ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 168 นกยวนยางเล่นน้ำ
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 168 นกยวนยางเล่นน้ำ
พอกลับถึงเรือนหอ กู้ชิวเหลิ่งถึงพึ่งมาตื่นเต้น เมื่อครู่นางกับอวี๋ฉือจ้าน ถือว่ายินยอมทั้งสองฝ่ายแล้ว
เงื่อนไขที่ตกลงกันในตอนแรกล้วนไม่เป็นผลไปแล้วเสียมาก
หัวใจของกู้ชิวเหลิ่งเต้นไม่เป็นส่ำ เดิมก็แค่แต่งงานปลอมๆ แต่มาถึงขั้นนี้แล้ว ดูอย่างไรก็เหมือนแต่งงานแล้วจริงๆ
อวี๋ฉือจ้านโอบกอดกู้ชิวเหลิ่งจากด้านหลัง กู้ชิวเหลิ่งพลันตัวแข็งเกร็งขึ้นมาทันที
“ข้า…”
“คืนเข้าหอ เมียมิคิดอยากทำอะไรเลยรึ?”
กู้ชิวเหลิ่งได้ยินเสียงหัวเราะขบขันจากเสียงของอวี๋ฉือจ้าน ท่าทางเย้าหยอกนั่นราวกับจะดูความเขินอายของนาง
กู้ชิวเหลิ่งเข้าใจแล้ว ที่แท้อวี๋ฉือจ้านก็จงใจพูดคำพวกนี้ออกมาเพราะอยากดูหน้าตาแดงร้อนผ่าวของนาง
“ตามข้อตกลงของเรา เจ้ากับข้าต้องรักษาระยะห่างไม่ก้าวก่ายล้ำขอบเขตกัน? ตอนนี้ถือว่าก้าวก่ายล้ำขอบเขตหรือไม่?” อวี๋ฉือจ้านไม่เห็นท่าทีเขินอายจากใบหน้ากู้ชิวเหลิ่ง เขาดูผิดหวังพลางว่า “เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้พวกเรายังจุมพิตกัน เหตุใดตอนนี้มากลับคำไร้หัวใจเยี่ยงนี้เล่า?”
พอพูดถึงเมื่อครู่ กู้ชิวเหลิ่งเลยหน้าร้อนผ่าวแดง ชาติก่อนจวินฉีเซิ่งไม่เคยทำสิ่งใดหวานไหวแก่นางมาก่อนเลย แต่วันนี้ที่ได้เห็นดวงดาวพร่างพรายเต็มฟ้าและแสงตะเกียงส่องทาง นางใจสั่นแล้วจริงๆ ใจสั่นเช่นนั้นเป็นความวาบหวานที่ไม่เคยมีมาก่อนเลย
อวี๋ฉือจ้านอุ้มกู้ชิวเหลิ่งขึ้นมา วางลงบนเตียงในห้องหอ เม็ดบัว ถั่วลิสงที่อยู่ใต้ผ้าห่มทำเอากู้ชิวเหลิ่งรู้สึกเจ็บเล็กน้อย
อวี๋ฉือจ้านขมวดคิ้ว เขาไม่เคยรู้พิธีในวันแต่งงานเหล่านี้เลย และยิ่งไม่รู้ว่า บนเตียงในห้องหอยามแต่งงานต้องโปรยสิ่งเหล่านี้ สีหน้าพลันทะมึนลง
“ข้าจะให้คนเข้ามาเปลี่ยนเตียงให้เจ้าใหม่”
กู้ชิวเหลิ่งจะไม่รู้ความหมายของเตียงเช่นนี้ในห้องหอได้อย่างไร พอเห็นสีหน้างุนงงของอวี๋ฉือจ้าน นางรีบเอ่ยปากห้าม “ช้าก่อน ไม่ต้องเปลี่ยนเตียง ท่านนอนด้านนอก ข้านอนด้านใน”
“แต่ว่า…”
“บุรุษร่างสูงใหญ่เช่นท่านยังรังเกียจที่เตียงแข็งรึ? ข้ายังไม่รังเกียจเลย”
อวี๋ฉือจ้านถามขึ้นอย่างสงสัย “เจ้าให้ข้านอนร่วมเตียงกับเจ้ารึ?”
กู้ชิวเหลิ่งกลับพูดอย่างไม่เขินอายว่า “ให้เซ่อเจิ้งหวางนอนพื้นรึ? ข้ายังเสียดายชีวิตข้าอยู่นะ”
อวี๋ฉือจ้านดีใจดุจได้สมบัติล้ำค่า กอดกู้ชิวเหลิ่งพลิกตัวนอนลงเตียงด้านนอก
เตียงสำหรับสองคนใหญ่พอ อวี๋ฉือจ้านยังเหลือพื้นที่ให้กู้ชิวเหลิ่งพลิกตัวได้สบาย
เพียงแต่ปกติกู้ชิวเหลิ่งนอนหลับนิ่ง แต่วันนี้นางเหน็ดเหนื่อยหน่อย เลยพูดขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า “พรุ่งนี้ข้าจะให้เขามาพบท่าน อีกสองวันข้าจะออกเดินทาง”
อวี๋ฉือจ้านพูดอย่างไม่ใคร่พอใจว่า “รีบร้อนเดินทางมากไปหรือไม่?”
“ไปต้าฉียังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง มิได้รีบร้อนเกินไป แต่เวลาของจวินหวาเทียนน่ากลัวจะ…” กู้ชิวเหลิ่งคิดถึงร่างกายของจวินหวาเทียน พลันปวดใจ เปลี่ยนเรื่องพูดว่า “นี่ก็ดึกมากแล้ว เหนื่อยมาแล้วทั้งวัน นอนเถอะ”
กู้ชิวเหลิ่งหลับตาลง
อวี๋ฉือจ้านมองออกว่ากู้ชิวเหลิ่งเหนื่อยมากจริงๆ พอคิดถึงวันนี้ ในใจกลับรู้สึกหวานนัก เขากุมมือกู้ชิวเหลิ่ง และหลับตาลงเช่นกัน
เช้าวันต่อมา ยามกู้ชิวเหลิ่งลืมตาตื่นขึ้น ทั้งหมดในเมื่อวานราวกับเป็นความฝัน
อวี๋ฉือจ้านมิรู้ว่าตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อใด เขาถอดเสื้อทั้งที่หันหลังให้กู้ชิวเหลิ่ง
เผยให้เห็นแผ่นหลังราบเรียบ เนื้อตัวกำยำแข็งแกร่งนั่นทำให้กู้ชิวเหลิ่งอดหน้าแดงไม่ได้
อวี๋ฉือจ้านมาเปลี่ยนเสื้อผ้าในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าจงใจ
กู้ชิวเหลิ่งคิดกลั่นแกล้งอวี๋ฉือจ้าน เอ่ยปากขึ้นเนิบช้าว่า “ทำไมท่านตื่นเช้าเพียงนี้?”
นั่นไง แผ่นหลังอวี๋ฉือจ้านชะงักกึก หมุนตัวมา ก็เห็นกู้ชิวเหลิ่งเอนตัวอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน เสื้อผ้าดูยับย่น นางเอนร่างเผยให้เห็นร่องอกเล็กน้อย
อวี๋ฉือจ้านอดกลืนน้ำลายไม่ได้ ในฐานะเซ่อเจิ้งหวางที่ไม่มีสตรีมานานปี เขาไม่เคยแตะต้องสตรีคนใดเลย เมื่อคืนโชคดีที่เขามีความอดทนสูงนัก
มิเช่นนั้น เอนกายนอนข้างสตรีที่ชอบพอเยี่ยงนี้ บุรุษธรรมดาคงต้านทานแรงดึงดูดมิไหวแล้วกระมัง
กู้ชิวเหลิ่งบอก “ท่านยังไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรึ? ข้าจงใจให้ข้าเห็นอะไรใช่หรือไม่?” ที่แท้อวี๋ฉือจ้านที่ช่างเจรจาพลันรู้สึกจนคำพูด อันที่จริงรูปร่างเขานั้นช่างดียิ่ง
แต่พอเห็นสีหน้าเฉยชาไม่สนใจของกู้ชิวเหลิ่งแล้ว เขาจึงสวมเสื้อผ้า
อวี๋ฉือจ้านเอ่ยปากขึ้นด้วยเสียงแหบพร่าเล็กน้อยว่า “เมื่อคืนเจ้า…”
กู้ชิวเหลิ่งชะงักทันที นางจำได้ว่าเมื่อคืนตนมิได้ฝันร้าย หรือว่านางละเมออีกแล้วงั้นนึ?
“มิมีอะไร”
กู้ชิวเหลิ่งเริ่มร้อนใจ ขมวดคิ้วพูดว่า “ท่านว่ามาสิ เมื่อคืนทำไมรึ?”
“เมื่อคืนเจ้าเอามือข้า…”
กู้ชิวเหลิ่งถามอย่างสงสัย “มือ?”
อวี๋ฉือจ้านมิรู้ว่าตนจะเปิดปากพูดอย่างไรดี เขาเคร่งขรึมจนชินแล้ว ไม่เคยพูดภาษาห้างร้านตลาดอะไร แต่ตอนนี้นอกจากคำหยาบโลนเช่นนี้แล้ว เขาจะแสดงออกอย่างไรโดยมิให้ตนเองดูหยาบโลนดีเล่า?
กู้ชิวเหลิ่งพูดอย่างรำคาญว่า “อวี๋ฉือจ้าน มีอะไรท่านก็พูดมาตามตรง อย่ามาทำอ้ำๆอึ้งๆเยี่ยงนั้นได้หรือไม่?”
อวี๋ฉือจ้านใบ้กิน พลันนั่งลงบนเตียง กุมมือกู้ชิวเหลิ่งไว้ พลางว่า “กลางดึก เจ้า…”
มืออีกข้างของอวี๋ฉือจ้านชี้ไปที่หน้าอกกู้ชิวเหลิ่ง พลางว่า “เจ้าเอามือของข้าไปวางไว้ที่…ของเจ้า”
“หยุดพูดนะ!”
ใบหน้ากู้ชิวเหลิ่งแดงก่ำ นางจำไม่ได้เลยว่าหลังจากหลับไปแล้วเกิดอะไรขึ้น เพียงแต่รู้สึกว่า มีอวี๋ฉือจ้านนอนอยู่ข้างๆแล้วรู้สึกปลอดภัยอย่างน่าประหลาด ใครจะรู้ว่า หลังจากตนหลับไปแล้วกลับ…
กู้ชิวเหลิ่งถามอย่างระแวงว่า “แล้วท่านทำอะไรหรือไม่?”
อวี๋ฉือจ้านส่ายหัวบอก “ข้าไม่บังคับเจ้า เมื่อใดเจ้ายินยอม เมื่อนั้นค่อยว่ากัน”
กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าคำนี้น่าสนใจนัก แสร้งเย้าว่า “หากข้ามิยินยอมชั่วชีวิต ท่านจะไม่แตะต้องข้าชั่วชีวิตงั้นรึ?”
อวี๋ฉือจ้านกลับยิ้มมุมปากว่า “เมียดูจะดูถูกเสน่ห์ข้าเกินไปนัก ไม่แตะต้องข้าชั่วชีวิตเจ้ามิขาดทุนแย่รึ?”
ขาดทุนจริงๆ กู้ชิวเหลิ่งเองก็ไม่เชื่อว่า อวี๋ฉือจ้านจะไม่แตะต้องนางชั่วชีวิตได้
แต่อย่างน้อยตอนนี้ อวี๋ฉือจ้านเคารพความคิดของนาง
กู้ชิวเหลิ่งบอกว่า “ข้าจะลุกไปอาบน้ำแต่งตัวแล้ว ที่นี่ท่านคงมิใช่มีแต่บุรุษกระมัง?”
อวี๋ฉือจ้านพยักหน้าบอกว่า “มีนักฆ่าหญิง แต่อยู่ที่หอเฟิงเยว่กันหมด ในจวนเซ่อเจิ้งหวางมีแต่บุรุษ และไม่มีแม่เฒ่า ข้าช่วยถูหลังให้เจ้าดีหรือไม่?”
สายตากู้ชิวเหลิ่งหรี่มองพลางว่า “ไม่รบกวนท่านดอก ข้ามีสาวใช้”
อวี๋ฉือจ้านพยักหน้าบอก “เช่นนั้นข้าจะให้จีเฟิงไปตักน้ำ”
พอพูดจบ อวี๋ฉือจ้านชะงักไปชั่วครู่ พลางว่า “จากนั้นพวกเราลงอ่างอาบน้ำพร้อมกันเป็นอย่างไร?”
อวี๋ฉือจ้านพูดจาดูเคร่งขรึมจริงจังมาก ไม่เหมือนกำลังล้อเล่น
แต่คำพูดนี้พอเข้าหูกู้ชิวเหลิ่ง ไม่ต่างอะไรกับล้อเล่นเลย
กู้ชิวเหลิวเปิดปากพูดว่า “อาบพร้อมกันคงมิได้ ท่านจะช่วยข้าเตรียมเสื้อผ้าที่สามารถสวมใส่ได้หรือไม่? เสื้อผ้าเหล่านั้นที่จวนโหวข้ามิได้พกมาด้วยเลย”
“อืม ข้าสั่งให้คนเตรียมไว้นานแล้ว”