ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 203 เป็นเป้า
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 203 เป็นเป้า
ฉ่ายฉินยากที่จะเก็บซ่อนความดีใจบนใบหน้า มู่หรงอี๋ต้องการฉินโม่เอ๋อร์ที่เป็นเป้าคนนี้ ตอนนี้ฉินโม่เอ๋อร์ตกหลุมพรางด้วยตัวเอง นางย่อมได้รับรางวัลจากมู่หรงอี๋อยู่แล้ว
ฉินโม่เอ๋อร์มองดูฉ่ายฉินที่กำลังไปจัดเตรียมของอยู่ จู่ๆก็ยิ้มเย้ยหยันออกมา
นางจะมองความคิดของฉ่ายฉินไม่ออกได้อย่างไร? เพียงแต่ว่าบางครั้งก็แค่เครื่องมือในการหลอกใช้เท่านั้น ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจมากนัก
ในใจของนางตัดสินใจเอาไว้นานแล้ว จะต้องทำให้กู้ชิวเหลิ่งล้มลงก่อนให้ได้ หลังจากที่ระบายความโกรธนี้แล้ว ถึงเวลานั้นไม่แน่ว่าอาจจะมีโอกาสย้อนกลับมาจัดการมู่หรงอี๋ก็ได้
สองสามวันมานี้ความคิดของจวินฉีเซิ่งที่มีต่อมู่หรงอี๋ไม่เหมือนในอดีตแล้ว อำนาจในการควบคุมดูแลก็ตกไปอยู่ในมือของหยินซวงซวง และมู่หรงอี๋ก็ถูกกักบริเวณแล้ว ถึงแม้นางจะเป็นเป้าสักครั้งแล้วมันจะเป็นไรไป?
อย่างไรเสียความโปรดปรานของมู่หรงอี๋ก็ต่างไปจากในอดีตอย่างมาก นางยังสามารถใช้ความโปรดปรานที่ยังหลงเหลือเพียงเล็กน้อยของมู่หรงอี๋ทำให้หยินซวงซวงล้มลง จากนั้นก็ผลักความรับผิดชอบออกไปให้หมดจด เพื่อความสงบสุขของสองแคว้น จวินฉีเซิ่งก็จำต้องเชื่อนางมากกว่า ถึงเวลานั้นหยินซวงซวงกับมู่หรงอี๋ล้วนสิ้นอำนาจลง เหลือเพียงนังปีศาจเหมียวเจียงกับฮองเฮาที่ป่วยกระเสาะกระแสะคนหนึ่ง จะสามารถทำอะไรได้?
ฉินโม่เอ๋อร์เกี่ยวรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย หรูเสวี่ยไม่รู้ว่ามาปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าเมื่อไหร่ หยิบขวดยาออกมาจากแขนเสื้อขวดหนึ่ง กล่าวว่า: “ฉินเฟย ได้เวลากินยาแล้วเพคะ”
ฉินโม่เอ๋อร์หยิบขวดเครื่องเครือบสีขาวขึ้นมา มองเห็นใบหน้าของหรูเสวี่ยที่เคยถูกนางทำลาย ฉินโม่เอ๋อร์ก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาทันที: “เรื่องกินยาต่อไปเจ้าไม่ต้องมาด้วยตัวเองแล้ว ข้ากินเองได้”
“นายท่านเคยสั่งไว้ว่า หลังจากที่ฉินเฟยมาถึงแคว้นฉีแล้ว ต้องกินยาเป็นระยะๆ มิเช่นนั้น……”
หัวใจของฉินโม่เอ๋อร์ราวกับมีกองไฟกำลังลุกโชน หงุดหงิดรุนแรงอย่างมาก: “นายท่านนายท่าน! เจ้าสามารถกลับไปหาท่านพ่อที่ต้าเยียนได้ตั้งแต่ตอนนี้เลย ไม่ต้องติดตามอยู่ข้างกายของข้าอีก! พวกเจ้ารอดูไปเถอะ ช้าเร็วข้าก็จะกลายเป็นฮองเฮาแห่งแคว้นของแคว้นฉีแห่งนี้! อวี้ฉือกงไม่เอา มีคนประคองข้าเอาไว้ในมืออย่างทะนุถนอมมากมาย!”
พูดจบ ฉินโม่เอ๋อร์ก็โยนยาเม็ดที่อยู่ในขวดเครื่องเครือบเข้าไปในปาก จากนั้นก็โยนขวดเครื่องเครือบไปตรงหน้าของหรูเสวี่ย
หรูเสวี่ยก้มหน้ามองดูยาที่อยู่ในขวดเครื่องเคลือบถูกฉินโม่เอ๋อร์กินเข้าไปทีละคำ รอยยิ้มที่โหดร้ายค่อยๆปรากฏขึ้นมาตรงมุมปาก
ฉ่ายฉินห่อขวดอาเกตที่เลือกเสร็จ เพิ่งจะเดินมาถึงหน้าประตู ก็เห็นฉินโม่เอ๋อร์ได้เปลี่ยนเป็นชุดที่ค่อนข้างงามเรียบไม่ฉูดฉาดแล้ว ถึงแม้จะแตกต่างจากชุดสีขาวล้วน แต่ก็มีท่วงท่าที่อ่อนช้อยนุ่มนวลจริงๆ ทำให้คนเกิดความรู้สึกชอบขึ้นมา
ฉินโม่เอ๋อร์กล่าวอย่างราบเรียบ: “สิ่งที่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงชอบเจ้ารู้หมดใช่ไหม?”
ฉ่ายฉินไม่กล้าตอบคำถามนี้อย่างง่ายดาย แต่กล่าวขึ้นมาว่า: “คนที่อยู่ในวังต่างก็รู้ว่ากุ้ยเฟยชอบอาเกต ดังนั้นบ่าวก็เลยตัดสินใจเลือกขวดอาเกตนี้มาเอง”
ฉินโม่เอ๋อร์เลิกคิ้ว กล่าวว่า: “นางกำนัลรับใช้อย่างเจ้าถือได้ว่ามีไหวพริบดี ขวดอาเกตอันนี้ถือได้ว่าเป็นของชั้นเลิศในบรรดาสินเดิมที่ติดตัวมาตอนแต่งงาน เจ้าเลือกได้เก่งมาก”
น้ำเสียงของฉินโม่เอ๋อร์ทำให้คนสับสนงุนงง ฉ่ายฉินรีบคุกเข่าลงไปบนพื้นทันที กล่าวว่า: “บ่าวไม่ทราบว่านี่เป็นของรักของฉินเฟยเหนียงเหนียง บ่าวจะเอาไปเปลี่ยนเดี๋ยวนี้”
ฉินโม่เอ๋อร์กล่าวขึ้นมาอย่างไม่ใส่ใจ: “ช้าก่อน ในเมื่อเป็นของรักของข้า ข้าก็ยังสามารถมอบของรักให้แก่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงได้ จะเห็นได้ถึงความจริงใจของข้า เจ้าเก็บเอาไว้อย่างดีเถอะ อย่าให้แตกหักเด็ดขาด มิเช่นนั้น……เจ้าได้เจอดีแน่”
ฉ่ายฉินรีบร้อนกล่าวว่า: “บ่าวจะถือเอาไว้อย่างดี ไม่ให้มีความผิดพลาดแม้แต่น้อย”
ฉินโม่เอ๋อร์จับเส้นผมที่อยู่ตรงขมับของตัวเอง กล่าวว่า: “รูปร่างลักษณะเช่นนี้ของข้ามีอะไรผิดพลาดหรือไม่?”
ฉ่ายฉินส่ายหน้าซ้ำๆ: “ไม่มีเพคะ ฉินเฟยเหนียงเหนียงงดงามมาแต่กำเนิด ไม่ว่าจะใช่ชุดอะไรก็ดูดีอย่างมาก”
ฉินโม่เอ๋อร์หัวเราะคิกคัก กล่าวขึ้นมาอย่างอารมณ์ดี: “เราไปกันเถอะ”
“เพคะ”
ฉ่ายฉินติดตามอยู่ด้านหลังของฉินโม่เอ๋อร์อย่างระมัดระวัง ยังมีนางกำนัลสิบคนตามหลังมาอย่างใกล้ชิด เดินตลอดทางมาถึงหน้าตำหนักเฟิงหรวน ก็เป็นเวลาบ่ายแล้ว
ยีชุ่ยรออยู่ด้านนอกตำหนักเป็นเวลานานแล้ว เห็นฉินโม่เอ๋อร์มาแล้ว มุมปากก็เริ่มยิ้มขึ้นมา: “บ่าวคำนับฉินเฟยเหนียงเหนียง น้อมทักทายฉินเฟยเหนียงเหนียง”
ฉินโม่เอ๋อร์พยักหน้า ยีชุ่ยก็กล่าวว่า: “ฉินเฟยเหนียงเหนียงเชิญทางนี้”
ฉินโม่เอ๋อร์ติดตามอยู่ด้านหลังของมู่หรงอี๋ยีชุ่ยพาฉินโม่เอ๋อร์เข้าไปในตำหนักด้านนอก มู่หรงอี๋แต่งกายเรียบร้อยแล้ว นั่งดื่มน้ำชาอยู่บนตั่งนอนด้วยใบหน้าเปล่งปลั่งมีชีวิตชีวา
“หม่อมฉันน้อมทักทายกุ้ยเฟยเหนียงเหนียง”
มู่หรงอี๋พยักหน้าอย่างแทบจะมองไม่เห็น กล่าวว่า: “ลุกขึ้นมาเถอะ”
“ขอบพระทัยกุ้ยเฟย”
มู่หรงอี๋กล่าวกับยีชุ่ยว่า: “ประทานที่นั่ง”
“เพคะ”
ฉินโม่เอ๋อร์นั่งอยู่บนเก้าอี้ ขยิบตาให้กับฉ่ายฉินที่อยู่ข้างกาย กล่าวว่า: “หยูอี้ที่กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงส่งมาเมื่อครู่นี้ หม่อมฉันรับเอาไว้แล้ว และได้เตรียมของขวัญตอบแทนมามอบให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงโดยเฉพาะ”
ฉ่ายฉินยกขวดอาเกตอันนั้นอย่างเคารพนบนอบ เดินมาถึงด้านหน้า ย่อมมียีชุ่ยมารับไป
มู่หรงอี๋เปิดฝาออก ก็เห็นขวดอาเกตที่งดงามไม่ธรรมดาอันหนึ่งจริงๆ
“หม่อมฉันได้ยินมาว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงชอบอาเกต ดังนั้นจึงเตรียมสิ่งนี้มาให้ หวังว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงจะรับเอาไว้”
ฉินโม่เอ๋อร์มองสังเกตสีหน้าท่าทางของมู่หรงอี๋ หลังจากแน่ใจแล้วว่ามู่หรงอี๋ชอบของขวัญชิ้นนี้จริงๆ ถึงได้โล่งใจไปเปลาะหนึ่ง
“น้องสาวจะเกรงใจเช่นนี้ทำไม? ข้ารู้สึกว่าขวดอาเกตนี้งดงามอย่างยิ่ง แล้วข้าก็ชอบมาก เพียงแต่ว่าที่เรียกน้องสาวมาในครั้งนี้ เพราะต้องการจะคุยเรื่องอื่น”
ฉินโม่เอ๋อร์ย่อมรู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่มู่หรงอี๋อยากจะพูดคือเรื่องอะไร เพียงแต่ว่ายังไม่ดีที่จะเปิดเผยออกมาอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น ได้แต่แสร้งทำเป็นไม่รู้ กล่าวถาม: “ไม่ทราบว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงเรียกหม่อมฉันมา ต้องการจะถามเรื่องอะไรหรือ?”
มู่หรงอี๋กล่าวว่า: “น้องสาวก็มาจากต้าเยียน รู้จักหนิงจวิ้นจู่ที่เพิ่งเข้าวังมาในระยะนี้หรือไม่?”
ฉินโม่เอ๋อร์กล่าวว่า: “ย่อมรู้จักอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้ในงานเลี้ยงแห่งแคว้น หนิงจวิ้นจู่ท่านนี้โดดเด่นอย่างมาก ได้รับการชื่มชมจากฮ่องเต้แห่งต้าเยียน ดังนั้นถึงได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจวิ้นจู่”
มู่หรงอี๋ย่อมรู้เรื่องพวกนี้อยู่แล้ว ก็แค่พูดอ้อมค้อมกับฉินโม่เอ๋อร์เท่านั้น เห็นว่าฉินโม่เอ๋อร์ก็รู้ว่าสิ่งใดควรสิ่งใดไม่ควรเช่นกัน ดังนั้นจึงกล่าวว่า: “หลายวันมานี้ข้าเห็นฝ่าบาทใส่ใจต่อหนิงจวิ้นจู่ท่านนี้มาก ไม่รู้ว่าหนิงจวิ้นจู่ท่านนี้มีใจให้กับฝ่าบาทเช่นกันหรือไม่ ถ้าหากว่ามีเช่นนั้นก็ยุ่งยากแล้ว”
มู่หรงอี๋มองสังเกตสีหน้าท่าทางของฉินโม่เอ๋อร์ เห็นใบหน้าของฉินโม่เอ๋อร์มีความสงสัยแวบผ่านไปเล็กน้อยจริงๆ ดังนั้นมู่หรงอี๋จึงกล่าวต่อไปว่า: “หลายวันนี้ข้าคิดไปคิดมา ก็คิดมาถึงระดับนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นผลดีกับน้องสาว ดังนั้นจึงเรียกตัวน้องสาวมา หารือร่วมกัน”
“ไม่ทราบว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงต้องการจะหารือเรื่องอะไรกันแน่?”
มู่หรงอี๋กล่าวว่า: “ตอนนี้น้องสาวในฐานะที่เป็นองค์หญิงเหอชิงแห่งต้าเยียน เข้าวังแต่งตั้งเป็นสนม ฐานะย่อมสู่งส่งอยู่แล้ว แต่ว่าหนิงจวิ้นจู่ก็มาจากต้าเยียนเช่นกัน ถ้าหากได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมเช่นนั้น เช่นนั้นประโยชน์ของน้องสาว สำหรับฝ่าบาทแล้วก็ไม่ได้มีมากเท่าไหร่แล้ว”
คำพูดนี้ของมู่หรงอี๋ถือได้ว่าชัดเจนแล้ว เดิมทีที่นางมาก็เพื่อสันติภาพของสองแคว้น ครึ่งหนึ่งของความโปรดปรานที่จวินฉีเซิ่งมีต่อนางก็เพราะสาเหตุนี้ ถ้าหากว่ากู้ชิวเหลิ่งมาแล้ว เช่นนั้นความโปรดปรานทั้งหมดของจวินฉีเซิ่งก็จะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับนางแล้ว