ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 226 มู่หรงอี๋ตั้งครรภ์
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 226 มู่หรงอี๋ตั้งครรภ์
มู่หรงอี๋ตะโกนเรียก “จวินฉีเซิ่ง” อย่างคลุมเครือ แต่จวินฉีเซิ่งได้เดินจากไปโดยมิแม้จะมองมู่หรงอี๋เลย
มู่หรงอี๋กำหมัดแน่น นางเป็นสตรีที่งดงามที่สุดในแคว้นฉี เป็นสตรีที่ทุกคนต่างก็จับจ้อง จึงจะมิมีใครสามารถเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของนางได้ แม้แต่จวินฉีเซิ่งก็ตาม!
เมื่อจวินฉีเซิ่งเดินออกประตูไปก็ชนเข้ากับยีชุ่ย
จวินฉีเซิ่งเหลือบมองยีชุ่ยอย่างเย็นชา ยีชุ่ย จึงรีบคุกเข่าลงกับพื้นทันที กล่าวว่า “ถวายบังคมฝ่าบาท!”
“กุ้ยเฟยหลิ่วสติมิดี ทั้งยังเอ่ยวาจาไร้สาระ หากเจ้าปฏิบัติตามล่ะก็ ข้าก็จะฆ่าเจ้าเสียก่อน”
ยีชุ่ยรีบนำศีรษะโขกพื่นสามครั้งแล้วเอ่ยว่า “หม่อมฉันมิบังอาจ!”
“มิบังอาจหรือ? หลายวันมานี้ข้าเห็นเจ้าช่างใจกล้าบังอาจนัก ข้าให้เจ้าคอยดูกุ้ยเฟย แต่ข้ามิได้ให้ใครไปติดตามนาง!”
ศีรษะของยีชุ่ยเต็มไปด้วยเลือด “หม่อมฉันรู้ผิดแล้ว! หม่อมฉันจะมิกล้าบังอาจอีกแล้ว! ขอฝ่าบาททรงอภัยเพคะ!”
จวินฉีเซิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “ช่วงนี้นางคิดจะเล่นแง่ต่าง ๆ นา ๆ แต่ข้ากลับมิรู้ เจ้าควรให้ความสำคัญกับศรีษะของเจ้ากว่านี้”
ยีชุ่ยสั่นสะท้านไปทั้งตัว เมื่อมีสติกลับมาถึงได้รู้ว่าจวินฉีเซิ่งได้เดินจากไปแล้ว
ยีชุ่ยคุกเข่าอยู่นานมิกล้าลุกขึ้นยืน เดิมทีนางเป็นตัวหมากที่จวินฉีเซิ่งวางไว้ข้างมู่หรงอี๋เมื่อสี่ปีที่แล้ว หลังจากนั้นผ่านสิ่งต่าง ๆ มาเนิ่นนาน นางจะมิรู้นิสัยใจคอของฝ่าบาทได้อย่างไร? มิต้องเอ่ยถึงมู่หรงอี๋ แม้แต่มู่หรงชิวซึ่งเป็นมเหสีองค์แรกเขายังโหดร้ายได้ขนาดนั้น มิต้องเอ่ยถึงนางเป็นเพียงข้ารับใช้
ยีชุ่ยรีบวิ่งเข้าไปในตำหนักเฟิงหรวน เห็นเพียงมู่หรงอี๋ที่หมดสติอยู่บนพื้น ศีรษะของนางเต็มไปด้วยเลือดเช่นเดียวกัน ใบหน้าครึ่งหนึ่งของนางบวม ทั้งยังมีฟันอยู่บนพื้น เห็นได้ชัดว่าถูกจวินฉีเซิ่งทำร้ายอย่างแน่นอน
“ช่วยด้วย! หมอหลวง! รีบส่งหมอหลวงมาเร็ว!”
มู่หรงอี๋นอนอยู่บนพื้นโดยมิขยับเขยื้อน จนกระทั่งหมอหลวงมา สักพักหมอหลวงก็คุกเข่าลงกับพื้นและกล่าวว่า “ยินดีด้วย กุ้ยเฟย! ยินดีด้วย! กุ้ยเฟยตั้งครรภ์!”
มู่หรงอี๋ลุกขึ้นมาอย่างกะทันหันและจับข้อมือของหมอหลวงแน่น “เจ้าเอ่ยว่าอย่างไรนะ เอ่ยใหม่อีกครั้งสิ”
“กุ้ยเฟยตั้งครรภ์แล้ว ทั้งยังตั้งครรภ์ได้เดือนกว่าแล้วด้วย แต่ทารกในครรภ์มิมั่นคงนัก นี่เป็นครั้งแรกที่นางตั้งครรภ์ ดังนั้นนางจะต้องพักผ่อนให้สบาย”
หมอหลวงได้เก็บกล่องยาแล้วกล่าวต่อ “กระหม่อมจะไปทูลข่าวดีต่อฝ่าบาท กระหม่อมทูลลา!”
“ช้าก่อน!”
มู่หรงอี๋รั้งหมอหลวงไว้ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความสุขและความตื่นเต้นที่อธิบายมิได้ “เรื่องดีเช่นนี้ ให้ข้าไปทูลฝ่าบาทด้วยตนเองดีกว่า”
แต่ยีชุ่ยที่ยืนอยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าของนางเปลี่ยนไป การที่มู่หรงอี๋กำลังตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ดีสำหรับมู่หรงอี๋ แต่เป็นหายนะครั้งใหญ่สำหรับนาง
“ยีชุ่ย เจ้ามัวทำอะไรอยู่ เหตุใดมิรีบไปทูลฝ่าบาท! เชิญฝ่าบาทไปที่ตำหนักเฟิงหรวน”
“……เจ้าค่ะ”
“ช้าก่อน ข้าไปเอง จงไปเตรียมเกี้ยว”
ยีชุ่ยกล่าวด้วยสีหน้าซีด ๆ “มิได้ กุ้ยเฟยท่านยังถูกกักบริเวณอยู่ ฝ่าบาททรงสั่งมิให้ท่านออกนอกประตูวัง”
สีหน้าของมู่หรงอี๋เปลี่ยนไปด้วยความชั่วร้าย “อะไรนะ ข้ากำลังตั้งครรภ์ทายาทฮ่องเต้ จะให้เขาต้องอยู่ในห้องโถงที่อึดอัดหายใจมิออกนี้อีกสิบเดือนเชียวหรือ แม้แต่เจ้าก็ยังกล้าที่จะขัดคำสั่งของข้าหรือไร?”
“หม่อมฉันมิบังอาจ! มิได้หมายความว่าเช่นนั้น!”
ยีชุ่ยคุกเข่าลงกับพื้น ร่างกายของนางสั่นสะท้าน
มู่หรงอี๋่กล่าวว่า “ข้าจะยกโทษให้เจ้า ในฐานะที่อยู่เคียงข้างข้ามาหลายปี ข้าจะมิฆ่าเจ้า แต่บัดนี้ไปเตรียมเกี้ยวเสีย ข้าจะออกไปหาฝ่าบาท”
“……เจ้าค่ะ”
เหตุใดยีชุ่ยจะมิรู้ว่าการมิมีทายาทคือความหวังของมู่หรงอี๋ ในช่วงสี่ปีที่ผ่านมา มิว่าจวินฉีเซิ่งจะทุ่มเทให้กับมู่หรงอี๋มากแค่ไหน แต่มู่หรงอี๋ก็ก็ยังมิตั้งครรภ์ และด้วยเหตุนี้นางสนมทั้งหมดในวังจึงได้รับยาจากมู่หรงอี๋ ยกเว้นวี่เฟยที่สามารถให้กำเนิดเจ้าหญิงได้ นอกจากนี้ก็มิมีใครมีสิทธิ์ที่จะตั้งครรภ์
บัดนี้มู่หรงอี๋กำลังตั้งครรภ์แล้ว ดังนั้นนางจึงกลายเป็นคนใจกว้างไปโดยปริยาย
แต่จวินฉีเซิ่งจะมิมีวันปล่อยให้เด็กคนนี้เกิดมาแน่
ยีชุ่ย ค่อย ๆ ถอยออกไป เมื่อเกี้ยวของมู่หรงอี๋มาถึงห้องทรงพระอักษรของจวินฉีเซิ่ง ก็เป็นเวลาเย็นแล้ว
จวินฉีเซิ่งขมวดคิ้วจนปวดเมื่อย เมื่อเขาเห็นใบหน้าบวมแดงของมู่หรงอี๋ที่มิเข้ากัน ทำให้ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดมากขึ้น “ใครให้เจ้ามาสร้างปัญหาที่นี่ ข้ากักบริเวณเจ้าอยู่ แต่เจ้ากล้าออกมาโดยโดยพลการ ดูเหมือนว่าเจ้ามิต้องการตำแหน่งกุ้ยเฟยอีกแล้วสินะ!”
“ฝ่าบาท หม่อมฉันมาเพื่อบอกข่าวดีบางอย่างแก่ฝ่าบาท”
มู่หรงอี๋ยิ้ม แม้ว่ารอยยิ้มแบบนั้นจะมิได้ดูมีเสน่ห์บนใบหน้าปัจจุบันของนางก็ตาม “ฝ่าบาท หม่อมฉันตั้งครรภ์ได้มากกว่าหนึ่งเดือนแล้ว ”
ใบหน้าที่หงุดหงิดเดิมของจวินฉีเซิ่งเย็นลงทันที เขาหรี่ตาลงพร้อมมองไปที่มู่หรงอี๋และกล่าวว่า “เจ้าเพิ่งเอ่ยว่าอย่างไรนะ?”
“หม่อมฉันตั้งครรภ์แล้วเพคะ”
มู่หรงอี๋ดื่มด่ำกับความตื่นเต้นที่ได้ตั้งครรภ์โอรส โดยมิทราบว่าใบหน้าของจวินฉีเซิ่งเต็มไปด้วยความมิพอใจ จวินฉีเซิ่ง เหลือบมองไปที่ยีชุ่ยที่อยู่ด้านหลังมู่หรงอี๋ ยีชุ่ยก็รีบก้มศีรษะของนางทันที
จวินฉีเซิ่งแสดงรอยยิ้มออกมา ยิ้มเยาะด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน “ส่งคนไปเอาน้ำแกงลูกมังกรของข้าในวันนี้มา กุ้ยเฟยกำลังตั้งครรภ์แล้ว ข้าอยากจะตอบแทนนาง”
มู่หรงอี๋นั่งบนเก้าอี้ถัดไปและจิบชา คนอื่นมิรู้ว่าน้ำแกงลูกมังกรคืออะไร แต่ยีชุ่ยนั้นรู้ ทำให้ใบหน้าของ ยีชุ่ย ซีดเผือก
มู่หรงอี๋กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาท ยังจำได้ไหมว่าได้ทรงสัญญากับหม่อมฉันเมื่อสองปีก่อนว่าหากหม่อมฉันได้กำเนิดโอรสได้สำเร็จ จะได้เป็นฮองเฮา”
จวินฉีเซิ่งกล่าว “แน่นอนว่าข้าจำได้ และข้าจำทุกคำที่ข้าเอ่ยกับเจ้าได้อย่างชัดเจน”
ยีชุ่ยได้นำน้ำแกงลูกมังกรมา จากนั้นจวินฉีเซิ่งก็เดินลงจากเก้าอี้มังกรด้วยตนเอง เขาหยิบน้ำแกงลูกมังกรมาจากมือของยีชุ่ย ตักซุปหนึ่งช้อน เป่าแล้วส่งไปหน้ามู่หรงอี๋
“ข้าจะป้อนเจ้าเอง”
มู่หรงอี๋ดื่มซุปแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มว่า “ฝ่าบาทมิได้ป้อนหม่อมฉันเช่นนี้มานานแล้ว”
จวินฉีเซิ่งป้อนให้มู่หรงอี๋เพียงคำเดียว จากนั้นจึงวางน้ำแกงลูกมังกรไว้และเอ่ยว่า “ข้าก็มิได้ทำมานานแล้ว และก็จะมิมีอีกต่อไปในอนาคต”
“ทรงว่าอย่างไรนะเพคะ?”
ทันใดนั้น มู่หรงอี๋ก็รู้สึกว่าท้องส่วนล่างแน่นขึ้น ความเจ็บปวดนั้นรุนแรงมาก ร่างกายส่วนล่างของนางก็มีเลือดออกมา
จวินฉีเซิ่งกล่าวอย่างเย็นชา “นี่คือดอกคำฝอยที่มีสรรพคุณทางยาที่ยอดเยี่ยม นวลน้องจะเจ็บปวดเพียงชั่วขณะหนึ่งเท่านั้น มิใช่เรื่องใหญ่อะไร”
“ฝ่าบาท……?”
จวินฉีเซิ่งกล่าวอย่างไร้ความปรานี “ข้าให้เกียรติแแก่เจ้าเป็นเวลาสี่ปีก็ถือว่าเป็นของขวัญที่ดีเยี่ยมแล้ว เจ้าอยากเป็นฮองเฮางั้นหรือ เจ้ามันแค่เพียงโสเภณีต่ำต้อยก็คู่ควรกับความโสโครกของหญิงโสเภณีแล้ว”
“ฝ่าบาท! ท่านหมายความว่าอย่างไร! ลูกของข้า……”
จวินฉีเซิ่งกล่าวว่า “ข้าหมายความว่าตามนั้น นวลน้อง ข้ามิได้ผิดสัญญา เจ้ามิสามารถให้กำเนิดเด็กคนนี้ได้ และมิต้องคิดเกี่ยวกับตำแหน่งฮองเฮาอีกต่อไป”
มู่หรงอี๋ที่เจ็บปวดทั่วทั้งร่างกายจนเหงื่อไหลออกมาทั่ว “ฝ่าบาท! ช่วยลูกของข้าด้วย ! ช่วยลูกของข้า! ยีชุ่ย! เจ้ามัวทำอะไรอยู่ เหตุใดมิรีบพาหมอหลวงมา! นี่คือลูกฝ่าบาทนะ!”
บทที่ 225 ชะตากรรมที่ถูกขโมย
บทที่ 227 ทำแท้งน้ำแกงลูกมังกร