ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 229 พวกเดียวกัน
กู้ชิวเหลิ่งแสดงสีหน้าเย็นชา จวินฉีเซิ่งเป็นคนแบบไหนนางรู้ดีที่สุด เขาใช้วิธีใดเล่นงานคนที่เกลียดชังนางย่อมรู้ดี มิเช่นนั้นในตอนนั้นเหตุใดนางถึงถูกขังไว้ในคุกเล่า? แล้วเหตุใดจวินฉีเซิ่งจึงปล่อยให้มู่หรงอี๋ไปส่งนางเป็นครั้งสุดท้าย? ในใจของจวินฉีเซิ่งอำมหิตมากเพียงใด มู่หรงอี๋ยังไกลเกินเอื้อม
แต่พวกเขาเหมาะสมกัน สมกับเป็นพวกเดียวกันจริง ๆ
กู้ชิวเหลิ่งจิบชาแล้วกล่าวว่า “หาโอกาสดี ๆ ยั่วยุนางเสีย ข้าว่านอกจากจวินฉีเซิ่งจะยั่วยุนางแล้ว เจ้าในฐานะคนเคยเป็นศัตรูกัน ก็ควรจะยั่วยุ ทางที่ดี……ทำให้นางเป็นบ้าจึงจะน่าดู”
เมื่อออกจากตำหนักของหยินซวงซวง กู้ชิวเหลิ่งกำลังเดินกลับได้ครึ่งทาง ตรงหน้าก็ปรากฏบุรุษสวมชุดกี่เพ้าสีฟ้าน้ำทะเล เป่ยไห่เฟิงทำเหมือนว่ากำลังรอนางอยู่ ใบหน้าเผยรอยยิ้มอันสดใส ราวกับมิเคยเกลียดชังกันมาก่อน
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะจำได้ว่าเป่ยไห่เฟิงยังอยู่ในตำหนัก เพียงแต่อวี้ฉือจ้านมาแล้ว นางก็ยังมิรู้ว่าเป่ยไห่เฟิงมาทำอะไรที่นี่
“เจ้าน่านน้ำมาเดินเล่นในตำหนักบัดนี้?”
“ครั้งที่แรกข้าช่วยเจ้าไว้ เจ้าจะขอบคุณข้าสักนิดยังมิมีเลยหรือ? เสียเวลาหลายวันที่ข้าเฝ้ารอ แต่ก็มิเห็นเจ้าหรือใครสักคนมาให้รางวัล”
คนที่เป่ยไห่เฟิงพูดถึงคงเป็นอวี้ฉือจ้านที่กลับมาในคืนนั้น จวินฉีเซิ่งทำพฤติกรรมมิดีกับนางไว้
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มระเรื่อ พร้อมกับกล่าวว่า “ข้ามิได้ขอให้เจ้าน่านน้ำทำธุระให้สักหน่อย อันที่จริงแล้วในตอนนั้นหากเจ้ามิเข้ามายุ่ง ข้าจะยังมีเรื่องใดได้? แค่กลัวว่าครั้งนี้มาเพื่อหายาแก้พิษกระมัง? ”
คำพูดของกู้ชิวเหลิ่งทำเอาเป่ยไห่เฟิงถึงกับสำลัก กล่าวว่า “นี่ก็สามสี่วันแล้ว ข้ากลัวว่าเจ้ามีอวี้ฉือจ้าน แล้วจะลืมว่าในวังนี้ยังมีข้าเป่ยไห่เฟิงอยู่อีกคน”
เป่ยไห่เฟิงมองกู้ชิวเหลิ่งราวกับว่ายากเกินจะเชื่อถือได้ จึงโดนด่าสาดเสียเทเสียว่า “เจ้า! เจ้ากล้าล้อข้าเล่น?”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เจ้าน่านน้ำมิต้องร้อนใจ แต่ก่อนข้าก็แค่เล่นลูกไม้เล็กน้อย ตั้งแต่ที่กินยาแก้พิษ ร่างกายของเจ้าน่านน้ำก็มิมีปัญหา เดิมก็มิถือว่าพิษอะไรหรอก มิจำเป็นต้องแก้พิษด้วยซ้ำ”
กู้ชิวเหลิ่งพยักหน้าลงเล็กน้อยกล่าว่า “เจ้าน่านน้ำเป็นอะไร? ถึงกับให้ยาพิษรุนแรงขนาดนี้กับเจ้า หรือว่าข้าหาเรื่องใส่ตัว? เพียงแค่เมื่อสักครู่อวี้ฉือจ้านมิอยู่ ข้ามิสามารถรับประกันได้ว่าการกระทำของเจ้ามีผลดีกับข้าหรือไม่ จึงล้อเล่นเล็กน้อยเจ้าน่านน้ำอย่าคิดเล็กคิดน้อยกับสตรีตัวเล็ก ๆ เช่นข้าเลย ”
เป่ยไห่เฟิงกัดฟันกล่าวว่า “กู้ชิวเหลิ่ง เจ้ามันแน่!”
อากาศร้อนอบอ้าวเหลือเกิน นางมิอยากจะข้องแวะกับเป่ยไห่เฟิงมากสักเท่าไร กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “ขอบคุณคำชมของเจ้าน่านน้ำ มิมีธุระอันใด ข้าขอตัวก่อน เจ้าน่านน้ำเดินเล่นต่อ ข้าขอตัวกลับ”
“ช้าก่อน! ”
กู้ชิวเหลิ่งเพิ่งจะก้าวออกไป เป่ยไห่เฟิงก็ขวางหน้าไว้ นางมองขึ้นไป เอ่ยถามอย่างเย็นชาว่า “เจ้าน่านน้ำยังมีธุระอันใดอีก เชิญกล่าวออกมาตามตรงดีกว่า เมื่อกล่าวจบข้าจะได้ตอบ จะได้มิเสียเวลาซึ่งกันและกัน”
“หากเจ้าคิดว่าการทำแท้งพวกนี้เป็นเรื่องเปลืองเวลา งั้นก็มิต้องฟังหรอก”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ข้ามิเคยตั้งครรภ์ แท้งบุตรเกี่ยวอันใดกับข้าหรือ? ขอตัวก่อน”
“ข้าพูดถึงการแท้งของสนมหลิว! เจ้ามิสนใจไยดีหรือ? ”
“หาก……งั้นนางกำนัลเสียโฉมนั่น บ่าวรับใช้ข้างกายฉินเฟยที่ผสมบางอย่างแปลก ๆ เจ้าสนใจหรือไม่? ”
กู้ชิวเหลิ่งพอจะเดาออกว่ามู่หรงอี๋แท้งได้อย่างไร มิได้สนใจอยู่แล้วยังจะต้องรู้จากปากของ เป่ยไห่เฟิงอีกรอบ จึงกล่าวว่า “มิได้เกี่ยวข้องอันใดกับข้า หากเจ้าจะกล่าว ก็จงไปกล่าวกับหลิ่วกุ้ยเฟย ข้าว่านางก็คงมิยินยอมที่จะรู้ว่าตัวเองแท้งได้อย่างไร”
กู้ชิวเหลิ่งหยุดฝีเท้าลง สตรีผู้นั้นนามว่าหรูเสวี่ย นางเคยเห็นแค่เพียงครั้งเดียว และก็เคยสนทนากับนางแค่เพียงเรื่องเดียว ในบัดนี้เตรียมพร้อมที่จะส่งออกจากวังแล้ว ให้เจอเป่ยไห่เฟิงในบัดนี้คงมิใช่เรื่องดีนัก
เป่ยไห่เฟิงก้าวไปข้างหน้ากล่าวว่า “เช่นไร? เจ้าสนใจอยากฟังหรือ? ”
“มิสนใจ เจ้าน่านน้ำหูแว่วไปแล้ว ทางที่ดีทำไปตามกฎ ระวังจะหาเรื่องใส่ตัว ”
กู้ชิวเหลิ่งจากไปมิแม้แต่จะหันกลับมา เป่ยไห่เฟิงมองด้านหลังของกู้ชิวเหลิ่งที่กำลังเดินจากไป จู่ ๆ ก็รู้สึกสนุกขึ้น เขาส่งคนไปสืบพบว่านางกำนัลรับใช้ผู้เสียโฉมหรูเสวี่ยกับกู้ชิวเหลิ่งเคยเจอมาก่อน ทั้วยังรู้ตัวตนที่แท้จริงของหรูเสวี่ย เขาจงใจหาเรื่องยั่วนาง แต่นึกมิถึงเลยว่ากู้ชิวเหลิ่งทำเหมือนกับว่ามิเป็นอะไร มิกระสับกระส่ายร้อนตัว มิคิดแม้แต่ให้เขาหุบปาก สตรีประเภทนี้สมแล้วที่อวี้ฉือจ้านถูกใจ
เป่ยไห่เฟิงบิดขี้เกียจกล่าวว่า “หากหลายปีก่อนข้าเจอก็คงจะดี! ”
กู้ชิวเหลิ่งกลับถึงตำหนักข้าง อวี้ฉือจ้านกลับมาตั้งนานแล้ว เขาที่กำลังอ่านจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ ค่อย ๆ พับมันลง
“เหตุใดจึงกลับมาเร็วนัก? ”
อวี้ฉือจ้านหมุนตัวมองกู้ชิวเหลิ่งเดินเข้าประตูมา บนตัวมีเหงื่อไหลอยู่เล็กน้อย
อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า “จวินฉีเซิ่งสั่งคนไปเฝ้าที่หน้าเรือนฉูหรวน บอกว่าหลิ่วกุ้ยเหรินสูญเสียบุตรไปอย่างเจ็บปวด ฟุบลงไปยังมิฟื้น มิสะดวกที่จะให้ผู้ใดเข้าตรวจสอบ”
กู้ชิวเหลิ่งยิ้มระเรื่อกล่าวว่า “ทางฝั่งนางมิสะดวกที่จะตรวจสอบ เห็นได้ชัดว่าจวินฉีเซิ่งกลัวว่าเจ้าถามสิ่งที่มิควรถามจากปากนาง จึงกล่าวพวกนั้นเพื่อบังหน้าไป ”
“เขาสามารถฆ่าหลิ่วกุ้ยเหรินได้ มิจำเป็นต้องเปลืองแรง”
“เจ้าพูดถูก นางคงจะใกล้ตายแล้ว เพียงแต่บัดนี้ค่อนข้างเสี่ยง จวินฉีเซิ่งจึงมิกล้าเผยพิรุธ บัดนี้เขาคงกลัวคนอื่นกล่าวหาเขา ไหนจะในเมืองหลวงบัดนี้กำลังแพร่ข่าวเรื่องที่เขาวางแผนแย่งชิงบังลังก์ รอให้ผ่านช่วงเวลานี้ไปก็คงแพร่ข่าวมู่หรงอี๋เสียลูก จึงฆ่าตัวตายยามดึกจึงเป็นข่าวฉาว?”
อวี้ฉือจ้านกล่าวว่า “หากว่าข้าเป็นจวินฉีเซิ่ง ก็จะเอาความรับผิดชอบทั้งหมดผลักไปที่คนตายหลิ่วกุ้ยเหรินบอกว่าหลายปีมานี้นางคิดปองร้ายทายาท จนสนมมิอาจตั้งครรภ์ ทั้งยังมีนิสัยอิจฉาริษยา สังหารฉินเฟย โยนความผิดให้ วี่เฟย ยังมีแผนการอีกมากมาย สามารถอธิบายได้เลยว่าหลายปีมานี้เหตุใดจึงมิมีบุตรสักที ปิดปากข้าประจำสำนักไว้ อีกด้านหนึ่งก็คือคุ้มครองวี่เฟยกับเหมียวเจียงไว้ ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “เมื่อถึงตอนนั้นจริง พวกข้าก็คงสิ้นหนทางแล้ว”
“น้องนางรู้แล้วหรือว่าจะทำเช่นไร? ”
กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “ทำเช่นไร? ในเมื่อเขานึกว่าสามารถควบคุมสตรีของตนเองได้ เช่นนั้นก็ให้เขาได้ลิ้มรสชาติของการถูกหักหลังบ้าง หากถูกสตรีที่ร่วมเรียงเคียงหมอนมาตั้งนานหลายปีทรยศ เปลี่ยนรัชสมัยในเวลาอันสั้น แบบนี้ถึงจะสนุก ”
กู้ชิวเหลิ่งแอบมองแสงท้องฟ้าด้านนอก ท้องฟ้าค่อย ๆ มืดลง ใกล้จะถึงค่ำคืนหนึ่งที่มู่หรงอี๋คงจะสิ้นหวังเหลือเกิน ความรู้สึกที่ร่วงจากฟ้าลงมาสู่โคลนตมเป็นอย่างไร? เจ็บปวดมากไหม? หลังจากนี้ยังมีความเจ็บปวดมากกว่านี้