ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 201 นำอุบายเก่ามาใช้ใหม่
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้ปฏิเสธ แต่ยิ้มออกมาอย่างสุภาพ
หยินซวงซวงส่งกู้ชิวเหลิ่งกับจวินฉีเซิ่งไปถึงด้านนอกประตู โค้งคำนับด้วยท่วงท่าที่งดงาม: “หม่อมฉันน้อมส่งฝ่าบาท จวิ้นจู่เดินทางปลอดภัย”
จวินฉีเซิ่งกับกู้ชิวเหลิ่งเดินเคียงข้างกันไป จวินฉีเซิ่งจงใจเดินกลับไปในทางที่ค่อนข้างที่จะเงียบสงบ คนที่อยู่ด้านหลังล้วนอยู่ห่างไกลออกไป
“ฮ่องเต้ฉีมีอะไรจะพูดกับข้างั้นหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งไม่ได้คิดจะอ้อมค้อม และจวินฉีเซิ่งก็ไม่ได้หลบเลี่ยง แต่ว่าหยุดฝีเท้าลงมา จ้องมองดวงตาของกู้ชิวเหลิ่งอย่างไม่ละสายตา กล่าวว่า: “ไม่ทราบว่าจวิ้นจู่คิดเห็นอย่างไรกับวังหลวงของแคว้นฉี?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “แคว้นฉีกับต้าเยียนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ต่างก็มีดีของตัวเอง ก็ไม่ได้มีความคิดเห็นอย่างไร เพียงแต่ว่ามาที่นี่ไม่กี่วัน ก็เกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ หรือว่าฮ่องเต้ฉีรังเกียจว่าข้ามาเพิ่มปัญหา?”
จู่ๆจวินฉีเซิ่งก็วางมือบนไหล่ของกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “เหลิ่งเอ๋อร์ เจ้ายินดีจะแต่งงานกับข้าไหม? อยู่ที่แคว้นฉีตลอดไป?”
ความรู้สึกที่ลึกซึ้งบนใบหน้าของจวินฉีเซิ่งเพียงพอจะทำให้ผู้หญิงทุกคนหวั่นไหว ถูกพระราชาที่ได้รับความเคารพสูงสุดในใต้หล้าคนหนึ่งขอแต่งงาน เป็นความฝันของหญิงสาวในต้าหล้า
กู้ชิวเหลิ่งสามารถรู้สึกได้ถึงแรงของจวินฉีเซิ่งที่วางอยู่บนไหล่ของนาง ความรู้สึกนั่นดูเหมือนต้องการจะขยี้นางเข้าไปในเลือดและกระดูก
“ท่านทำข้าเจ็บแล้ว……”
เห็นกู้ชิวเหลิ่งขมวดคิ้ว จวินฉีเซิ่งถึงได้ยอมปล่อยมือ บนใบหน้ามีความกระอักกระอ่วนรางๆ: “ข้าก้าวล่วงแล้ว เหลิ่งเอ๋อร์……”
กู้ชิวเหลิ่งได้ยินคำว่าเหลิ่งเอ๋อร์ จู่ๆก็นึกถึงอวี้ฉือจ้านขึ้นมา และเมื่อคิดว่าชื่อนี้ถูกจวินฉีเซิ่งเรียกออกมา มันช่างทำให้คนรู้สึกสะอิดสะเอียนคลื่นไส้จริงๆ
“แต่ว่า ข้าจริงใจต่อเจ้าจริงๆนะ ถ้าหากว่าเจ้าเต็มใจ เช่นนั้นข้าก็ยินดีจะมอบตำแหน่งฮองเฮาแก่เจ้า”
ในสายตาของกู้ชิวเหลิ่งสายตาที่จริงใจของจวินฉีเซิ่งก็แค่ตลกบนคานกระโดด นำอุบายเก่ามาใช้ใหม่เท่านั้น
คิดถึงตอนนั้น จวินฉีเซิ่งก็ใช้สายตาแบบนี้ กล่าวกับนางว่านางจะเป็นฮองเฮาเพียงคนเดียว จับมือเคียงข้าง ไม่ทรยศและทอดทิ้งกันตลอดไป
แต่พอมาดูตอนนี้ วังหลังของจวินฉีเซิ่งมีสนมนับไม่ถ้วน คำพูดที่พูดออกจะถือเป็นจริงเป็นจังได้อย่างไร?
หากนางเป็นสาวน้อยที่อายุสิบสี่สิบห้าก็แล้วกันไป แต่นางดันไม่ใช่ ในเมื่อไม่ใช่ แล้วจะเชื่อคำพูดเพียงด้านเดียวของจวินฉีเซิ่งได้อย่างไร?
กู้ชิวเหลิ่งเว้นระยะห่างจากจวินฉีเซิ่ง กล่าวว่า: “ทิศทัศน์ของแคว้นฉีทำให้ข้าเกิดความรู้สึกชอบจริงๆ ภายในระยะเวลาอันสั้นก็ไม่เคยคิดจะออกจากแคว้นฉี เพียงแต่ว่าเรื่องการแต่งงานเกรงว่าคงจะไม่เหมาะสม”
“เพราะอะไร? หรือว่ามีตรงไหนที่ข้าทำได้ไม่ดีพอ หรือเป็นเพราะวังหลังแห่งนี้ทำให้เจ้าไม่พอใจ?”
ย่อมไม่ใช่อยู่แล้ว กู้ชิวเหลิ่งยิ้มออกมาเล็กน้อย กล่าวว่า: “ยังมีสาเหตุอย่างอื่นอยู่ เพียงแต่ว่าตอนนี้ข้าไม่อยากพูดเท่าไหร่”
จวินฉีเซิ่งมองดูใบหน้าของกู้ชิวเหลิ่งอย่างอาลัยอาวรณ์ ดวงตาที่ทำให้คนลุ่มหลงและใบหน้าที่ทำให้คนหลงใหลแบบนั้น
เขาไม่มีทางจะยอมปล่อยมือง่ายๆเด็ดขาด
จวินฉีเซิ่งกล่าวว่า: “เวลาไม่เช้าแล้ว ข้าส่งเจ้ากลับไปแล้วกัน”
กู้ชิวเหลิ่งส่ายหน้า กล่าวว่า: “ไม่ต้องแล้ว ข้ากลับไปเองได้ ฮ่องเต้ฉีมีราชกิจมากมาย ยังต้องไปตรวจอ่านฎีกา ข้าไม่สะดวกที่จะรบกวน”
จวินฉีเซิ่งเห็นกู้ชิวเหลิ่งหันหลังจากไป ถึงแม้ในใจจะรู้สึกเสียดาย แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะฐานะของกู้ชิวเหลิ่ง เขาแค่ต้องออกราชโองการฉบับหนึ่ง ก็สามารถแต่งงานรับกู้ชิวเหลิ่งเข้ามาในวังหลังแล้ว
และก็ไม่ต้องมาเปลืองน้ำลายอยู่ที่นี่
เพิ่งจะเดินไปแค่ครึ่งทาง กู้ชิวเหลิ่งก็หยุดฝีเท้าลงมา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา: “เจ้าน่านน้ำชมการแสดงมานานขนาดนี้แล้ว ได้เวลาออกมาแล้วล่ะมั้ง?”
คำพูดของกู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะหยุดลง เห็นเพียงชุดคลุมยาวสีฟ้าครามสะท้อนเข้ามาในดวงตา
เป่ยไห่เฟิงยืนอยู่ด้านหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง ท่าทางนั่นคือได้ชมการแสดงดีๆไปแล้วจริงๆ
“ความสามารถในการแอบฟังของเจ้าน่านน้ำไม่เลวเลย ข้างกายของจวินฉีเซิ่งมีองครักษ์ลับมากมายขนาดนี้ ท่านยังสามารถหลบออกไปได้หมด สมควรที่จะให้กำลังใจอย่างยิ่งจริงๆ”
เป่ยไห่เฟิงใกล้เข้ามาด้านหน้าของกู้ชิวเหลิ่ง กล่าวว่า: “เมื่อครู่นี้จวิ้นจู่เพิ่งจะถูกจวินฉีเซิ่งลวนลาม เรื่องนี้รู้ไปถึงอวี้ฉือจ้านจะทำอย่างไร? เมื่อครู่นี้แม้แต่ข้าก็ยังทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว กำลังคิดจะลงมือ เจ้าก็หลบออกไปก่อน”
กู้ชิวเหลิ่งเว้นระยะห่างจากเป่ยไห่เฟิง กล่าวว่า: “ดูท่าหนึ่งวันผ่านไป เสียงของเจ้าน่านน้ำกลับมาเป็นเหมือนเดิมแล้ว”
เอ่ยถึงเสียงที่สมควรตายนั่น สีหน้าของเป่ยไห่เฟิงก็ดำมืดลงมาเล็กน้อย เมื่อคืนหลังจากที่กลับไปแล้ว เขาก็รู้สึกกระหายน้ำอย่างยากที่จะทนได้ หลังจากที่ดื่มชาไปสองกาติดต่อกัน ถึงได้พบว่าตัวเองสามารถเอ่ยปากพูดแล้ว
“กู้ชิวเหลิ่ง เจ้าคิดว่าข้าเป็นผู้ชายที่แม้แต่ความแค้นที่เล็กน้อยที่สุดก็ต้องแก้แค้นแบบนั้นหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า: “เจ้าน่านน้ำย่อมสามารถล้างแค้นได้ตามใจชอบอยู่แล้ว เพียงแต่ว่าสถานการณ์ในตอนนี้ เกรงว่าคงจะให้ท่านล้างแค้นตามใจชอบไม่ได้ ยาถอนพิษยังอยู่ในมือของข้า”
เป่ยไห่เฟิงสะอึกไป จากนั้นก็กล่าวว่า: “รอให้พิษของข้าหายดีแล้ว ข้าจะต้องจับเจ้าเอาไว้ แล้วทรมานให้สาสมอย่างแน่นอน”
“รอให้พิษของท่านหายดีแล้ว อวี้ฉือจ้านก็มาแล้ว ถึงเวลานั้นคู่ต่อสู้ของท่านก็จะเป็นสองคน”
เมื่อเอ่ยถึงอวี้ฉือจ้าน น้ำเสียงของเป่ยไห่เฟิงชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นถึงรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่สามารถพ่ายแพ้ในเรื่องลักษณะท่าทางได้ จึงกล่าวว่า: “อวี้ฉือจ้านแล้วอย่างไร? บอกความจริงกับเจ้าเลย หากว่าข้าพอใจ ตอนนี้ก็สามารถพาเจ้าไปได้เลย”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย: “เช่นนั้นก็ลองดู ดูสิว่าข้าจะตามท่านไปถึงทางทะเลก่อน หรือว่าท่านจะไส้ทะลักท้องเน่าเปื่อยก่อน”
ข่มขู่สารพัดไม่เป็นผล ในที่สุดเป่ยไห่เฟิงก็ใช้ลูกไม้แสดงอารมณ์: “เจ้าตัวดีกู้ชิวเหลิ่ง ข้าอุตส่าห์เป็นห่วงว่าเจ้าจะถูกลวนลาม ดังนั้นก็เลยตามมาตลอดทาง เจ้ากลับคิดอยากจะให้ข้าตายขนาดนี้?”
“ก็ไม่ได้อยากจะให้ท่านตาย ท่านตายไปก็ไม่ได้มีอะไรดีต่อข้า เพียงแต่หวังว่าวันหน้าเจ้าน่านน้ำจะสามารถเป็นคนที่ไม่ยุ่งเรื่องชาวบ้าน เช่นนี้เราสองคนต่างคนต่างอยู่ไม่ล้ำเขตกัน ย่อมอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขอยู่แล้ว”
จู่ๆเป่ยไห่เฟิงก็ดันกู้ชิวเหลิ่งไปยังภูเขาเทียม ทั้งสองคนอยู่ใกล้กันมาก เป่ยไห่เฟิงพยายามแสดงเสน่ห์ลูกผู้ชายของตัวเองออกมา กล่าวว่า: “อวี้ฉือจ้านมีอะไรดี? ไม่มีความเร้าเริงใจและก็ไม่รู้จักดูแลเอาใจใส่ ไม่สู้ตามข้ากลับไปทางทะเลดีกว่า ที่นั่นมีสถานที่ที่สนุกสนานมากมาย? ถึงเวลานั้นเจ้าก็เป็นราชินีน่านน้ำของเจ้า ไม่ว่าจะเป็นบนพื้นดินหรือว่าในท้องทะเล ก็ไม่มีใครกล้าไม่เคารพเจ้า”
กู้ชิวเหลิ่งเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย กล่าวว่า: “ฟังดูไม่เลวจริงๆ”
ดวงตาของเป่ยไห่เฟิงเป็นประกายขึ้นมา นิ้วมือของกู้ชิวเหลิ่งแตะอยู่บนไหล่ของเป่ยไห่เฟิงแล้ว: “แต่ก่อนหน้านั้น ข้าจำเป็นต้องพิจารณาดูก่อน ว่าจะให้ส่วนไหนของท่านเน่าเปื่อยก่อนดี”
สีหน้าของเป่ยไห่เฟิงเปลี่ยนไปกะทันหัน รีบร้อนถอยหลังไปหลายก้าว สีหน้าที่มองดูกู้ชิวเหลิ่งราวกับกำลังมองดูสัตว์ประหลาด: “ใต้หล้านี้มีผู้หญิงเช่นเจ้าได้อย่างไร!”
ไม่ถูกชายหนุ่มรูปงามล่อลวงก็ช่างเถอะ แม้แต่สถานะที่สูงส่งก็ไม่เอา
ต้องรู้ว่าใต้หล้านี้มีผู้หญิงมากมายที่อยากจะแต่งงานกับเขา แต่เขาไม่เอาเลยสักคนเดียว
กู้ชิวเหลิ่งปัดมือเบาๆ กล่าวว่า: “เจ้าน่านน้ำเก็บความยุ่งยากไม่จำเป็นเอาไว้ดีกว่า ขอเพียงท่านไม่พูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด ข้าก็จะไม่ทำให้ท่านลำบากใจ เพียงแต่ว่าหากท่านต้องการจะลำบากใจกับข้า ก็อย่ามาโทษที่ข้าไม่เห็นแก่มิตรภาพก็แล้วกัน”
กู้ชิวเหลิ่งทิ้งคำพูดเอาไว้ประโยคหนึ่ง ก็เดินจากไปอย่างไม่หันกลับมามองเลย ทิ้งเป่ยไห่เฟิงเอาไว้มองดูแผ่นหลังของนางคนเดียว สีหน้าท่าทางแฝงความโศกเศร้าและโกรธเล็กน้อย