ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 227 ทำแท้งน้ำแกงลูกมังกร
ลำนำยอดหญิงจอมพิษ บทที่ 227 ทำแท้งน้ำแกงลูกมังกร
ยีชุ่ยยืนอยู่ข้าง ๆ โดยที่มิได้ขยับไปไหน จวินฉีเซิ่งบีบคางของมู่หรงอี๋เบา ๆ แล้วกล่าวว่า “อย่าคิดมาก เก็บเด็กไว้มิได้หรอก มดลูกของเจ้าจะค่อย ๆ หดตัวทีละน้อย ส่วนตัวเด็กนั้นก็จะตายไป ”
เมื่อรู้สึกถึงเลือดที่ไหลอยู่ระหว่างขาของนาง มู่หรงอี๋ก็ได้ตกจากเก้าอี้ลงไปที่พื้น ดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวดราวกับแมลง “จวินฉีเซิ่ง! เจ้าจะต้องตาย!”
จวินฉีเซิ่งมองลงมาที่มู่หรงอี๋ทั้งแบบนั้นแล้วกล่าวว่า “ย้อนกลับไปในเมื่อสมัยนั้น ข้าก็ให้ซุปที่ทำให้เกิดภาวะมีบุตรยากแก่เจ้าเช่นนี้ นวลน้องมิรู้สึกคุ้นเคยหรอกหรือ เจ้าเป็นคนชักชวนให้ข้าทำสิ่งนี้ตั้งแต่แรกเอง ลืมไปแล้วหรือ? กรรมตามสนอง เรื่องนี้มันมิเกี่ยวกับข้า มันเป็นการแก้แค้นของเจ้าเอง! ”
“ยีชุ่ย! ทุกวันนี้ข้าดูแลเจ้ามาเป็นอย่างดี! แต่เจ้ากลับปฏิบัติกับข้าเช่นนี้หรือ!”
จวินฉีเซิ่งก้าวไปข้างหน้าและจับคางอันบอบบางของยีชุ่ย จูบที่ริมฝีปากสีแดงของยีชุ่ย เลียที่มุมปากอย่างน่ารังเกียจ “นางเป็นผู้หญิงของข้า เพียงแต่เอาไว้เคียงข้างเจ้าเพื่อไว้เฝ้าดู เจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าข้าเชื่อใจในตัวเจ้า เมื่อเจ้ารู้ความลับของข้าแล้ว ข้าก็จะมิเก็บเจ้าไว้อีกต่อไป ”
“เจ้า! พวกเจ้า!”
เดิมทียีชุ่ยเป็นสาวใช้ห้องข้างของจวินฉีเซิ่ง แต่หลังจากที่มู่หรงอี๋มาถึง จวินฉีเซิ่งก็ส่งนางไปหามู่หรงอี๋ เพื่อเฝ้าติดตามนาง มิเช่นนั้นนางสามารถอยู่กับจวินฉีเซิ่งต่อไป โดยที่เป็นนางสนมก็มิมีปัญหา
ลูกของมู่หรงอี๋ได้จากไปอย่างสิ้นเชิงแล้ว จวินฉีเซิ่งกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไปแจ้งหมอหลวงว่ากุ้ยเฟยเผลอกินบางอย่างโดยมิได้ตั้งใจ ทำให้ต้องเสียบุตรไป นางเสียใจยิ่งนัก และจะมิยอมรับการสอบสวนใด ๆ ”
มู่หรงอี๋หมดสติไปแล้ว ส่วนยีชุ่ยคุกเข่าลงกับพื้นแล้วกล่าวว่า “บ่าวจะไปแจ้งหมอหลวงเอง”
“ช้าก่อน!”
จวินฉีเซิ่งกล่าวว่า “ตัวตนของเจ้าถูกเปิดเผยแล้ว มิเหมาะที่จะอยู่กับนางอีก ข้าจะให้เจ้าเป็นนางสนมและอาศัยอยู่ในตำหนักเฟิงหรวน เจ้าต้องการหรือไม่?”
“จะให้หม่อมฉันอาศัยอยู่ในตำหนักเฟิงหรวน กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงคง……”
“หลิ่วหยินจู๋ได้สังหารทายาทของข้ามาเนิ่นหลายปีแล้ว เมื่อได้รับการตรวจสอบ จึงถูกลดตำแหน่งให้เป็นกุ้ยเหริน สั่งให้นางไปอยู่พระราชวังเขตต้องห้ามในตำหนักเฟิงหรวน รอเมื่อนางตื่นขึ้น ข้าต้องการให้เจ้าบอกนางด้วยตัวเอง”
“ว่าอย่างไรนะเพคะ?”
ยีชุ่ยมิอยากจะเชื่อเลยว่าจวินฉีเซิ่งจะคิดหาวิธีลงโทษมู่หรงอี๋ได้ ในช่วงสองปีที่ผ่านมา จวินฉีเซิ่งเกลียดชังมู่หรงอี๋ยิ่งนัก บัดนี้มู่หรงอี๋ที่อวดดีว่าตนฉลาดได้ไปยั่วยุคนของแคว้นต้าเยียนเข้า จึงมิน่าแปลกใจที่จวินฉีเซิ่งจะทำเรื่องที่ใจร้ายเช่นนี้
ยีชุ่ยรู้อยู่แก่ใจว่าจวินฉีเซิ่งเป็นคนเลว ดังนั้นนางจึงหยุดกล่าวทันที “บ่าวน้อมรับคำสั่ง”
“จากนี้ไป ต่อหน้าข้าให้เรียกตัวเองว่าหม่อมฉัน”
ใบหน้าของยีชุ่ยแดงเล็กน้อย นางกล่าวว่า “หม่อมฉันเข้าใจแล้ว หม่อมฉันจะไปทำเดี๋ยวนี้เพคะ”
จวินฉีเซิ่งเหลือบมองมู่หรงอี๋ที่เป็นลมอยู่บนพื้น หลังจากข่มขู่เขามาหลายปี บัดนี้ดูเหมือนว่าใบหน้านี้มิใช่เครื่องต่อรองอีกต่อไป มู่หรงอี๋หนอมู่หรงอี๋ นี่คือผลลัพธ์ของการที่กล้าต่อรองกับข้า
จวินฉีเซิ่งกล่าวกับขันทีที่เพิ่งก้าวเข้าประตูมา “รีบปิดข่าวเสีย มิมีใครควรรู้ถึงการมาของหลิ่วกุ้ยเฟยในวันนี้”
“กระหม่อมเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“จงเผยประสงค์ของข้า หลิ่วหยินจู๋ได้สังหารทายาทของฮ่องเต้มานานหลายปี ให้ลดระดับเหลือเป็นกุ้ยเหรินส่งไปอยู่พระราชวังภายในเขตต้องห้าม ส่วนยีชุ่ยทำงานได้ดีเยี่ยมและได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผิน”
ขันทีมิเข้าใจว่าเกิดสิ่งใดขึ้น ผ่านไปสักพัก ด้วยประสบการณ์ในการทำงานหลายปี จึงทำให้เขามิกล้าถามอะไรมาก และรีบกล่าวขึ้นว่า “กระหม่อมจะไปดำเนินการให้เดี๋ยวนี้”
จวินฉีเซิ่งพยักหน้าและกล่าวว่า “ต้องไปทำอย่างไร เจ้ารู้ใช่หรือไม่?”
“เอ่อ……”
“ข้าแค่อยากให้นางสนมในวังรู้เจตนานี้ของข้า โดยเฉพาะเซ่อเจิ้งหวางและพระชายา”
“พ่ะย่ะคะ กรหม่อมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้”
เมื่อหมอหลวงเข้ามา เห็นมู่หรงอี๋ล้มลงกับพื้น จวินฉีเซิ่งจึงกล่าวว่า “กุ้ยเฟยกินดอกคำฝอยโดยมิได้ตั้งใจ เจ้าสั่งยาให้กุ้ยเฟยสองชนิดเพื่อปรับสภาพร่างกายของนาง เข้าใจหรือไม่”
“พ่ะย่ะค่ะ!”
หมอหลวงรับคำสั่งโดยที่ร่างสั่นเทาไปทั้งตัว แล้วส่งมู่หรงอี๋ไปที่พระราชวังภายในเขตต้องห้าม แม้จะเป็นเวลาดึกดื่นแล้ว
จวินฉีเซิ่งกล่าวกับองครักษ์ลับที่กำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นว่า “จงติดตามไปยังพระราชวังภายในเขตต้องห้าม หลังจากที่หมอหลวงวินิจฉัยชีพจรและสั่งยาแล้ว ทุกคนที่เห็นว่ามู่หรงอี๋ถูกหามไปจะต้องตายทั้งหมด”
“กระหม่อมน้อมรับคำสั่ง!”
จวินฉีเซิ่งเปิดอ่านสาส์นที่กราบทูลอย่างเป็นระเบียบต่อไป ราวกับว่ามู่หรงอี๋มิเคยมาที่นี่
เช้าตรู่ก่อนรุ่งสาง กู้ชิวเหลิ่งก็ได้ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วด้วยเหตุผลบางอย่าง ภาพแปลก ๆ สองสามภาพแวบวับในความฝันของนาง หัวใจของนางก็เต้นแรงราวกับว่ามีสิ่งเลวร้ายกำลังเกิดขึ้น
จวินฉีเซิ่งก็ลุกขึ้นมาเช่นกัน เขากอดกู้ชิวเหลิ่งอย่างนุ่มนวลแล้วถามว่า “เหตุใดเจ้ามินอนต่อเล่า”
“มิมีอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกมิสบายใจนิดหน่อย”
“ข้าให้จีเฟิงเตรียมน้ำร้อนให้แล้ว เจ้าเห็นไหมว่าเจ้าเหงื่อตกไปทั้งตัว”
กู้ชิวเหลิ่พยักหน้า บัดนี้นางฝันถึงฉากที่จวินฉีเซิ่งป้อนยาบำรุงภาวะมีบุตรยากเข้าปากของนางในชีวิตก่อนหน้านี้
ความรู้สึกนั้นบีบคั้นหัวใจจริง ๆ
เมื่อกู้ชิวเหลิ่งสวมเสื้อคลุม อวี้ฉือจ้านก็หันกลับมาเอ่ยว่า “มีข่าวจากพระราชวังในตอนเช้าว่าหลิ่วกุ้ยเฟยถูกลดตำแหน่งเป็นกุ้ยเหริน ข้าได้ยินมาว่านางกินอะไรมิดีเข้าไปทำให้แท้งบุตร”
“แท้งบุตร? ลดตำแหน่งหรือ?”
กู้ชิวเหลิ่งดูเหมือนจะคิดอะไรบางอย่างได้แล้วยิ้มออกมา “เป็นเช่นนี้เองสินะ”
“มีอะไรหรือ?”
“มิมีอะไร”
กู้ชิวเหลิ่งจำได้ว่าก่อนที่นางจะเสียชีวิตในชีวิตก่อนหน้านี้ นางบอกกับมู่หรงอี๋ว่าจวินฉีเซิ่งจะมิยอมให้นางให้กำเนิดบุตร นางเป็นบุตรสาวของหญิงซ่องโสเภณี นางสนมต่ำต้อย และยังเป็นบุตรสาวของคนทรยศ นางสามารถเปลี่ยนตัวตนของนางได้โดยการรับใช้เอาใจจวินฉีเซิ่ง ในสายตาของจวินฉีเซิ่งนั้น เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างยิ่งแล้ว มิต้องเอ่ยถึงการเป็นที่โปรดปรานถึงมาสี่ปี และได้ชื่อว่าเป็นกุ้ยเฟยที่งดงาม
แต่มู่หรงอี๋ยังคงโลภในบัลลังก์ของฮองเฮา วินฉีเซิ่งจะปล่อยมู่หรงอี๋ไปได้อย่างไร
ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา มู่หรงอี๋ได้สังหารทายาทของฮ่องเต้ มิใช่ว่าเขามิได้สนใจ แต่เนื่องจากรากฐานของเขายังมิมั่นคงสตรีส่วนใหญ่ในวังล้วนเป็นลูกหลานของราชวงศ์ก่อนหน้านี้ ดังนั้นเขาจึงต้องยืมมือของมู่หรงอี๋เพื่อขจัดอันตรายที่ซ่อนอยู่ในอนาคต เมื่อแคว้นฉีอยู่ในอำนาจและมิมีขุนนางชั้นผู้ใหญ่จากราชวงศ์ก่อนหน้านี้ที่สามารถสั่นคลอนตำแหน่งของเขาได้ เขาจึงจะปล่อยให้นางสนมบางคนให้กำเนิดบุตร
แน่นอนว่าเขาต้องมิปล่อยให้สตรีที่ฐานะต่ำต้อยมาให้กำเนิดบุตรของเขา เพราะในสายตาของจวินฉีเซิ่งแล้ว สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นดั่งจุดด่างพร้อย
มู่หรงอี๋หนอมู่หรงอี๋ เจ้าอยู่กับจวินฉีเซิ่งมาสี่ปีแล้ว ตอนแรกเจ้าคิดว่าเจ้ารู้ว่าจวินฉีเซิ่งเป็นคนแบบไหนและจะต้องเตรียมพร้อมทางจิตใจอย่างไร เพียงแค่ว่าบัดนี้มันมิสำคัญอีกแล้ว
ในตอนนั้นเจ้าเกลี้ยกล่อมจวินฉีเซิ่งอย่างไร ทำให้ข้าเสียลูกตั้งครรภ์มิได้ แล้วยังหักนิ้วทั้งสิบของข้าและฆ่าข้าด้วยสารตะกั่วอย่างไรเล่า
แต่อย่ากลัวไปเลย เพราะนี่มิใช่ความเจ็บปวดที่สุด
อวี้ฉือจ้านกอดกู้ชิวเหลิ่งจากด้านหลัง กล่าวว่า “ข้าอาบน้ำให้เจ้าดีหรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งตบหลังมือของอวี้ฉือจ้าน เบา ๆ ตอบว่า “อืม”