ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 192 เป่ยไห่เฟิงมาแล้ว
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 192 เป่ยไห่เฟิงมาแล้ว
กู้ชิวเหลิ่งกลับเข้าไปในลาน เดิมทีสั่งให้จีเฟิงไปสอบถามสถานการณ์ แต่ว่าไม่นานเท่าไหร่จีเฟิงก็กลับมาแล้ว
จีเฟิงกล่าวอย่างเคารพนบนอบ: “เรียนพระชายา ข้าน้อยเห็นหลิ่วกุ้ยเฟยถูกคนลากตัวออกมา ดูจากท่าทางนั่น ยังได้รับบาดเจ็บไม่น้อย”
มือที่ยกถ้วยน้ำชาของกู้ชิวเหลิ่งชะงักไปครู่หนึ่ง กล่าวถาม: “ได้รับบาดเจ็บ?”
“อืม น่าจะถูกตบไปสองฉาก”
“มีเลือดออก?”
“ขอรับ”
กู้ชิวเหลิ่งสงสัยขึ้นมา บุคคลที่ฉลาดมีความงดงามโดดเด่นอย่างมู่หรงอี๋ จวินฉีเซิ่งจะถึงกับลงมือได้ลงคอ?
ก็แค่การใส่ร้ายป้ายสีเท่านั้น อย่างมากจวินฉีเซิ่งก็แค่ว่ากล่าวตักเตือน อธิบายผลดีผลเสียที่อยู่ภายใน นางคิดไม่ถึงว่าจวินฉีเซิ่งจะลงมือโดยตรง
หรือว่าตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมู่หรงอี๋กับจวินฉีเซิ่งจะเปราะบางขนาดนี้แล้ว?
จีเฟิงยืนอยู่ด้านข้าง อยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดเอาไว้
กู้ชิวเหลิ่งวางถ้วยน้ำชาที่อยู่ในมือลง กล่าวว่า: “มีอะไรก็พูดมาเถอะ”
“ท่านอ๋องบอกว่าจัดการเรื่องของฝั่งโน้นเรียบร้อยแล้ว อีกไม่กี่วันก็จะมาถึงแคว้นฉี”
อวี้ฉือจ้านจัดการธุระในต้าเยียนเสร็จเร็วขนาดนี้ นี่กลับทำให้กู้ชิวเหลิ่งรู้สึกประหลาดใจ: “เร็วขนาดนี้เลย?”
จีเฟิงย่อมอายที่จะพูดออกมาอยู่แล้วว่า ท่านอ๋องของตนเองทิ้งเรื่องที่สลับซับซ้อนทั้งหมดเอาไว้ให้กับฝู้จื่อโม่
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้คิดถึงระดับนั้น เพียงแต่ว่าอวี้ฉือจ้านมาเร็วเกินไปหน่อยจริงๆ เรื่องที่นางคือมู่หรงชิวนอกจากจวินหวาเทียนแล้ว นางหวังเพียงจะให้มันเป็นความลับตลอดไป
อวี้ฉือจ้าน……กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า เรื่องบางอย่างนางไม่ต้องการจะให้อีกฝ่ายรู้จริงๆ
จู่ๆกู้ชิวเหลิ่งก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ กล่าวว่า: “ตอนนี้นายท่านของเจ้ายังไม่ได้ออกเดินทางใช่ไหม?”
“ขอรับ”
แต่ว่าใกล้แล้ว……
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้า กล่าวว่า: “เจ้าส่งนกพิราบสื่อสารไปให้นายท่านของเจ้า บอกว่าให้เขาจัดการเรื่องของหอชุนเฟิงเต๋ออี้ให้เรียบร้อยก่อน ข้ายังต้องใช้ในยามจำเป็น”
เดิมทีนางวางแผนจะใช้หอชุนเฟิงเต๋ออี้เพื่อหาเงิน แต่ว่าต่อมาแต่งงานกับอวี้ฉือจ้านแล้ว ความจริงก็ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เพียงแต่ว่าอวี้ฉือจ้านมาเร็วกว่าที่คาดการณ์เอาไว้มาก อย่างไรก็ต้องทำให้ล่าช้าไปสองสามวัน
“……ขอรับ”
จีเฟิงยิ่งอยู่ก็ยิ่งรู้สึกว่า ดูเหมือนพระชายาของตนเองไม่ค่อยอยากเจอกับนายท่านของตนเองเร็วขนาดนี้
กู้ชิวเหลิ่งจับถ้วยชาที่อยู่ในมือ หลังจากที่เห็นจีเฟิงออกไปแล้ว ในใจถึงรู้สึกโล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
นางไม่ใช่ไม่อยากจะพบอวี้ฉือจ้าน เพียงแต่ว่านางในตอนนี้ไม่ว่าอย่างไรนางก็ไม่สามารถเผชิญหน้ากับอวี้ฉือจ้านได้
เหมือนกับที่นางไม่สามารถบอกกับอวี้ฉือจ้านด้วยตัวเอง ว่านางตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนี้นางก็เป็นแค่เพียงวิญญาณอาฆาตที่มาเพื่อแก้แค้นเท่านั้น
และรูปร่างหน้าตา อายุ ตัวตนและสถานะของร่างกายนี้ ล้วนเป็นสิ่งที่นางขโมยมาเท่านั้น
และร่างกายของนาง ถูกแยกชิ้นส่วนกระจัดกระจาย ฝังลงดินไปนานแล้ว
บางที เมื่อนางชำระหนี้แค้นในชาตินี้แล้ว ก็จะจากไป และจะจากอวี้ฉือจ้านไปอย่างสมบูรณ์
นึกถึงตรงนี้ กู้ชิวเหลิ่งก็รู้สึกเย็นยะเยือกในใจ ไม่ได้เจอกันอีก อวี้ฉือจ้าน……เจ้าหมอนั่นน่าจะคลุ้มคลั่งใช่ไหม
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
ในวันนี้ ข่าวลือที่ใหญ่ที่สุดในวังหลัง ก็คือหลิ่วกุ้ยเฟยที่ได้รับความโปรดปรานมากที่สุดในวังหลังถูกลิดรอนอำนาจหกตำหนัก แถมยังถูกกักบริเวณอีกด้วย
ในวังหลังแห่งนี้ถือเป็นเรื่องหายากเรื่องหนึ่ง มู่หรงอี๋ในอดีตยโสโอหังมากเท่าไหร่ ตอนนี้ในใจพวกนางก็มีความสุขมากเท่านั้น
และเมื่อเทียบกับคนในวังหลังที่หัวเราะเยาะมู่หรงอี๋ ยังมีผู้หญิงที่กำลังโกรธจัดคนหนึ่งนั่งอยู่ในตำหนัก
องค์หญิงฟงนอนอยู่ในอ้อมแขนของอวี้เฟย น้ำมูกน้ำตาไหลเต็มไปหมด ท่าทางนั่นราวกับได้รับความไม่เป็นธรรมที่ใหญ่หลวงมาก
ขณะที่อวี้เฟยกล่อมไป ก็ใช้แส้หนังฟาดไปที่นางกำนัลที่อยู่บนพื้น ถึงขั้นโรยผงยาของหนอนกู่ในขวดเครื่องเคลือบจากแขนเสื้อ ทำให้นางกำนัลพวกนั้นเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิต
“องค์หญิงได้รับความไม่เป็นธรรมขนาดนี้ พวกเจ้าทำงานอยู่ข้างกายอย่างไรกันแน่!”
อวี้เฟยเห็นได้ชัดว่าไม่พอใจ พละกำลังในการฟาดแส้ยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้นางกำนัลสองคนที่อยู่บนพื้นกลิ้งเกลือกไปตามๆกัน
องค์หญิงฟงขัดขวางอวี้เฟยอย่างหาได้ยาก กล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงไร้เดียงสาของเด็กๆ: “เป็นจวิ้นจู่คนหนึ่ง ไม่รู้ว่านางวางยาเสน่ห์อะไรให้เสด็จพ่อ เสด็จพ่อก็เลยตีฟงเอ๋อร์เพื่อจวิ้นจู่คนนั้น!”
อวี้เฟยถามกลับ: “จวิ้นจู่?”
ขณะที่นางกำนัลที่อยู่บนพื้นคารวะหน้าผากแตะพื้นก็ไปด้วยว่า: “ทูลอวี้เฟย คือจวิ้นจู่ที่มาจากต้าเยียนท่านนั้น! ฝ่าบาทสั่งให้พวกบ่าวพาองค์หญิงกลับมา พวกบ่าวไม่กล้าขัดพระประสงค์ของฝ่าบาทจริงๆ!”
จู่ๆอวี้เฟยก็เลิกคิ้วและยิ้มขึ้นมา กล่าวถาม: “แล้วฝ่าบาทล่ะ? ฝ่าบาทตรัสว่าอย่างไร?”
“ฝ่าบาท……ฝ่าบาทตรัสว่า……”
อวี้เฟยกล่าวขึ้นมาด้วยน้ำเสียงและท่าทางเฉียบขาด: “พูด!”
“ฝ่าบาทตรัสว่า! ตรัสว่าอวี้เฟยเหนียงเหนียงไม่ได้อบรมสั่งสอนองค์หญิงให้ดี……ยังบอกอีกว่า……ต้องพากลับมาอบรมสั่งสอนอย่างเคร่งครัด!”
อวี้เฟยตบโต๊ะด้วยความโกรธ นางกำนัลที่อยู่บนพื้นคุกเข่ากันเป็นแถว ไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
อวี้เฟยหรี่ตาลงอย่างคุกคาม: “ดี ในเมื่อฝ่าบาทก็ตรัสเช่นนี้แล้ว งั้นก็พาตัวองค์หญิงลงไป! ดูแลอย่างเคร่งครัด!”
“พระ……พระมารดา?”
อวี้เฟยลูบผมขององค์หญิงฟงด้วยรอยยิ้ม กล่าวว่า: “เจ้าแค่ต้องอยู่ในห้องดีๆ ในเมื่อเสด็จพ่อเจ้าให้เจ้าเป็นเด็กดีเชื่อฟัง เช่นนั้นเจ้าก็อยู่ในห้องอย่างเชื่อฟัง เรื่องอื่นแม่ย่อมมีการตัดสินใจเอง”
คนที่องค์หญิงฟงกลัวมาตลอดไม่ใช่เสด็จพ่อของตนเอง แต่เป็นพระมารดาของตนเองต่างหาก
ตอนที่พระมารดาอ่อนโยนขึ้นมา ความจริงนั่นถึงจะเป็นดาบที่แหลมคมและอันตรายที่สุด
องค์หญิงฟงจากไปอย่างกระโดดโลดเต้น
อวี้เฟยมองดูแผ่นหลังที่จากไปขององค์หญิงฟง จากนั้นก็โยนน้ำชาที่อยู่ในมือลงไปบนพื้น น้ำชาที่มีอยู่เดิมร่วงหล่นบนพื้น ปล่อยก๊าซพิษลอยขึ้นมา
น้ำเสียงของอวี้เฟยเย็นชาเล็กน้อย เหมือนกับพึมพำกับตัวเอง : “จวิ้นจู่ที่มาจากต้าเยียน……”
ในคืนนี้ กู้ชิวเหลิ่งดูเหมือนจะฝันถึงเรื่องในอดีต ชาติก่อนตอนที่องค์หญิงหลัวซู่เพิ่งจะเข้ามาในจวนใหม่ๆ ตอนที่นางเห็นดวงตาที่มีเสน่ห์ชวนให้หลงใหลมาแต่กำเนิดคู่นั้น ในใจก็รู้สึกเย็นยะเยือกเล็กน้อยแล้ว ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่น แต่เป็นความสามารถในการซ่อนความคิดมุ่งร้ายเอาไว้ในรอยยิ้มขององค์หญิงหลัวซู่ท่านนี้
ครั้งหนึ่ง ถ้าหากไม่ใช่เพราะนางรู้ตัวทันเวลา ตัวเองคงถูกหลัวซู่วางยาพิษตายไปนานแล้ว
ตั้งแต่นั้นมา ขอเพียงแค่เป็นสิ่งที่หลัวซู่ส่งมา นางล้วนจะตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ถึงแม้จะเลี่ยงของกินไปได้ แต่ก็หนีของใช้ไปไม่ได้ ทุกครั้งหลัวซู่ล้วนสามารถวางยาพิษอย่างลับๆ และทุกครั้งก็ล้วนจู่โจมไปยังส่วนที่สำคัญที่สุด
ตอนนี้นึกขึ้นมาแล้ว กู้ชิวเหลิ่งยังรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก ถึงขนาดที่ว่าทุกครั้งในห้องของตัวเองต้องจุดเครื่องหอมพิษเอาไว้ ถึงจะรู้สึกสบายใจได้
วิธีการของหลัวกับซู่มู่หรงอี๋ไม่ได้แตกต่างกันเท่าไหร่ ดังนั้นหลายปีมานี้ ลูกที่สามารถเกิดมาได้ของจวินฉีเซิ่งก็มีแต่องค์หญิงฟงที่หลัวซู่ให้กำเนิดคนเดียวเท่านั้น
มู่หรงอี๋แอบฆ่าเด็กมากมายอย่างลับๆได้ มีเพียงหลัวซู่เท่านั้น เกรงว่านางยังไม่ทันได้ส่งน้ำแกงที่ผสมหงฮวาไปถึงหน้าของหลัวซู่ ก็ถูกขวางเอาไว้แล้ว
เช้าวันนี้ ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งลืมตาขึ้นมา เบื้องหน้าเป็นท้องฟ้าที่ปลอดโปร่ง
แต่ว่าในวังก็มีข่าวออกมาอีก เป่ยไห่เฟิงเจ้าน่านน้ำแห่งชนเผ่าน่านน้ำมาแล้ว
เมื่อข่าวนี้มาถึงหูของกู้ชิวเหลิ่ง ก็ถูกแพร่ออกไปอย่างไม่น่าเชื่อถือแล้ว คนในวังมากมายล้วนพากันวิจารณ์ขึ้นมา ต้าเยียนกับชนเผ่าน่านน้ำล้วนมาโดยไม่ได้รับเชิญ เพราะมีข่าวลับอะไรหรือไม่
กู้ชิวเหลิ่งกลับกล่าวอย่างแผ่วเบา: “หวังว่าเขาจะไม่ได้มาสร้างความวุ่นวายจริงๆ”