ลำนำยอดหญิงจอมพิษ - บทที่ 248 ข้าคือมู่หรงชิว
“เจ้าหมายความว่าอย่างไรกัน?”
จวินฉีเซิ่งพยายามเขย่าโซ่ แต่เขาก็มิสามารถหลุดพ้นจากมันไปได้
จวินฉีเซิ่งฝึกฝนศิลปะการต่อสู้มาหลายปี แต่หลังจากที่เขาขึ้นครองราชย์ก็มิได้ฝึกวิทยายุทธอีกเลย กู้ชิวเหลิ่งมองดูจวินฉีเซิ่งแล้วรู้สึกน่าขำยิ่งนัก นางกล่าวว่า “น่าเสียดายเหลือเกินที่เจ้ามิได้เอ่ยถึงเรื่องการฆ่าภรรยาของเจ้าออกมาด้วย ข้าอยากเห็นเสียจริงว่าตอนที่เจ้ายอมรับเรื่องเป็นคนฆ่ามู่หรงชิว เจ้าจะทำหน้าตาท่าทางอย่างไร”
“เจ้า…… เจ้าว่าอย่างไรนะ?”
จวินฉีเซิ่งมองไปทางกู้ชิวเหลิ่งอย่างเหลือเชื่อ กู้ชิวเหลิ่งกล่าวว่า “มู่หรงชิว ข้าหมายถึงมู่หรงชิว เจ้าคงมิได้ลืมแม้กระทั่งภรรยาที่เติบโตมาด้วยกันของเจ้าหรอกใช่หรือไม่?”
มู่หรงชิว ชื่อนี้ฝังอยู่ในสมองของจวินฉีเซิ่งมาเนิ่นนานหลายปีโดยมิอาจลบทิ้งไปได้ เขาจะลืมมู่หรงชิวได้อย่างไร จะว่าไปก็มีความสัมพันธ์เป็นสามีภรรยากันถึงแปดปี แต่บัดนี้เมื่อเขาเห็นใบหน้าการแสดงออกของกู้ชิวเหลิ่ง จวินฉีเซิ่งก็รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าตอนนี้คือกู้ชิวเหลิ่ง
เขารู้สึกและเชื่ออย่างนั้นโดยมิมีเหตุผล เพราะว่ามีเพียงมู่หรงชิวเท่านั้นที่ใช้สายตาแบบนี้มองเขา
“เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้าจับตัวข้ามาเช่นนี้ต้องการอะไร กู้ชิวเหลิ่ง ก่อนหน้านี้ข้าประเมินเจ้าต่ำเกินไป จู่ๆ เจ้ากลับมีความสามารถมากมาย นับตั้งแต่ก้าวแรกที่เจ้าเข้ามายังแคว้นฉี ก็เพื่อดึงข้าลงมาจากบัลลังก์พร้อมกับอวี้ฉือจ้านใช่หรือไม่?”
กู้ชิวเหลิ่งมองไปยังชายที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วกล่าวว่า เจ้าเพิ่งจะรู้เอาบัดนี้ มันมิสายไปหน่อยหรือ จวินฉีเซิ่งชายเช่นเจ้ามิเหมาะที่จะเป็นฮ่องเต้ เรื่องที่จวินหวาเทียนจะเข้ามาแทนที่เจ้า มันเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นในมิช้าก็เร็ว เหอะๆ เจ้าดูสภาพตัวเจ้าสิ เพื่อจะได้ขึ้นครองบัลลังก์แล้ว เจ้าฆ่าคนมากมายเท่าไรกัน แม้แต่ลูกสาวแท้ๆ ของเจ้า เจ้าก็สามารถลงมือได้ แต่ก็อย่างว่า แม้แต่ลูกที่ยังมิได้เกิดออกมาลืมตาดูโลกของเจ้า เจ้าก็ยังกล้าฆ่าได้ แล้วมีอะไรที่เจ้ามิกล้าฆ่าอีก?”
สีหน้าของจวินฉีเซิ่งดูตกตะลึง “เจ้าว่าอย่างไรนะ เจ้าเป็นใครกันแน่ เจ้ารู้เรื่องอะไรบ้าง!”
กู้ชิวเหลิ่งเหยียบไปที่มือของจวินฉีเซิ่งแล้วใช้แรงขยี้กดมัน จวินฉีเซิ่งรู้สึกเจ็บปวดเข้าไปในดวงใจ ความเจ็บปวดนั้นราวกับว่ากระดูกได้แตกร้าว
“ข้าเป็นใครหรือ จวินฉีเซิ่งเจ้ามิรู้จักข้าแล้วจริงหรือ? ข้าก็คือผู้ที่ถูกเจ้าเล่นกับความรู้สึกแล้วทอดทิ้งไปเมื่อแปดปีก่อน เป็นเครื่องมือให้เจ้าใช้และโยนทิ้งหลังจากหมดประโยชน์ ข้าก็คือมู่หรงชิวอย่างไรเล่า…… จวินฉีเซิ่งเจ้ากระทำทุกสิ่งอย่างมากมายเพียงนี้ ในตอนค่ำคืนเจ้ามิเคยตื่นจากฝันร้ายบ้างหรือไร ลูกในท้องของข้า ถูกเจ้าทำลายทิ้งเองกับมือ เจ้าปล่อยให้มู่หรงอี๋ทำร้ายทารุณข้าจนถึงแก่ความตาย เวลาเช่นนี้ เจ้ายังมาเอ่ยอำนาจกษัตริย์อะไรกับข้าอีก เจ้าก็เป็นเพียงแค่นักโทษที่ถูกข้ากุมขัง เจ้ามันต้องตายโดยมิต้องสงสัย!”
ตอนที่จวินฉีเซิ่งได้ยินกู้ชิวเหลิ่งกล่าวประโยคนี้ออกมา จู่ๆ เขาก็นึกได้ถึงครั้งแรกที่พบกับกู้ชิวเหลิ่ง และสัมผัสได้ถึงรังสีอำมหิต อาฆาต ต่อมาเมื่อกู้ชิวเหลิ่งกล่าวถึงไห่ถัง ทั้งยังมีการสัมผัสกับเขาทางร่างกาย เบาะแสทุกสิ่งอย่างนำมารวมกันแล้วจึงทำให้จวินฉีเซิ่งได้เข้าใจ
แม้ว่าเรื่องนี้จะดูเป็นไปได้ยากยิ่ง แต่คนที่อยู่ตรงหน้านี้คือมู่หรงชิวอย่างแน่นอน
จวินฉีเซิ่งตั้งใจจะขยับหนี แต่เขามิอาจขยับได้ เขาครองราชย์มาเป็นเวลาสี่ปี นับตั้งแต่เขาเดินทางไปต้าเยียนและพบกับกู้ชิวเหลิ่ง ร่างของกู้ชิวเหลิ่งก็มักปรากฏขึ้นในสมองของเขา บางครั้งเขาก็หวนนึกถึงช่วงเวลาที่เคยอยู่กินเป็นสามีภรรยากัน เเต่สถานการณ์ตอนนี้มิเหมือนเดิม มู่หรงชิวยืนอยู่ตรงหน้าเขาตัวเป็นๆ และจะแย่งชิงทุกอย่างไปจากเขา เขาจะปล่อยให้ทำเช่นนั้นได้อย่างไร
“มู่หรงชิว เรื่องราวก่อนหน้านี้ข้าผิดต่อเจ้า แต่เจ้ามิควรจะร่วมมือกับคนอื่นมาทำให้ข้าต้องถึงแก่ความตายเช่นนี้!”
“เหตุใดข้าจึงมิอาจลงโทษเจ้าให้ถึงแก่ความตายได้ ในตอนนั้นเจ้ากับมู่หรงอี๋ทรมานข้าอย่างแสนสาหัสจนข้าตายไป เหตุใดพวกเจ้าจึงมินึกถึงประโยคนี้บ้าง จวินฉีเซิ่ง ข้าช่วยเหลือเจ้าจนได้ขึ้นครองราชย์เป็นฮ่องเต้ แต่เจ้ากลับทำลายตระกูลมู่หรงของพวกเราจนหมดสิ้น ข้าพยายามอย่างยิ่งอยากจะให้กำเนิดบุตรแก่เจ้า แต่เจ้ากลับทำให้เขาต้องตายตั้งแต่ในครรภ์ เจ้าป้อนยาแท้งบุตรให้แก่ข้าด้วยตนเอง เจ้าหลอกใช้ข้าอย่างสาสม หลังจากที่เจ้าได้ขึ้นครองราชย์แล้วเจ้ากลับมิรักษาคำพูด ทำให้ข้าต้องตายไปด้วยความโกรธแค้น ในตอนนี้แค่เพียงแค่ต้องการฆ่าเจ้า ข้ารู้สึกว่าการกระทำเช่นนั้นมันทำให้เจ้าตายอย่างง่ายดายเหลือเกิน”
เนื่องจากบัดนี้กู้ชิวเหลิ่งค่อนข้างที่จะอารมณ์ซับซ้อน ดวงตาของนางจึงแดงเรื่อ แต่มิได้เป็นเพราะเศร้าโศกใจ มันเกิดขึ้นจากความโมโหเคียดแค้นต่างหากเล่า “บัดนี้เจ้ามีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าข้ามิควรทำ ข้ามู่หรงชิว แต่ไหนแต่ไรมามิเคยทำเรื่องที่ผิดต่อเจ้า แต่ว่าเจ้ากับมู่หรงอี๋กับลักลอบแอบทำร้ายข้าอยู่เบื้องหลัง ใส่ร้ายว่าข้าเป็นผู้ที่มิภักดี นำศพของข้าไปโยนทิ้งในสุสานร้าง จวินฉีเซิ่ง หัวใจของเจ้ามันช่างโหดเหี้ยมเหลือเกิน หากมิใช่เพราะว่าศพของฮ่องเต้จะต้องถูกตรวจโดยหมอหลวงต่อหน้าขุนนางทั้งหลายล่ะก็ ข้าอยากจะหั่นเจ้าเป็นชิ้นๆ เหลือเกิน เจ้าคิดว่าเจ้ายังมีโอกาสมาเอ่ยวาจาไร้สาระเช่นนี้ได้หรือ?”
ตอนที่กู้ชิวเหลิ่งกล่าวเรื่องราวเหล่านี้ออกมา จวินฉีเซิ่งก็ไร้สิ้นความหวัง นางคงจะต้องจัดการกับตนจนถึงแก่ความตายอย่างแน่นอน และจะมิให้เขาตายไปอย่างสงบ
กู้ชิวเหลิ่งหยิบขวดยาเล็กๆ ออกมา ด้านในนั้นเต็มไปด้วยหนอนยั้วเยี้ย กู้ชิวเหลิ่งได้ใช้มีดกรีดไปที่แขนข้างหนึ่งของจวินฉีเซิ่งจากนั้นโยนหนอนเข้าไปข้างใน
จวินฉีเซิ่งเบิกตากว้าง เขารู้สึกได้ว่าภายในร่างกายราวกับถูกหนอนกัดกิน มันเจ็บปวดจนยากจะบรรยาย คงมิมีผู้ใดสามารถอดทนต่อความเจ็บปวดนี้ได้ กู้ชิวเหลิ่งมองไปทางจวินฉีเซิ่งที่อยากจะกลิ้งเกลือกไปบนพื้นแต่ถูกโซ่เหล็กมัดเอาไว้ จึงมิอาจขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย จวินฉีเซิ่งตั้งใจจะตะโกนออกมาเพื่อร้อง แต่กู้ชิวเหลิ่งได้นำผ้ายัดปากของจวินฉีเซิ่ง เอาไว้
หางตาของกู้ชิวเหลิ่งเหลือบมองดูและพบศพของมู่หรงอี๋ยังนอนอยู่ด้านข้าง
“เจ้ารู้หรือไม่ ที่จริงแล้วมู่หรงอี๋มิได้ตายเพราะถูกวี่เฟยฆ่า นั่นเป็นเพียงแผนการของข้าเท่านั้น มู่หรงอี๋ตัวจริงนอนอยู่ที่นี่และนางถูกข้าตัดนิ้วมือทิ้งทีละนิ้วๆ อย่างโหดเหี้ยม ข้ายังได้ตัดขาอันเรียวงามของนางทิ้งไปด้วยข้างหนึ่ง ทำให้นางขาดเลือดจนตาย วิธีการทำร้ายทรมานร่างกายคนอื่นแบบนี้ แท้จริงแล้วข้าก็อยากให้เจ้าได้สัมผัสดู น่าเสียดายเหลือเกิน ในตอนนั้นชื่นชอบมู่หรงอี๋มากมิใช่หรือไร เจ้าชื่นชอบมู่หรงอี๋ถึงขนาดสามารถเปลี่ยนชื่อให้นางได้ ยอดหญิงงามแห่งแคว้นฉี ช่างมีเสน่ห์ดึงดูดยิ่งนัก ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าจงลงไปเป็นผีคู่สามีภรรยากันที่นรกเถิด นับว่านี่เป็นบุญที่ข้าสามารถทำให้พวกเจ้าได้ ให้เจ้าได้ลงไปยังนรกและมองเห็นใบหน้าอันโหดเหี้ยมโหดร้ายของมู่หรงอี๋ในทุกๆ วัน”
เส้นเลือดของจวินฉีเซิ่งปูดโปนจนแทบจะแตก เขามิอาจบอกได้ว่าความเจ็บปวดในตอนนี้เป็นเช่นไร ทว่ามันเจ็บปวดยิ่งกว่าถูกมีดพันเล่มเข้ามาทิ่มแทง
กู้ชิวเหลิ่งได้ยินน้ำเสียงอู้อี้ของจวินฉีเซิ่ง ก็หัวเราะขึ้นว่า “พิษนี้ต้องขอบคุณวี่เฟยยิ่งนัก นางรู้ว่าสักวันเจ้าจะลงมือทำร้ายนาง ดังนั้นนางจึงได้เขียนจดหมายไว้ด้วยตนเอง รอมอบให้แก่จวินหวาเทียน ฝากจวินหวาเทียนนำไปยังเผ่าเหมียวเจียง และนี่คือหนอนพิษกู่ล้ำค่าที่สุดของเหมียวเจียง การที่นำมาใช้กับร่างของเจ้าเช่นนี้ช่างเหมาะสมเหลือเกิน วางใจเถิด มันจะค่อยๆ กัดกินอวัยวะภายในของเจ้า จนกระทั่งเจ้าเจ็บปวดจนถึงแก่ความตาย แต่ภายนอกนั้นจะมองมิเห็น ร่องรอยใดทั้งสิ้น”