณ์ที่ฮองเฮาองค์นั้นเคยสวมใส่ ต่อมาก็เป็นปิ่นระย้า ตอนนี้ก็มาเป็นปิ่นหงส์อีก ช่างน่าสงสัยเสียจริง
“คุณชาย?”
ครั้นผู้จัดการเห็นเซียวอวิ๋นเซิงเหม่อลอยก็อดถามขึ้นไม่ได้
เซียวอวิ๋นเซิงโบกมือ เอ่ย “ในเมื่อนางก็ไปแล้ว ของก็ให้นางไป นางได้จ่ายเงินหรือไม่?”
“จ่ายแล้วขอรับ เป็นทองคำห้าหมื่นตำลึง”
เซียวอวิ๋นเซิงเบะปาก “ตอนนี้นางรวยแล้ว ดังนั้นจึงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตา”
เซียวอวิ๋นเซิงกำลังหันตัวจะไปก็ได้ยินเสียงประหลาดของคนรับใช้ชายที่อยู่ชั้นสอง “นี่ใช่ผ้าเช็ดหน้าของคุณหนูรองตระกูลกู้หรือไม่?”
เซียวอวิ๋นเซิงหยุดฝีเท้า แล้วเรียกคนรับใช้ชายที่อยู่ข้างบน “เจ้า! พวกเจ้าเอาของลงมาให้ข้า!”
อีกฝ่ายพยักหน้า ก้มตัวลงเก็บแล้วส่งมอบมาให้ มิใช่ของราคาแพงอะไร แต่เป็นผ้าเช็ดหน้าที่หล่นโดยบังเอิญ
เซียวอวิ๋นเซิงหยิบขึ้นมาดู เป็นผ้าเช็ดหน้าผ้าไหมสีเขียว บนนั้นปักลายดอกไห่ถังไม่เข้ากันเอาเสียเลย เซียวอวิ๋นเซิงเป็นคนที่ดูของเก่งยิ่ง ด้วยรสนิยมของกู้ชิวเหลิ่ง ทำไมถึงปักลายดอกไห่ถังไว้บนผ้าเช็ดหน้าสีเขียวเล่า?
เซียวอวิ๋นเซิงยัดไว้ในแขนเสื้อ แต่ขณะจะหมุนตัวไปก็อดเอาออกมาดูอีกไม่ได้ ตรงข้างๆ ดอกไห่ถังยังปักตัวษร ‘ชิว’ อีกคำหนึ่ง
เซียวอวิ๋นเซิงขมวดคิ้ว มักรู้สึกว่าแบบอักษรนี้คล้ายเคยเห็นที่ไหนมาก่อน
กู้ชิวเหลิ่งนั่งอยู่ในลานบ้าน จูเอ๋อร์วางกล่องบุกำมะหยี่ในมือไว้บนโต๊ะ เอ่ย “คุณหนู ปิ่นหงส์นี้บ่าวว่างามสง่า สวยมากเลยเจ้าค่ะ มอบของล้ำค่าขนาดนี้ให้คุณหนูตระกูลฉิน จะเกินเลยไปหรือไม่เจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งเปิดกล่องออก ปิ่นหงส์ที่อยู่ข้างในทำหางหงส์ได้พลิ้วไหวราวกับมีชีวิตชีวา อีกทั้งจุดที่มีไหมทองคำพันอยู่ก็พาลให้รู้สึกสูงส่งยิ่ง ความจริงนางไม่เคยเห็นปิ่นอันนี้มาก่อน เรื่องที่จวินฉีเซิ่งเดือดดาลขว้างปิ่นเมื่อสามปีก่อนเรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เล่าขาน ดังนั้นนางถึงทราบว่าที่แท้หลังจากนางเสียชีวิตแล้ว จวินฉีเซิ่งยังทำละครฉากนี้ขึ้นอีก
ใช้มันเป็นของขวัญแสดงความยินดีฉินโม่เอ๋อร์กับจวินฉีเซิ่ง เหมาะสมเป็นที่สุด
หากเป็นปิ่นหงส์เก้าหางปรากฏบนตัวฉินโม่เอ๋อร์ ก็ไม่รู้ว่าจวินฉีเซิ่งกับมู่หรงอี๋จะมีปฏิกิริยาอย่างไร สีหน้าต้องแย่มากแน่
“คุณหนูเหนื่อยมาครึ่งวันแล้ว บ่าวจะเปลี่ยนชุดให้นะเจ้าคะ”
จูเอ๋อร์เดินไปอยู่ด้านหลังกู้ชิวเหลิ่ง แต่ขณะกำลังจะเปลี่ยนชุด จูเอ๋อร์ก็โพล่งออกมาด้วยความแปลกใจ “คุณหนู ผ้าเช็ดหน้าในแขนเสื้อท่านล่ะ?”
ปกติกู้ชิวเหลิ่งจะไม่ใช้ผ้าเช็ดหน้า ดังนั้นถึงจะวางอยู่ในแขนเสื้อ ก็ทำหายไปแล้วไม่รู้สักกี่หน ดังนั้นจึงเอ่ยอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ต้องสนใจ”
จูเอ๋อร์อ้อทีหนึ่ง จากนั้นก็เปลี่ยนชุดให้กู้ชิวเหลิ่งต่อ
ทันใดนั้นก็มีจดหมายฉบับหนึ่งบินมาจากที่ไม่ไกล กู้ชิวเหลิ่งรับอย่างมือเร็วตาไว เห็นเงาคนแวบอยู่ที่ข้างกำแพงคนหนึ่ง ไม่มีคนอื่นอีก
จูเอ๋อร์ตกใจจึงรีบไปปิดหน้าต่าง ถาม “คุณหนู นี่คืออะไรหรือเจ้าคะ?”
กู้ชิวเหลิ่งเปิดจดหมายออก แล้วผ่อนลมหายใจ “เซียวอวิ๋นเซิงเขียนจดหมายถึงข้า”
“เซียวโหวเย๋น้อย? เมื่อกี้พวกเราเพิ่งกลับมาจากหอจูชุ่ย ครู่เดียวเซียวโหวเย๋น้อยก็ส่งจดหมายมาแล้ว?”
กู้ชิวเหลิ่งก็ไม่ทราบว่าเซียวอวิ๋นเซิงจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก ในซองจดหมายมีจดหมายฉบับหนึ่ง บนนั้นเขียนว่ารักษาสัญญา พรุ่งนี้เที่ยงตรงพบกันที่พื้นที่ล่าสัตว์ตรงชานเมืองตะวันออก
หากเซียวอวิ๋นเซิงไม่เอ่ยถึง ก็เกรงว่านางจะลืมเรื่องที่รับปากกับเซียวอวิ๋นเซิงแล้ว
“เอาชุดขี่ม้าที่เซียวอวิ๋นเซิงส่งถึงมือข้าคราวที่แล้วมา”
“คุณหนูจะใส่ตอนนี้หรือเจ้าคะ?”
“พรุ่งนี้แล้วกัน”
วันมะรืนก็เป็นวันอภิเษกของจวินฉีเซิ่งกับฉินโม่เอ๋อร์แล้ว ทีแรกนางไม่คิดออกไปไหนในช่วงนี้ แต่เซียวอวิ๋นเซิงต้องการให้นางทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้ในตอนนั้น นางจึงไม่อาจปฏิเสธ
เพียงแต่หนนี้ อยู่ดีๆ เซียวอวิ๋นเซิงก็มานัดเอาในยามนี้ จึงทำให้นางกระวนกระวายอยู่บ้าง
เที่ยงตรงวันนี้ กู้ชิวเหลิ่งมาถึงตรงเวลา แต่กลับเป็นเซียวอวิ๋นเซิงเสียอีกที่มาสาย ขี่ม้าโคลงมา กู้ชิวเหลิ่งสีหน้าเรียบเอ่ย “เซียวโหวเย๋น้อยนัดข้ามาแต่กลับไม่รักษาเวลา จุดนี้กลับทำให้ข้าประหลาดใจนัก”
เซียวอวิ๋นเซิงเห็นกู้ชิวเหลิ่งใส่ชุดขี่ม้าที่เขามอบให้จึงเอ่ยด้วยความพึงพอใจ “ไม่เลว ชุดนี้เหมาะมาก เจ้าใส่ได้พอดี”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วน้อยๆ เอ่ย “พื้นที่ล่าสัตว์ที่ชานเมืองตะวันออกไม่มีใครมาเลย ท่านเหมาสถานที่หรือ?”
“เหล่าลูกหลานคหบดีชอบมาพื้นที่ล่าสัตว์ที่ชานเมืองตะวันออก ข้าหรือจะมีอภิสิทธิ์อะไรเหมา? หลักๆ ต้องการพาเจ้ามาผ่อนคลาย ช่วงนี้ข้าอารมณ์มิสู้ดีจึงปรารถนามีสาวงามอยู่เคียงข้าง”
“เช่นนั้นเซียวโหวเย๋น้อยคงต้องผิดหวังแล้ว แม้จะใส่ชุดขี่ม้า แต่ข้าขี่ม้าไม่เป็น”
เซียวอวิ๋นเซิงไม่เชื่อคำโป้ปดของกู้ชิวเหลิ่งที่ว่าขี่ม้าไม่เป็น แต่ก็ไม่ได้จงใจเปิดโปง กลับพลิกตัวขึ้นม้า เอ่ย “นั่งด้วยกันไหม?”
ทันใดนั้นกู้ชิวเหลิ่งก็นึกถึงภาพที่อวี้ฉือจ้านฉุดนางขึ้นม้า สีหน้าเปลี่ยนไปนิดๆ
เซียวอวิ๋นเซิงช่างสังเกตมาตลอด เวลานี้จึงเห็นความเปลี่ยนแปลงที่ต่างจากอดีตจากแววตาของนาง หงุดหงิดใจยิ่ง
“กู้ชิวเหลิ่ง หรือเจ้าจะลองเดาดูสิว่าข้าเก็บอะไรได้?”
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้า ตอบ “ของที่เซียวโหวเย๋น้อยเก็บได้ย่อมเป็นของดี ข้าไม่จำเป็นต้องถามให้มาก หากท่านต้องการบอก ข้าก็จะฟัง”
“ข้าเก็บ…”
“หยุด…!”
กู้ชิวเหลิ่งและเซียวอวิ๋นเซิงหันไปพร้อมกัน เห็นอวี่เหวินเจี๋ยอยู่บนหลังม้า มองพวกเขาด้วยความเย็นชา ส่วนม้าตัวดำที่กำลังค่อยๆ มาอยู่ด้านหลัง ก็คือจวินฉีเซิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว และภาพนี้ก็ถูกเซียวอวิ๋นเซิงจับได้ชัดเจน เขาเดาไม่ผิด กู้ชิวเหลิ่งชิงชังรังเกียจจวินฉีเซิ่ง และไม่ใช่เพียงเล็กน้อยด้วย