ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 188 องค์หญิงฟง
“บังอาจ! พวกเจ้ากล้าดีอย่างไรมาขวางข้า! เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้เสด็จพ่อตัดหัวของเจ้าซะ!”
กู้ชิวเหลิ่งที่เดิมทีกำลังเดินอยู่ในสวนยวี่ฮวา จู่ๆก็ถูกเสียงอันนุ่มนวลที่อยู่ไม่ไกลออกไปดึงดูดเอาไว้
ในวังหลังแห่งนี้ยังมีเด็กเล็กๆขนาดนี้อยู่อีกหรือ ถ้าหากว่ามี ก็ต้องเป็นลูกของจวินฉีเซิ่งอย่างแน่นอน
ณ ขณะนั้นกู้ชิวเหลิ่งรู้สึกว่าเลือดในร่างกายแข็งตัวไปหมดแล้ว ลูกของจวินฉีเซิ่ง
กู้ชิวเหลิ่งมองไปทางทิศทางนั้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ เห็นเพียงเด็กที่อายุไม่ถึงสี่ขวบคนหนึ่ง ตัวเล็กๆเตี้ยๆยืนอยู่ในพุ่มดอกไม้ มีนางกำนัลหกคน แม่นมหนึ่งคนติดตามอยู่ด้านหลัง ท่าทางหยิ่งสโย เหมือนกันกับจวินฉีเซิ่งไม่มีผิดเลย
“องค์หญิง ท่านช้าๆหน่อย ถ้าหากอวี้เฟยเหนียงเหนียงรู้เข้า เราจะตายกันหมด……”
องค์หญิงน้อยไม่ฟังคำเตือนเลย ทำพุ่มดอกไม้ที่เดิมทีสวยงามยุ่งเหยิงไปหมด ยิ่งเด็ดดอกไม้ที่สีสันสวยงามสดใสลงมาสองสามดอก เหยียบอยู่ใต้เท้า
กู้ชิวเหลิ่งยังไม่เคยเห็นเด็กที่พิเศษเช่นนี้มาก่อนเลย สมกับที่เป็นลูกของจวินฉีเซิ่งกับองค์หญิงหลัวซู่จริงๆ แม้แต่น้ำเสียงการพูดก็ยังคล้ายกัน
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาอย่างเย็นชา เดินไปทางองค์หญิงน้อย
เป็นเช่นนั้นจริงๆ องค์หญิงน้อยที่ไม่เคยเห็นกู้ชิวเหลิ่งมาก่อนสังเกตเห็นนางแล้ว
“เจ้า มานี่!”
กู้ชิวเหลิ่งเหมือนกับเพิ่งจะสังเกตเห็นองค์หญิงน้อย แต่เพียงแค่ยืนอยู่กับที่ ไม่สนใจการเรียกขององค์หญิงน้อยเลย
แม่นมรีบร้อนปิดปากขององค์หญิงน้อยเอาไว้ องค์หญิงน้อยกลับกัดแม่นมอย่างแรง กล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ: “เจ้ากล้าแตะต้องตัวข้า! ทหารลากตัวนางลงไป!”
ถึงแม้ตัวจะเล็กนิดเดียว แต่การระเบิดพลังกลับแข็งแกร่งมาก ไม่มีใครกล้าไม่เคารพองค์หญิงน้อยองค์นี้ ต่างก็พากันกลัวราวกับพญายม
เท้าเล็กๆขององค์หญิงน้อยขยับเข้ามาใกล้ทางกู้ชิวเหลิ่ง คางก็จะยกสูงไปถึงบนท้องฟ้าแล้ว: “เจ้าเป็นสนมของเสด็จพ่อหรือ? เจ้ากล้าไม่เชื่อฟังคำพูดของข้า เชื่อหรือไม่ว่าข้าจะให้พระมารดากับเสด็จพ่อลงโทษเจ้า?”
“เชิญตามสบาย”
สายตาของกู้ชิวเหลิ่งเป็นเหมือนกับทะเลสาบที่กลายเป็นน้ำแข็ง ทำให้องค์หญิงที่อายุน้อยๆตกใจจนคนทั้งคนถอยหลังออกไปก้าวหนึ่ง
แต่เมื่อนึกถึงฐานะที่สูงส่งของตัวเอง แม้แต่ฮองเฮากับกุ้ยเฟยนางยังไม่เห็นอยู่ในสายตา ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงที่ไม่รู้ที่มาที่ไปคนหนึ่งเลย
“ทหารทหาร! ข้าจะตีนางให้ตาย!”
กู้ชิวเหลิ่งเข้าไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ท่าทางนั่นดูเหมือนกับกำลังจะโกรธ หนึ่งในบรรดานางกำนัลรีบร้อนคุกเข่าลงไปบนพื้น กล่าวว่า: “องค์หญิงยังเด็ก ขอจวิ้นจู่โปรดอย่าถือสา บ่าวจะพาองค์หญิงจากไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“จวิ้นจู่? ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีจวิ้นจู่อะไรมาก่อน! เสด็จพ่อรักข้า ขอแค่ข้าร้องไห้หน่อย เสด็จพ่อก็จะลงโทษนาง!”
กู้ชิวเหลิ่งมองดูใบหน้าที่ไร้เดียงสาขององค์หญิงน้อยมีความโหดร้ายแวบผ่านไป จู่ๆก็ยิ้มขึ้นมา กล่าวว่า: “ดูท่าเสด็จพ่อของเจ้าจะไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้จริงๆ”
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว เจ้าจะมาเอาใจข้าตอนนี้ก็สายเกินไปแล้ว ข้าจะลงโทษเจ้าเดี๋ยวนี้แหละ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวอย่างราบเรียบ: “จีเฟิง เราไปกันเถอะ”
“ห้ามไปนะ!”
ในตอนที่กู้ชิวเหลิ่งหันหลังไป รู้สึกได้ว่ามีคนจะมาดึงกระโปรงของนางเอาไว้ แต่ว่ามือเล็กๆข้างนั้นก็ถูกสายตาของนางจ้องกลับไปอย่างแข็งกร้าว
จวินฉีเซิ่งไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ด้านหลังเมื่อไหร่ กล่าวออกมาด้วยสีหน้าท่าทางมืดมน: “ฟงเอ๋อร์! ใครอนุญาตให้เจ้าออกมาคนเดียว!”
ได้ยินเสียงของจวินฉีเซิ่ง องค์หญิงฟงหดหัวกลับทันที วิ่งไปข้างกายของจวินฉีเซิ่ง ท่าทางนั่นเมื่อเทียบกับเมื่อครู่นี้แล้ว ช่างน่ารักมากจริงๆ
“เสด็จพ่อ! ผู้หญิงคนนี้นาง……”
“หุบปาก! อวี้เฟยสั่งสอนลูกอย่างไรกัน! ทหาร! พาองค์หญิงกลับไปดูแลอย่างเข้มงวด!”
องค์หญิงฟงไม่รู้ว่าทำไมเสด็จพ่อที่เดิมทีใจดีมีเมตตาถึงได้โกรธมากขนาดนี้ ในอดีตขอเพียงแค่นางปรากฏตัวอยู่ข้างกายของจวินฉีเซิ่ง จวินฉีเซิ่งก็จะประคองนางเอาไว้ในมืออย่างทะนุถนอม ขอเพียงแค่นางอยู่ ถึงแม้จวินฉีเซิ่งจะโกรธมากแค่ไหนความโกรธก็จะหายไป
“เสด็จพ่อ……”
เสียงที่นุ่มนวลขององค์หญิงน้อยส่งมาถึงหู จวินฉีเซิ่งก็ทำราวกับไม่ได้ยิน
องค์หญิงฟงถูกนางกำนัลที่อยู่ข้างกายอุ้มไป กู้ชิวเหลิ่งก็แค่มองไปครู่เดียวเท่านั้น
ในดวงตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความเย็นชา องค์หญิงฟงแอบจำใบหน้านี้เอาไว้เงียบๆ
จวินฉีเซิ่งเดินมาถึงตรงหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “เด็กไม่รู้เรื่องรู้ราว หนิงจวิ้นจู่อย่าได้ถือสาเด็ดขาด”
กู้ชิวเหลิ่งโค้งคำนับอย่างเคารพนบนอบ กล่าวว่า: “องค์หญิงท่านนี้ดูแล้วน่ารักมาก ข้าไม่ถือสาหรอก”
จวินฉีเซิ่งมองดูกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “นางเป็นองค์หญิงเพียงคนเดียวของข้า เลยถูกตามใจจนเสียนิสัยอย่างเลี่ยงไม่ได้ ขาดการอบรมสั่งสอนไปจริงๆนั่นแหละ”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเย้ยหยันในใจ มิน่าตอนที่องค์หญิงน้อยท่านนั้นโกรธขึ้นมาถึงได้โอหังขนาดนี้ ที่แท้ก็เป็นลูกเพียงคนเดียวของจวินฉีเซิ่งนี่เอง มู่หรงอี๋นิสัยโหดเหี้ยมอำมหิตมาแต่กำเนิด ตัวเองไม่สามารถให้กำเนิดลูกได้ ไม่มีทางยอมให้คนอื่นให้กำเนิดลูกอย่างเด็ดขาด แต่ในเมื่ออวี้เฟยมีปัญญาให้กำเนิดลูกได้ แสดงว่าในวังหลังแห่งนี้มู่หรงอี๋ไม่สามารถทำอะไรอวี้เฟยได้จริงๆ
จวินฉีเซิ่งเห็นกู้ชิวเหลิ่งไม่ได้พูดอะไรเลย ดังนั้นจึงเปลี่ยนหัวข้อสนทนา กล่าวว่า: “จวิ้นจู่ไม่รังเกียจที่ข้างกายมีคนเดินชมสวนเพิ่มคนหนึ่งใช่ไหม?
กู้ชิวเหลิ่งเงยหน้าขึ้นมา เห็นดวงตาที่สืบเสาะค้นหาคู่นั้นของจวินฉีเซิ่ง ราวกับเห็นดวงตาที่ตอนนั้นจวินฉีเซิ่งเห็นมู่หรงอี๋ครั้งแรกคู่นั้น นั่นคือดวงตาที่เห็นนางเป็นเหยื่อ
กู้ชิวเหลิ่งก็หัวเราะออกมา กล่าวว่า: “ไม่รังเกียจอยู่แล้ว แต่ว่าฮ่องเต้ฉีมีราชกิจมากมาย ทำไมถึงยังมีเวลามาเดินเล่นในสวนอย่างสบายอารมณ์ได้?”
รอยยิ้มของจวินฉีเซิ่งอึดอัดเล็กน้อย อย่างไรเขาก็ไม่สามารถได้พูดว่า เพราะมีเพียงสวนยวี่ฮวาเท่านั้น ถึงจะมีต้นไห่ถังหรอกใช่ไหม
ไม่รู้ว่าทำไม หลังจากที่กลับมาจากต้าเยียนแล้ว ในหัวของเขามักจะมีเงาร่างของมู่หรงชิวปรากฏขึ้นมา
แต่เงาร่างนั้นเป็นแบบอ่อนโยน เหมือนกับความอ่อนโยนที่นางอยู่เคียงข้างทุกคืนวันหลังจากที่แต่งงานกันมาเจ็ดปี
สังเกตถึงความเหม่อลอยของจวินฉีเซิ่ง กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เป็นเพราะข้าถามในสิ่งที่ไม่ควรไปใช่หรือไม่?”
จวินฉีเซิ่งส่ายหน้า กล่าวว่า: “ข้ามีราชกิจมากจริงๆ แต่ก็ต้องผ่อนคลายบ้างเป็นครั้งคราว มิเช่นนั้นก็จะเหนื่อยล้าทั้งกายทั้งใจ”
กู้ชิวเหลิ่งมองเห็นความจริงใจเล็กน้อยจากในดวงตาของจวินฉีเซิ่ง แต่ว่าถ้าหากมองสังเกตดีๆ ก็ยังสามารถมองเห็นการคิดคำนวณในดวงตาของจวินฉีเซิ่ง ตั้งแต่ในอดีตจวินฉีเซิ่งก็อำพรางตัวเองได้เก่งมาก มิเช่นนั้นตอนนั้นนางก็ไม่แต่งงานกับจวินฉีเซิ่งหรอก
บางทีอาจจะเป็นเพราะใบหน้านี้ของกู้ชิวเหลิ่งงดงามเกินไป ไม่มีผู้ชายคนไหนจะละทิ้งผู้หญิงที่หน้าตางดงามเลิศล้ำคนหนึ่งได้หรอก โดยเฉพาะจวินฉีเซิ่ง
“ครั้งก่อนจวิ้นจู่บอกว่าชอบไผ่เขียว วังหลังมีป่าไผ่แห่งหนึ่ง ถ้าอย่างไรข้ากับจวิ้นจู่ไปเดินเล่นพร้อมกันดีไหม?”
จวินฉีเซิ่งเปิดเผยความจริงใจของตัวเองออกมาอย่างไม่ปิดบังเลยแม้แต่น้อย ถ้าหากเป็นคนที่ฉลาดคนหนึ่ง ก็น่าจะรู้ว่าจวินฉีเซิ่งกำลังแสดงน้ำใจอย่างมีจุดมุ่งหมายอยู่
กู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ จากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวว่า: “ครั้งก่อนที่ข้าบอกว่าชอบไผ่เขียวที่สุดคือเรื่องจริง แต่ว่า……เมื่อครู่ตอนที่เดินผ่านสวนยวี่ฮวาแห่งนี้ พบว่าไห่ถังของแคว้นฉีกับต้าเยียนมีความแตกต่างกัน กลับรู้สึกอยากรู้อยากเห็นมาก ไม่ทราบว่าฮ่องเต้ฉียินดีที่จะเดินดูพร้อมกันหรือไม่?”
ความแข็งทื่อที่แวบผ่านไปของจวินฉีเซิ่งถูกกู้ชิวเหลิ่งจับเอาไว้ได้อย่างดี